ใครที่เจอเหตุการณ์รถแบตหมด ไม่ว่าจะสตาร์ทไม่ติดตั้งแต่ตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน หรือขับไปข้างนอกแล้วกลับมาจะสตาร์ทรถแล้วอย่างไรก็ไม่ยอมติด คงรู้สึกว่างานเข้าแล้วจะต้องทำอย่างไรดีใช่ไหม เพื่อช่วยให้สมาชิกบัตรเครดิต KTC หรือใครก็ตามผ่านพ้นสถานการณ์รถแบตหมด ด้วยวิธีสตาร์ทรถให้สามารถขับต่อไปยังร้านแบตเตอรี่เพื่อเปลี่ยนแบตลูกใหม่ได้ นอกจากนี้ เรายังจะแนะนำการสังเกตสัญญาณเตือนก่อนที่รถของคุณจะแบตหมดให้ได้เตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ อีกด้วย
อุปกรณ์ที่คุณควรมีติดรถไว้สำหรับสตาร์ทรถที่แบตหมด
แบตเตอรี่รถยนต์
ก่อนจะไปศึกษาวิธีสตาร์ทรถแบตหมด หรือ ช่วยไขข้อข้องใจว่ารถแบตหมดต้องทำอย่างไรนั้น เราอยากให้คุณลองดูในรถแล้วหาสิ่งของที่จำเป็นเพื่อนำมาใช้สตาร์ทรถให้สามารถขับต่อไปได้ก่อน แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ใครที่มาอ่านบทความนี้ก่อนที่รถจะเจอปัญหาแบตหมดได้เตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ต้องตกใจหรือเสียเวลาแก้ปัญหาเรื่องนี้นานนั่นเอง
- สายพ่วงแบตเตอรี่
ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่เจ้าของรถทุกคันควรมีติดรถไว้เสมอ ทั้งไว้ใช้ตอนที่รถตัวเองแบตหมด หรือใช้ช่วยเหลือรถคันอื่นที่ประสบปัญหารถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งราคาของสายพ่วงแบตรถยนต์จะเริ่มตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักพันบาท ขึ้นอยู่กับแบรนด์และคุณภาพของสายพ่วง
- เครื่องจัมป์สตาร์ทรถยนต์
สำหรับใครที่อยากไปไหนได้มั่นใจโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเจอปัญหาแบตเตอรี่รถหมด ก็ลองหาซื้อเครื่องจัมป์สตาร์ทรถยนต์ หรือที่บางคนเรียกว่าอุปกรณ์ช่วยสตาร์ทรถยนต์ ที่มีราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาทติดรถไว้ก็ได้ แน่นอนว่าคุณจะสามารถสตาร์ทรถที่แบตหมดให้ติดได้โดยที่ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
สายพวงแบตเตอรี่
9 ขั้นตอนในการพ่วงแบตรถยนต์ด้วยรถอีกคัน
หากสามารถหารถที่จะช่วยสตาร์ทรถได้แล้ว ก็มาถึง 9 ขั้นตอนในการพ่วงแบตรถยนต์ที่สามารถทำตามได้ง่ายๆ ดังนี้
- ให้รถคันที่จะมาช่วยพ่วงแบตเตอรี่จอดหันหน้าเข้าหาด้านหน้ารถของคุณให้ใกล้ที่สุด
หลังจากจอดได้ระยะเรียบร้อยแล้วให้ทำการดับเครื่องแล้วเปิดฝากระโปรงหน้ารถทั้งสองคัน - ดูให้แน่ใจว่าคุณได้ปิดระบบไฟฟ้าและแอร์ของรถทั้งสองคันเรียบร้อยแล้ว
- นำ สายสีแดง มาคีบที่แบต ขั้วบวก + ของรถคันที่มาช่วยจัมป์สตาร์ท
- นำ สายสีแดง อีกข้างที่เหลือมาคีบที่แบต ขั้วบวก + ของรถคันที่แบตหมด
- นำ สายสีดำ มาคีบที่แบต ขั้วลบ - ของรถคันที่มาช่วยจัมป์สตาร์ท
- นำ สายสีดำ อีกข้างที่เหลือมาคีบบริเวณตัวถังที่เป็นโลหะภายในห้องเครื่องของรถคันที่แบตหมด
- ทำการสตาร์ทเครื่องรถคันที่มาช่วยก่อน ทิ้งไว้ราว 2-3 นาที จากนั้นค่อยสตาร์ทรถคันที่แบตหมด
- เมื่อรถคันที่แบตหมดสตาร์ทติดแล้ว ให้ถอดสายสีดำที่คีบกับตัวถังรถคันแบตหมดออก จากนั้นถอดสายสีดำที่คีบอยู่กับขั้วลบ - ของรถคันที่มาช่วยจัมป์สตาร์ท
- ถอดสายสีแดงที่คีบอยู่กับขั้วบวก + ของรถที่แบตหมดออก จากนั้นถอดสายสีแดงที่คีบอยู่กับขั้วบวก + ของรถคันที่มาช่วยจัมป์สตาร์ทออก เป็นอันเสร็จวิธีการสตาร์ทรถแบตหมดอย่างสมบูรณ์แบบ
2 สัญญาณเตือนว่าไฟในแบตเตอรี่รถของคุณใกล้หมดแล้ว
สัญญาณเตือนแบตหมด
เพื่อให้คุณสามารถรู้เท่าทันก่อนที่จะไปเจอเหตุการณ์รถแบตหมดสตาร์ทไม่ติดที่ไหนก็ตาม เหล่านี้คือ 3 สัญญาณเตือนที่หากเกิดขึ้นก็ควรจะขับรถไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่โดยด่วน
1. รถเริ่มสตาร์ทติดยากในตอนเช้า, ระหว่างวัน, และหลังจอดนานหลายวัน
หากรถเริ่มสตาร์ทติดยาก ไม่ว่าจะเป็นในตอนเช้าหรือระหว่างวันที่ขับรถไปจอดแวะที่ไหน ไปจนถึงการจอดรถไว้นานราว 3-5 วัน ซึ่งอาการที่เห็นเด่นชัดก็คือขณะสตาร์ทจะมีเสียงการทำงานของไดสตาร์ทลากยาวสักครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาทำงานตามปกติ
2. เสียงไฟเลี้ยวดังแปลกๆ ไม่ตรงกับสัญญาณไฟที่กะพริบบนเรือนไมล์
รถบางคันที่แบตใกล้หมดจะเริ่มมีอาการเสียงไฟเลี้ยวดังไม่ตรงกับสัญญาณไฟที่กะพริบบนเรือนไมล์ ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าระบบไฟฟ้าของรถยนต์เกิดปัญหา แต่จริงๆ แล้วนั้นมาจากแบตเตอรี่รถของคุณเสื่อมสภาพจนใกล้จะหมดประสิทธิภาพในการเก็บกระแสไฟ และทำให้ระบบไฟฟ้าภายในรถเริ่มรวนจนมีอาการนี้ปรากฏขึ้นที่ระบบไฟเลี้ยวนั่นเอง
เกร็ดความรู้: ไฟรูปแบตสีแดง ไม่ใช่แบตหมด แต่อันตรายมากกว่าที่คุณคิด
สำหรับใครที่กำลังขับรถอยู่แล้วจู่ๆ ก็มีสัญลักษณ์ไฟรูปแบตเตอรี่สีแดงสว่างขึ้นมาบนเรือนไมล์ เราแนะนำให้คุณรีบนำรถเข้าไปตรวจเช็กที่ศูนย์บริการของแบรนด์รถที่คุณกำลังใช้อยู่ให้เร็วที่สุด เพราะสาเหตุของไฟรูปแบตโชว์ไม่ใช่มาจากแบตรถของคุณเสื่อมหรือมีกำลังไฟน้อยาก แต่เป็นเพราะระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ของคุณเกิดปัญหา เช่น ฟิวส์ขาด ขั้วปลั๊กแบตหลวม หรืออาการร้ายแรงอย่างไดชาร์จมีปัญหาจนไม่ยอมชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่
ติดต่อขอความช่วยเหลือ เมื่อรถของคุณแบตหมด
สำหรับคุณผู้อ่านคนไหนที่ดันไปรถแบตหมดในสถานที่ห่างไกลผู้คน หรือไม่มีอุปกรณ์ที่จะช่วยให้รถสตาร์ทติดขึ้นมาขับได้อีกครั้ง รวมถึงไม่มั่นใจที่จะทำตามวิธีสตาร์ทรถแบตหมดที่เราได้แนะนำในบทความนี้ด้วยตัวคุณเอง เราก็ได้เตรียมเบอร์ติดต่อฉุกเฉินไว้ให้คุณแล้ว
ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ
เรามาเริ่มกันด้วยการติดต่อขอให้เจ้าหน้าที่รัฐอย่างตำรวจทางหลวงหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาช่วยพ่วง
แบตสตาร์ทรถให้กับคุณ ด้วยการโทรติดต่อตามเบอร์เหล่านี้
- 1193 ตำรวจทางหลวง
- 1586 สายด่วนกรมทางหลวง
- 1137 จส. 100
- 1677 สายด่วนร่วมด้วยช่วยกัน
ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาคเอกชน
วิธีขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาคเอกชน จะมีทั้งที่เกี่ยวข้องกับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ และร้านจัดจำหน่ายแบตเตอรี่ที่มีบริการจัดส่งแบตถึงจุดที่รถคุณจอดแบตหมดสตาร์ทไม่ติด
- ประกันชั้น 1, 2+, และ 3+ ของบริษัทบางแห่ง จะมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งคุณสามารถค้นหาเบอร์ติดต่อได้จากเอกสารกรมธรรม์
- ร้านแบตเตอรี่รถยนต์ ปัจจุบันร้านจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์เกือบทุกแห่งมีบริการจัดส่งแบตเตอรี่พร้อมใช้ไปให้คุณยังจุดที่รถจอดแบตหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะนำแบตลูกใหม่มาเปลี่ยนให้ พร้อมนำแบตเก่าของคุณกลับไปด้วย และคุณสามารถหาร้านเหล่านี้ได้จากการค้นหาผ่าน Google หรือทาง Facebook
สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC คนไหนที่กำลังมองหายางรถยนต์เส้นใหม่ หรือต้องการนำรถเข้าเช็กระยะ รวมถึงเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่กำลังใกล้จะหมดเป็นแบตลูกใหม่ไฟแรง บัตรเครดิต KTC ก็มีโปรโมชั่นดีๆ อย่าง โปรแรงเรื่องรถให้คุณได้ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน หรือเลือกรับเครดิตเงินคืน 13% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER