การได้ไปดูคอนเสิร์ตของศิลปินที่รักถือเป็นหนึ่งในความสุขที่ยิ่งใหญ่สำหรับแฟนเพลง ได้ฟังเพลงโปรดแบบสด ได้เห็นไอดอลตรงหน้า และได้สัมผัสบรรยากาศที่เต็มไปด้วยอารมณ์ร่วม แต่ความสุขนี้กลับกลายเป็นฝันร้ายทางการเงินได้หากไม่มีการวางแผนที่ดี
ค่าบัตรคอนเสิร์ตในปัจจุบันไม่ได้น่ารักอย่างที่เคย บัตรโซนดี ๆ มักจะมีราคาหลักพัน ถึงหลักหมื่นบาท บางคอนเสิร์ตพรีเมียมอาจทะลุแสนบาทไปเลย สำหรับคนงบประมาณไม่เยอะ การซื้อบัตรคอนเสิร์ตจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องคิดอย่างรอบคอบ ไม่ใช่แค่กดซื้อแล้วจัดการภายหลัง
หลายคนตื่นเต้นกับการได้บัตรจนลืมคิดถึงผลกระทบที่จะตามมา พอจ่ายเงินไปแล้วค่อยตระหนักว่าเงินเดือนเหลือน้อยมาก บางคนต้องกู้ยืมเพื่อนหรือครอบครัว ทำให้ความสุขจากคอนเสิร์ตกลายเป็นความเครียดทางการเงิน
วิธีวางแผนซื้อบัตรคอนเสิร์ตที่ยังเปย์ได้แบบไม่พัง
เทคนิคที่ 1: ตั้งเป้าหมายบัตรคอนเสิร์ตที่อยากดูไว้ล่วงหน้า
วิธีตั้งเป้าหมายแบบง่าย ๆ คือให้เริ่มจากคิดก่อนว่าอยากดูใคร? วงไหน? ราคาบัตรคอนเสิร์ตเท่าไหร่? อยากไปโซนไหน? เช่น อยากไปดูคอนเสิร์ต เจฟ ซาเตอร์ ที่อิมแพคอารีน่าเมืองทองธานี บัตรราคา 6000 โซนไหนก็ได้ เมื่อมีเป้าหมาย จะรู้ว่าต้องเก็บเงินเท่าไหร่ในระยะเวลาที่กำหนด อาจทำเป็นแพลนเนอร์หรือเขียนใส่ปฏิทินไว้หรือจะใช้แอปพลิเคชันโน้ตเป้าหมายของตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้ลืม แถมยังสะดวกรวดเร็ว สามารถหยิบขึ้นมาเช็กง่าย ๆ ไม่ต้องพกสมุดหรือเขียนใส่ปฏิทินแบบสมัยก่อน
เทคนิคที่ 2: เปิดบัญชีแยกไว้เพื่อซื้อบัตรคอนเสิร์ต
เพื่อป้องกันไม่ให้นำเงินเก็บไปใช้ระหว่างที่รอกดบัตรคอนเสิร์ต อาจจะลองใช้บัญชีอีกบัญชีหนึ่งหรืออีกธนาคารหนึ่งแยกไว้สำหรับซื้อบัตรคอนเสิร์ตโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้โอนเงินค่าบัตรคอนเสิร์ตออกไปหมดจนไม่มีเงินสำรองไว้เมื่อถึงกดบัตรคอนเสิร์ตจริง ๆ แต่วิธีนี้อาจจะต้องใช้ความอดทนสักนิด เพราะต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้เผลอเอามาใช้เมื่อเงินในบัญชีหลักใกล้จะหมด จะต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอมาว่าเงินนี้เป็นเงินสำหรับอะไร รวมถึงควรใช้เงินในบัญชีหลักอย่างพอดี ไม่ให้หมดจนต้องดึงเงินส่วนอื่นมาใช้
เทคนิคที่ 3: ออมแบบสนุกด้วย “เกมการเงิน”
สำหรับใครที่ยังไม่มีเงินเก็บเลย ต้องเริ่มเก็บหลังจากเห็นรายละเอียดบัตรคอนเสิร์ตที่อยากดู แนะนำว่าให้เริ่มออมเงินโดยอาจจะกำหนดเป็นวัน หรือสัปดาห์ เช่น วันจันทร์ เก็บเงิน 100 วันอังคาร เก็บ 50 บาท หรือในแต่ละอาทิตย์จะต้องเก็บเงินให้ได้ 500 ทุกอาทิตย์ ซึ่งถ้าใครกลัวจะลืมว่าต้องเก็บเงินเท่าไหร่ ก็สามารถใช้แอปพลิเคชันในการช่วยบันทึกได้ ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบันทึกไว้หรือ to do list เพื่อให้เป้าหมายในแต่ครั้งสำเร็จและไม่ลืมทำ
เทคนิคที่ 4: อย่าลืมวางแผน “ค่าใช้จ่ายแฝง”
ซื้อบัตรคอนเสิร์ตได้แล้ว ไม่ใช่ว่าเรื่องเงินจบ! อย่าลืมเผื่อ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็น
- ค่ารถ / ค่าเดินทาง เช่น ค่า BTS, ค่ารถแท็กซี่ หรือค่าที่จอดรถ (โดยเฉพาะถ้าสถานที่จัดอยู่ไกล)
- ค่าอาหาร/เครื่องดื่ม สถานที่จัดคอนเสิร์ตส่วนใหญ่อาจจะอยู่ในห้าง อยู่กลางเมือง หรืออยู่ในที่ที่ไม่ค่อยมีร้านอาหาร มีร้านในเลือกน้อย ราคาไม่แน่นอนเพราะอาจถูกบวกเพิ่มเมื่อเป็นช่วงที่มีงานคอนเสิร์ต ทำให้ราคาอาจจะมีราคาสูง จึงอาจจะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายส่วนนี้ด้วย
- ค่าของ merchandise / ของที่ระลึก เช่น แท่งไฟ กระเป๋า เสื้อ และของ official อื่น ๆ ที่จะมีขายหน้างาน
แนะนำว่าให้กันงบไว้อีกนิด ซึ่งอาจจะเริ่มเก็บใหม่หลังจากกดบัตรคอนเสิร์ตไปก็ได้ เพราะบัตรคอนเสิร์ตมักจองล่วงหน้านานก่อนจะถึงวันจริง วิธีวางแผนก็คือให้ลองลิสต์ดูก่อนว่าจะต้องใช้เงินไปตรงไหนเพิ่ม โดยเรียงลำดับความสำคัญ เช่น บ้านอยู่ไกล จำเป็นต้องจองโรงแรมใกล้ ๆ สถานที่จัดคอนเสิร์ต ตรงส่วนนี้อาจจะต้องเก็บไปพร้อมกับบัตรคอนเสิร์ตเลย เพราะโรงแรมใกล้สถานที่จัดคอนเสิร์ตอาจจะมีห้องไม่เพียงพอ ทำให้ต้องจองตั้งแต่เนิ่น ๆ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็ให้ลดหลั่นลงมาตามความสำคัญ สิ่งไหนที่สามารถซื้อหน้าคอนได้ ก็มีเวลาเก็บเงินยาว ๆ ไปจนกว่าจะถึงวันจัดงานคอนเสิร์ตเลย
เทคนิคที่ 5: ใช้บัตรเครดิตแบบมีแผน/ซื้อบัตรคอนเสิร์ตด้วยบัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่น
สำหรับคนที่อาจจะเก็บเงินไม่เก่ง หรือรู้สึกว่าการจ่ายเงินซื้อบัตรคอนเสิร์ตด้วยเงินสดอาจจะทำให้กระทบกับรายจ่ายส่วนอื่น ๆ ก็อาจจะลองใช้บัตรเครดิตเป็นทางเลือก แต่ทั้งนี้ควรตั้งงบให้พอดี ถึงแม้ว่าบัตรเครดิตอาจจะมีโปรโมชั่นเลือกผ่อน 0% แต่ก็อย่าเลือกบัตรที่เกินงบจนจ่ายไม่ไหว และควรใช้โปรโมชั่นให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเครดิตเงินคืน / ส่วนลด / แลกคะแนนได้ ข้อดีคือช่วยจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ง่าย ไม่ต้องมาคอยเก็บเงินทีละนิด แต่รูดใช้มากเกินก็จะทำให้ยอดสิ้นเดือนสูง ต้องจ่ายขั้นต่ำและเสียดอกเบี้ยเพียบ ดังนั้นแล้วอย่าลืมตั้งงบประมาณค่าบัตรคอนเสิร์ตที่เหมาะสม ใช้แล้วต้องรู้ว่าวันไหนต้องจ่าย และจ่ายให้ครบ เลือกแบบผ่อน 0% หรือมีสิทธิพิเศษอื่น ๆ เพื่อความคุ้มค่า
สิทธิพิเศษ แลกคะแนนรับสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% นาน 4 เดือนที่แพลตฟอร์มจองคอนเสิร์ตที่ร่วมรายการ
เมื่อมียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิปที่แพลตฟอร์มจองคอนเสิร์ตที่ร่วมรายการ และแลกคะแนน KTC FOREVER ตามที่กำหนด เพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายการแบบชำระเต็มจำนวนมาเป็นรายการผ่อนชำระ สามารถเลือกรายการผ่อนชำระได้ดังนี้
- ใช้คะแนน KTC FOREVER จำนวน 25% ของยอดใช้จ่ายที่แพลตฟอร์มจองคอนเสิร์ตที่ร่วมรายการ แลกรับสิทธิ์การผ่อนชำระ 0% นาน 4 เดือน
- ใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่าย/เซลส์สลิป ที่แพลตฟอร์มจองคอนเสิร์ตที่ร่วมรายการ แลกรับสิทธิ์การผ่อนชำระ 0% นาน 4 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืน 10%
รายชื่อแพลตฟอร์มจองคอนเสิร์ตที่ร่วมรายการ
- Eventpop
- Ticketmelon
- The Concert
- Thai Ticket Major
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 15 ก.พ. 68 - 31 ธ.ค. 68
โปรโมชั่น Ticketmelon แลกคะแนนรับส่วนลด กับบัตรเครดิต KTC
บันเทิงเต็มแม็กซ์ สุขได้ FOREVER! แลกคะแนน KTC FOREVER ที่ Ticketmelon
แลกคะแนนรับ e-Coupon โค้ดส่วนลดสูงสุด 1,000 บาท
สำหรับซื้อบัตรคอนเสิร์ตหรืออีเว้นท์ผ่าน www.ticketmelon.com
1.แลกคะแนนรับโค้ดส่วนลด 100 บาท
ใช้ 800 คะแนน KTC FOREVER แลกผ่านแอป KTC Mobile
สำหรับยอดใช้จ่ายในการซื้อบัตรคอนเสิร์ตหรืออีเว้นท์ขั้นต่ำ 1,000 บาท
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 23 ก.พ. 68 - 28 ก.พ. 69
2. แลกคะแนนรับโค้ดส่วนลด 650 บาท
ใช้ 5,000 คะแนน KTC FOREVER แลกผ่านแอป KTC Mobile
สำหรับยอดใช้จ่ายในการซื้อบัตรคอนเสิร์ตหรืออีเว้นท์ขั้นต่ำ 5,000 บาท
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 20 มี.ค. 68 - 28 ก.พ. 69
3. แลกคะแนนรับโค้ดส่วนลด 1,400 บาท
ใช้ 10,000 คะแนน KTC FOREVER แลกผ่านแอป KTC Mobile
สำหรับยอดใช้จ่ายในการซื้อบัตรคอนเสิร์ตหรืออีเว้นท์ขั้นต่ำ 10,000 บาท
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 20 มี.ค. 68 - 28 ก.พ. 69
เทคนิคที่ 6 : ถ้าจองไม่ทัน อย่าเพิ่งรีบซื้อบัตรรีเซล
ถึงแม้ว่าจะพยายามตั้งใจเก็บเงินหรือวางแผนมาใช้บัตรเครดิตซื้อบัตรคอนเสิร์ตมาอย่างดีแค่ไหน แต่เรื่องที่ว่าเราอาจจะจองบัตรคอนเสิร์ตไม่ทัน หรือบัตรหมดก่อนภายในเวลาไม่กี่นาทีทำให้ไม่สามารถเข้าไปซื้อก็อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หลายคนมักจะใจร้อนรีบหาบัตรรีเซลตามช่องทางโซเชี่ยลต่าง ๆ และด้วยความใจร้อน กลัวไม่ได้บัตร จึงมักจะพลาดเช็กความน่าเชื่อถือทำให้มีบางคนถูกโกงเงินหรือจำต้องซื้อบัตรคอนเสิร์ตที่สูงกว่าราคาปกติ ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบซื้อ แต่ให้รอบัตรคอนเสิร์ตกลับคืนเข้าสู่ระบบในกรณีที่คนเลือกจ่ายบัตรคอนเสิร์ตด้วยเงินสดแต่ไม่ได้ไปจ่ายภายในเวลาที่กำหนด บัตรคอนเสิร์ตที่ถูกจองก็จะหลุดและกลับเข้ามาให้กดต่อได้ หรือบางคอนเสิร์ตที่มีกระแสดีมาก ๆ ทางผู้จัดก็อาจจะพิจารณาเพิ่มรอบการแสดงได้
แต่ทั้งนี้หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และต้องซื้อบัตรรีเซลจริง ๆ ก็แนะนำว่าควรเลือกผู้ขายที่สามารถตรวจสอบได้มากกว่าคนที่มาขายบัตรคอนเสิร์ตแบบไม่ระบุตัวตนเพื่อป้องกันการถูกโกงเงินการซื้อบัตรรีเซลอาจทำให้แผนซื้อบัตรคอนเสิร์ตของเราพัง ไม่เป็นอย่างที่คิด ถึงจะผิดหวังแต่สามารถนำความผิดพลาดตรงนี้ไปเป็นบทเรียนได้ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวกดบัตรคอนเสิร์ตให้ได้ไวขึ้น หรือการซื้อบัตรรอบพรีเซลล์ ที่บางคอนเสิร์ตจะมีรอบพรีเซล (Presale) ที่เปิดขายก่อนรอบขายบัตรทั่วไปโดยจะจำกัดสิทธิ์ให้เฉพาะกลุ่มที่มี “คุณสมบัติพิเศษ” หรือ “เงื่อนไขเฉพาะ” เท่านั้น เช่น Official Fanclub, เฉพาะบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ หรือ ผู้ที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ซึ่งด้วยความที่เปิดขายบัตรก่อน อาจจะทำให้เวลาในการเก็บเงินสั้นลง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาหากเลือกใช้บัตรเครดิตในการซื้อ นอกจากจะช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเงินสดก้อนใหญ่ทีเดียว ไม่ต้องลุ้นว่าจะเก็บเงินทันหรือไม่ ยังได้สิทธิพิเศษอื่น ๆ ที่จะช่วยให้การซื้อบัตรคอนเสิร์ตของเราคุ้มค่ามากกว่าที่เคยเป็น
การดูคอนเสิร์ตไม่จำเป็นต้องทำให้เราช็อตหรือมีหนี้สินที่ไม่จำเป็น หากรู้จักวางแผนการเงินและเลือกใช้บัตรเครดิตที่เหมาะสม ที่นอกจากจะช่วยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แล้วยังช่วยให้เราสามารถเพลิดเพลินไปกับคอนเสิร์ตได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงินในกระเป๋า ใครยังไม่มีบัตรเครดิต KTC สามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ทุกที่ทุกเวลา พร้อมรับคะแนน KTC FOREVER จากทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ สะสมได้ไม่จำกัด และไม่มีวันหมดอายุ สามารถใช้คะแนนแลกรับส่วนลดหรือเครดิตเงินคืนได้ สมัครบัตรเครดิต KTC ไม่ยาก กดสมัครได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC