ท่ามกลางความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งสิ่งที่สาวก Apple ทุกคนต่างรอคอยก็คือ การเปิดตัวของโทรศัพท์มือถือ iPhone รุ่นใหม่ล่าสุด และในขณะที่ iPhone 16 Series กำลังครองตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ในตอนนี้ กระแสข่าวลือเกี่ยวกับ iPhone 17 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน ปี 2568 ก็เริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้น ด้วยดีไซน์โฉมใหม่ รวมถึงฟีเจอร์ และการทำงานที่เหนือระดับมากยิ่งขึ้น สาวก Apple หลาย ๆ คนจึงเกิดความลังเลใจอย่างหนักว่า “จะรอ iPhone 17 ที่มีข่าวลือว่ามาพร้อมดีไซน์และฟีเจอร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ หรือจะตามกระแสตลาดไปใช้ iPhone 16 ที่กำลังวางขายในราคาสุดคุ้มค่าดี”
ในบทความนี้ KTC จะพาไปเจาะลึกทุกข้อสงสัยเหล่านั้น จากการรวบรวมข้อมูลข่าวลือล่าสุดของ iPhone 17 มาให้ทุกคน พร้อมเปรียบเทียบสเปคและคุณสมบัติเด่นของ iPhone 17 และ iPhone 16 เพื่อเป็นทางเลือกให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด
ขอบคุณรูปภาพจาก : macrumors
สรุปข่าวลือล่าสุดของ iPhone 17 คาดเปิดตัวปีนี้
แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Apple ถึงดีไซน์และสเปคโดยรวมของ iPhone 17 แต่แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือหลายแห่งก็เริ่มออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ iPhone 17 กันบ้างแล้ว โดยหนึ่งในคำถามยอดฮิตของหลาย ๆ คนก็คือ วันเปิดตัวของ iPhone 17 Series
อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ macrumors ระบุว่า โดยปกติแล้ว Apple มักจะเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ iPhone 17 จะเปิดตัวในเดือนกันยายน 2568 นี้เช่นกัน
ขอบคุณรูปภาพจาก : macrumors
ดีไซน์ iPhone 17 แต่ละรุ่น
เบื้องต้นมีข่าวลือว่า iPhone 17 จะเปิดตัวทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 17, iPhone 17 Pro, iPhone 17 Pro Max และน้องใหม่ “iPhone 17 Air” ซึ่งจะไม่มี iPhone 17 Plus อีกต่อไป เนื่องจาก Apple ตัดสินใจยกเลิกรุ่น “Plus”เนื่องจากไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หากเทียบกับผลิตภัณฑ์ Mac และ iPad ทาง iPhone 17 Air จะเทียบได้กับ MacBook Air หรือ iPad Air ในขณะที่ iPhone 17 Pro จะเทียบเท่ากับ MacBook Pro หรือ iPad Pro
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาว่า iPhone 17 รุ่นมาตรฐานอาจจะมีดีไซน์คล้ายกับ iPhone 16 ในปัจจุบัน แต่ขนาดหน้าจอจะใหญ่ขึ้น โดยข่าวลือระบุว่าหน้าจอ iPhone 17 จะอยู่ที่ 6.3 นิ้ว เพิ่มขึ้นจาก 6.1 นิ้ว ซึ่งจะเท่ากับ iPhone 16 Pro ขณะที่ iPhone 17 Air จะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.6 นิ้ว และ iPhone 17 Pro Max จะมีขนาดหน้าจอ 6.9 นิ้ว
ขอบคุณรูปภาพจาก : macrumors
สำหรับ iPhone 17 Air และ iPhone 17 Pro คาดว่าจะมีแถบกล้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบใหม่ที่มีมุมโค้งมน โดยแถบนี้จะพาดผ่านด้านหลังของ iPhone แต่ iPhone 17 รุ่นมาตรฐาน จะยังคงดีไซน์เก่าที่มีรูปลักษณ์เหมือน iPhone 16 ที่มีกล้องหลังแนวตั้งสองตัวอยู่ในโมดูลกล้อง
ตามรายงานของ The Information เปิดเผยว่า iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max จะมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ครั้งสำคัญ โดย Apple วางแผนที่จะเลิกใช้กรอบไทเทเนียมและกลับไปใช้อะลูมิเนียมเช่นเดิม ซึ่ง Apple ไม่ได้ใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุตัวเครื่องของ iPhone รุ่นราคาสูง มานับตั้งแต่ iPhone X ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2017
นอกจากกรอบตัวเครื่องที่ทำจากวัสดุอะลูมิเนียมแล้ว คาดว่าด้านหลังเครื่องของ iPhone 17 Pro จะเป็นครึ่งอะลูมิเนียมครึ่งกระจก แทนที่จะเป็นผลิตจากวัสดุที่เป็นกระจกทั้งหมด โดยครึ่งบนของด้านหลังจะทำจากอะลูมิเนียม ขณะที่ครึ่งล่างจะยังคงทำจากกระจกเพื่อรองรับฟังก์ชันการชาร์จแบบไร้สาย
ขอบคุณรูปภาพจาก : macrumors
ชิปใหม่และการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น
อย่างน้อยหนึ่งรุ่นของ iPhone 17 จะมาพร้อมชิป Wi-Fi 7 ที่ Apple ออกแบบเอง แทนที่จะใช้ชิปจาก Broadcom และคาดว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นก็น่าจะเป็น iPhone 17 Air นอกจากนี้ Apple ยังตั้งใจว่าจะใช้ชิปโมเด็มที่ผลิตเองในสมาร์ทโฟนซีรีส์นี้ด้วย โดยจะทดสอบแทนชิป Qualcomm ส่วนใน iPhone 17 และ iPhone 17 Pro รุ่นมาตรฐานน่าจะยังคงใช้ชิป Qualcomm ต่อไป
ข่าวลือจากนักวิเคราะห์ Jeff Pu ระบุว่า iPhone 17 อาจจะยังคงใช้ชิป A18 เช่นเดียวกับ iPhone 16 ในขณะที่รุ่น Pro และ Pro Max จะมาพร้อมชิปที่ทรงพลังกว่าอย่าง A19 Pro ซึ่งจะมอบประสิทธิภาพที่ก้าวกระโดดกว่า A18 ของ iPhone 16 อย่างแน่นอน
ขอบคุณรูปภาพจาก : macrumors
อัพเกรดกล้อง
iPhone ทุกรุ่นที่จะเปิดตัวในปี 2568 มีข่าวลือว่าจะมาพร้อมกล้องหน้า 24 ล้านพิกเซลที่ได้รับการอัพเกรดจากกล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล ใน iPhone 16 โดยกล้องที่อัพเกรดใหม่นี้จะช่วยยกระดับคุณภาพของภาพถ่ายให้เหนือชั้นขึ้นได้อย่างเห็นได้ชัด และช่วยให้สามารถครอปภาพได้อิสระมากขึ้น โดยไม่ให้ภาพถ่ายเสียคุณภาพ
iPhone 17 Pro Max คาดว่าจะมาพร้อมกล้องมุมกว้าง (Wide) 48 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra Wide 48 ล้านพิกเซล และกล้อง Tetraprism Telephoto 48 ล้านพิกเซล ซึ่งจะทำให้เป็น iPhone รุ่นแรกที่มีกล้อง 48 ล้านพิกเซลถึงสามตัว และยังคาดว่าเป็น iPhone รุ่นแรกที่จะรองรับการบันทึกวิดีโอ 8K
iPhone 17 Pro อาจมาพร้อมเลนส์กล้องที่มีรูรับแสงแบบกลไก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับขนาดรูรับแสงของกล้องได้ ในส่วนของ iPhone 17 Air จะมีกล้องหลังเลนส์เดี่ยว 48 ล้านพิกเซล และ iPhone 17 รุ่นมาตรฐานจะมีระบบกล้องคู่พร้อมกล้องเลนส์ Wide และกล้อง Ultra Wide
ทั้งนี้ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max จะยังคงมีเลนส์ซูม Telephoto แบบออปติคอล 5x และจะยังคงเป็นคุณสมบัติเฉพาะในรุ่น Pro เท่านั้น
หน้าจอ
สำหรับหน้าจอแสดงผลของ iPhone 17 จะมีการพัฒนาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น โดย Apple จะเพิ่มการเคลือบผิวแบบใหม่ และวางแผนที่จะนำคุณสมบัติโดดเด่นของหน้าจอรุ่น Pro มาใช้ใน iPhone รุ่นมาตรฐาน
iPhone 17 และ iPhone 17 Air คาดว่าจะใช้หน้าจอแบบ OLED ระดับเดียวกันกับ iPhone 16 Pro รุ่นปัจจุบัน โดยหน้าจอ OLED จะมีความสว่างเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก
ขอบคุณรูปภาพจาก : macrumors
แบตเตอรี่และการชาร์จ
iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max อาจมีแบตเตอรี่ที่ถอดออกง่ายขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่ Apple เปิดตัวไปใน iPhone 16 และ 16 Plus ซึ่งใช้กาวชนิดที่สามารถคลายได้ด้วยกระแสไฟฟ้าแรงต่ำ และใน iPhone 17 ทุกรุ่นอาจมีกาวแบบใหม่ที่ถอดออกง่ายกว่า ซึ่งทำให้การเปลี่ยนแบตเตอรี่ง่ายดายมากขึ้น
iPhone 17 คาดว่าจะรองรับความเร็วการชาร์จแบบมีสายสูงสุด 35W ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากความเร็วการชาร์จสูงสุดในปัจจุบัน และใน iPhone 17 อาจรองรับมาตรฐาน Qi 2.2 รุ่นใหม่ โดยอิงจากภาพของ MagSafe ที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าสามารถรองรับ Qi 2.2 รองรับความเร็วในการชาร์จแบบไร้สายสูงสุดที่ 50W
คาดการณ์ราคาเปิดตัว iPhone 17
ส่วน iPhone 17 คาดว่าจะเริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 25,977 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 1 ก.ค. 68) และ iPhone 17 Air อาจมีราคาอยู่ที่ 899 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 29,229 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 1 ก.ค. 68) ซึ่งเป็นราคาปัจจุบันของ iPhone 16 Plus ที่วางขายอยู่ในขณะนี้ โดย iPhone 17 Air จะมีราคาแพงกว่า iPhone 17 ที่เป็นรุ่นมาตรฐาน แต่จะราคาถูกกว่า iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro ราคาจะเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือที่ราว ๆ 32,480 บาท บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 1 ก.ค. 68)
- iPhone 17 ราคาคาดการณ์อยู่ที่ 25,977 บาท
- iPhone 17 Air ราคาคาดการณ์อยู่ที่ 29,229 บาท
- iPhone 17 Pro ราคาคาดการณ์อยู่ที่ 32,480 บาท
อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นเพียงการคาดการณ์ แต่ก็มีแนวโน้มว่า iPhone 17 อาจมีการปรับขึ้นราคาจริง ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนส่วนประกอบของ Apple ที่เพิ่มขึ้น ผลกระทบโดยตรงจากนโยบายภาษี
เปิดสเปค iPhone 16 Series สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก Apple
สำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบัน iPhone 16 ถือเป็นตัวเลือกที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดสมาร์ทโฟนขณะนี้ ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ทรงพลังและฟีเจอร์ที่ครอบคลุมการใช้งาน
iPhone 16 และ iPhone 16 Plus ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567 และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 กันยายน 2567 เป็นต้นมา โดยมาพร้อมกับการอัพเกรดและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมากมาย ดังนี้
ขอบคุณรูปภาพจาก : apple
ดีไซน์และการออกแบบ
- ดีไซน์โดยรวม : iPhone 16 และ 16 Plus มาในดีไซน์ที่คล้ายรุ่นก่อนหน้า แต่มีการปรับปรุงเล็กน้อย เช่น การจัดเรียงเลนส์กล้องหลังใหม่ในแนวตั้งเพื่อรองรับการถ่าย Spatial Video ส่วนรุ่น Pro และ Pro Max มีการปรับปรุงการออกแบบเพื่อการระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้น
- วัสดุ : iPhone 16 และ 16 Plus ด้านหน้าจะเป็น Ceramic Shield และด้านหลังเป็นกระจก กรอบอะลูมิเนียม ในส่วนของ iPhone 16 Pro และ 16 Pro Max ด้านหน้าเป็น Ceramic Shield ด้านหลังกระจกด้าน กรอบไทเทเนียม
- ปุ่ม Action Button : ทุกรุ่นใน iPhone 16 series มีปุ่ม Action Button ที่สามารถปรับแต่งฟังก์ชันได้ตามต้องการ
- ปุ่ม Camera Control : จุดประสงค์เพื่อควบคุมกล้องโดยเฉพาะ เพื่อให้เข้าถึงและควบคุมการถ่ายภาพ/วิดีโอได้ง่ายขึ้น
- Dynamic Island : ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผลในทุกรุ่น
- การกันน้ำและฝุ่น : ได้รับมาตรฐาน IP68 ที่สามารถกันน้ำลึกสูงสุด 6 เมตร นาน 30 นาที
หน้าจอแสดงผล
- iPhone 16 Series ทุกรุ่นใช้หน้าจอ Super Retina XDR OLED ที่มาพร้อม HDR, Dolby Vision, True Tone, Wide Color (P3)
- ขนาดจอแสดงผลของ iPhone 16 จะอยู่ที่ 6.1 นิ้ว, iPhone 16 Plus มีขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว, iPhone 16 Pro มีขนาดหน้าจอ 6.3 นิ้ว และ iPhone 16 Pro Max มีขนาดหน้าจอ 6.9 นิ้ว
- อัตรารีเฟรช iPhone 16 และ 16 Plus จะอยู่ที่ 60Hz ขณะที่ iPhone 16 Pro และ 16 Pro Max อัตรารีเฟรชอยู่ที่ ProMotion 120Hz
- ความสว่างสูงสุดที่ 2000 nits (Peak Brightness) สำหรับทุกรุ่น
ชิปประมวลผล
- iPhone 16 และ 16 Plus ใช้ชิป A18 CPU 6 คอร์ และ GPU 5 คอร์
- iPhone 16 Pro และ 16 Pro Max ใช้ชิป A18 Pro CPU 6 คอร์ และ GPU 6
กล้องถ่ายภาพ
- iPhone 16 และ16 Plus (ระบบกล้องคู่) โดยกล้องหลัก (Wide) 48MP, f/1.6, OIS แบบ Sensor-shift, Dual Pixel PDAF, รองรับภาพ 24MP และ 48MP และกล้องอัลตราไวด์ (Ultra-wide) 12MP, f/2.2, มุมมอง 120°
- iPhone 16 Pro และ 16 Pro Max (ระบบกล้อง Pro 3 เลนส์ + LiDAR) โดยกล้องหลัก (Wide) 48MP, f/1.78, Sensor-shift OIS Gen 2, Dual Pixel PDAF และกล้องอัลตราไวด์ (Ultra-wide): 48MP, f/2.2, มุมมอง 120° (อัปเกรดจาก 12MP ในรุ่นก่อนหน้า) ขณะที่กล้องเทเลโฟโต้ (Telephoto) ของiPhone 16 Pro อยู่ที่ 12MP, f/2.8, OIS, ซูม Optical 3x และ iPhone 16 Pro Max อยู่ที่ 12MP, f/2.8, OIS, Periscope Telephoto (Tetraprism), ซูม Optical 5x
- กล้องหน้า (ทุกรุ่น) 12MP, f/1.9, Autofocus, รองรับ HDR
สำหรับราคาปัจจุบันของ iPhone 16 Series (ณ วันที่ 1 ก.ค. 68) จะเริ่มต้นที่ประมาณ 29,900 บาท สำหรับรุ่นพื้นฐาน ในความจุที่น้อยที่สุด และราคาจะสูงขึ้นตามรุ่นและความจุที่เพิ่มขึ้น โดยทั่วไปแล้วจะมีโปรโมชั่นจากค่ายมือถือต่าง ๆ ทั้งส่วนลดค่าเครื่อง สัญญาแพ็กเกจ หรือโปรโมชั่นจากบัตรเครดิต ที่ให้ผ่อนชำระ 0% หรือรับเครดิตเงินคืน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อ iPhone เครื่องใหม่
เปรียบเทียบสเปค iPhone 16 และ iPhone 17 รุ่นไหนน่าใช้กว่า
เปิดข้อมูลเปรียบเทียบสเปคของ iPhone 16 Series ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว กับข่าวลือล่าสุดของ iPhone 17 Series
รุ่นที่เปิดตัว |
iPhone 16, iPhone 16 Plus |
iPhone 16 Pro, iPhone 16 Pro Max |
iPhone 17, iPhone 17 Air (คาดการณ์) |
iPhone 17 Pro, iPhone 17 Pro Max (คาดการณ์) |
วัสดุตัวเครื่อง |
กรอบอะลูมิเนียม, ด้านหน้า Ceramic Shield, ด้านหลังกระจก |
กรอบไทเทเนียม, ด้านหน้า Ceramic Shield, ด้านหลังกระจกด้าน |
iPhone 17/17 Air ยังคงเป็นกรอบอะลูมิเนียม |
กลับไปใช้กรอบอะลูมิเนียม, ด้านหลังครึ่งอะลูมิเนียม ครึ่งกระจก |
การจัดเรียงกล้องหลัง |
แนวตั้ง เพื่อรองรับ Spatial Video |
แนวสามเหลี่ยม |
iPhone 17 อาจเป็นแนวตั้ง |
แถบสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวนอน (ใหม่) |
ปุ่มพิเศษ |
Action Button, Camera Control |
Action Button, Camera Control |
Action Button, Camera Control (ทุกรุ่น) |
Action Button, Camera Control (ทุกรุ่น) |
การกันน้ำ/ฝุ่น |
IP68 |
IP68 |
IP68 |
IP68 |
ประเภท |
Super Retina XDR OLED |
Super Retina XDR OLED (ProMotion 120Hz) |
OLED ระดับเดียวกับ iPhone 16 Pro ที่สว่างขึ้น 30% |
Super Retina XDR OLED (ProMotion 120Hz) |
ขนาด |
iPhone 16: 6.1 นิ้ว |
iPhone 16 Pro: 6.3 นิ้ว |
iPhone 17: 6.3 นิ้ว |
iPhone 17 Pro: 6.3 นิ้ว |
อัตรารีเฟรช |
60Hz |
ProMotion 120Hz |
ProMotion 120Hz |
ProMotion 120Hz |
ความสว่างสูงสุด |
2000 nits |
2000 nits |
คาดว่า 2000 nits หรือสูงกว่า |
คาดว่า 2000 nits หรือสูงกว่า |
ชิป |
Apple A18 (CPU 6 คอร์, GPU 5 คอร์) |
Apple A18 Pro (CPU 6 คอร์, GPU 6 คอร์) |
A18 หรือ A19 มาตรฐาน |
A19 Pro |
Wi-Fi |
Wi-Fi 7 |
Wi-Fi 7 |
iPhone 17 Air ชิป Wi-Fi 7 ที่ Apple ออกแบบเอง |
iPhone 17 Air ชิป Wi-Fi 7 ที่ Apple ออกแบบเอง |
กล้องหน้า |
12MP, f/1.9, Autofocus |
12MP, f/1.9, Autofocus |
24MP อัพเกรดจาก 12MP |
24MP อัพเกรดจาก 12MP |
กล้องหลังหลัก |
48MP, f/1.6 |
48MP, f/1.78 |
48MP สำหรับทั้งสองรุ่น |
48MP |
กล้อง Ultra Wide |
12MP, f/2.2 |
48MP, f/2.2 |
12MP สำหรับ iPhone 17 |
48MP สำหรับ iPhone 17 Pro/Pro Max |
กล้อง Telephoto |
ไม่มี |
iPhone 16 Pro 12MP อยู่ที่ 3x Optical Zoom |
ไม่มี (สำหรับ iPhone 17/17 Air) |
48MP Tetraprism สำหรับ iPhone 17 Pro Max |
รูรับแสงกล้อง Pro |
คงที่ |
คงที่ |
คงที่ |
อาจมีรูรับแสงแบบกลไก |
การบันทึกวิดีโอ |
4K 60fps, Spatial Video |
4K 60fps, ProRes |
4K 60fps, อาจรองรับ 8K |
4K 60fps, ProRes, อาจรองรับ 8K |
การเปลี่ยนแบตเตอรี่ |
กาวถอดเปลี่ยนง่าย สำหรับ 16/16 Plus |
กาวมาตรฐาน สำหรับ 16 Pro/Pro Max |
กาวถอดเปลี่ยนง่าย (ทุกรุ่น) |
กาวถอดเปลี่ยนง่าย (ทุกรุ่น) |
ชาร์จมีสายสูงสุด |
ประมาณ 20-30W |
ประมาณ 20-30W |
35W |
35W |
ชาร์จไร้สาย |
MagSafe 25W, Qi2 15W |
MagSafe 25W, Qi2 15W |
อาจรองรับ Qi 2.2 (สูงสุด 50W) |
อาจรองรับ Qi 2.2 (สูงสุด 50W) |
ราคา (บาท) |
เริ่มต้น 29,900 บาท (16) |
เริ่มต้น 39,900 บาท (16 Pro) |
คาดการณ์ 25,900 บาท (17) |
คาดการณ์ 32,400 บาท (17 Pro) |
iPhone 17 เหมาะกับใคร
iPhone 17 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน 2568 นี้ อาจเหมาะกับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์เทคโนโลยีใหม่ ๆ และไม่อยากพลาดการใช้งานนวัตกรรมที่ล้ำสมัยจาก หรืออาจเป็นสายเทคโนโลยี ที่ชื่นชอบการเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด
อย่างไรก็ดี หาก iPhone ที่คุณใช้งานอยู่ในปัจจุบันยังคงใช้งานได้ดี เช่น iPhone 13 หรือรุ่นเก่ากว่า การรอ iPhone 17 อาจคุ้มค่ากว่า เพราะจะเป็นการอัพเกรดครั้งสำคัญที่ก้าวหน้ามากกว่าการเปลี่ยนมาใช้ iPhone 16 ที่กำลังจะกลายเป็นรุ่นรองในเร็ว ๆ นี้
ใครควรซื้อ iPhone 16
ในทางกลับกัน iPhone 16 ก็มีข้อได้เปรียบที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มผู้ใช้บางคน อาทิ
- คนที่ต้องใช้สมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ทันที : หากสมาร์ทโฟนเครื่องปัจจุบันของคุณเริ่มมีปัญหา หรือคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่เพื่อใช้งานด่วน iPhone 16 เป็นตัวเลือกที่พร้อมใช้งานได้ทันที
- เน้นความคุ้มค่า หรือใช้โปรโมชั่นจากบัตรเครดิต : iPhone 16 ที่วางจำหน่ายอยู่ในตลาดตอนนี้มักจะเป็นราคาที่เริ่มปรับลดลงบ้างแล้ว ประกอบกับมีโปรโมชันที่น่าสนใจจากค่ายมือถือหรือบัตรเครดิตมากมาย เช่น การผ่อนชำระ 0% หรือการรับเครดิตเงินคืน ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
- ใช้งานฟีเจอร์ระดับ Pro ในราคาที่ไม่สูงเกินไป : หากคุณต้องการเปิดประสบการณ์ใช้งานฟีเจอร์ระดับ Pro อย่าง Action Button หรือคุณภาพกล้องไร้ที่ติ การเลือกซื้อ iPhone 16 Pro หรือ Pro Max ในตอนนี้ที่ราคาเริ่มปรับลดลง ทั้งยังเข้าร่วมโปรโมชั่นมากมาย ถือเป็นความคุ้มค่าที่น่าสนใจ
รุ่นไหนคุ้มกว่ากัน
สุดท้ายแล้ว การเลือกว่าจะรอ iPhone 17 หรือซื้อ iPhone 16 ในตอนนี้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและพฤติกรรมการใช้งานของแต่ละบุคคล เพราะหากจำเป็นต้องเปลี่ยนสมาร์ทโฟนตอนนี้ และต้องการความคุ้มค่าสูงสุดจากราคาและโปรโมชั่น iPhone 16 Series คือคำตอบที่ใช่ ด้วยประสิทธิภาพที่ยังคงยอดเยี่ยมและฟีเจอร์ที่ครบครัน
ในทางกลับกัน หากคุณไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ และต้องการสัมผัสประสบการณ์นวัตกรรมล่าสุดจาก Apple รวมถึงดีไซน์แบบใหม่ที่ล้ำสมัยกว่าเดิม การรอใช้งาน iPhone 17 จะช่วยให้คุณได้ใช้งานฟีเจอร์ที่เหนือระดับยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะตัดสินใจเลือก iPhone รุ่นไหน สิ่งสำคัญคือการเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการใช้งานของคุณได้อย่างลงตัวที่สุด รวมถึงการซื้อ iPhone โดยเลือกชำระเงินผ่านบัตรเครดิต KTC เพราะบัตรเครดิต KTC ช่วยให้ทุกการใช้จ่ายของคุณสะดวก ปลอดภัย และยังได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย
โปรโมชั่น Apple Store และ Apple Online Store กับบัตรเครดิต KTC
สมาชิกบัตรเครดิต KTC แลกคะแนน KTC FOREVER รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อใช้จ่ายตามยอดที่กำหนดและแลกคะแนนตั้งแต่ 1,000 คะแนน สูงสุดไม่เกินยอดใช้จ่ายต่อเซลล์สลิป ระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68
- แลกคะแนน KTC FOREVER รับเครดิตเงินคืน 13% (สำหรับยอดใช้จ่าย 1,000 - 9,999 บาท)
- แลกคะแนน KTC FOREVER รับเครดิตเงินคืน 15% (สำหรับยอดใช้จ่ายตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป)
เพื่อรับสิทธิประโยชน์สุดคุ้มค่า สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า ครอบคลุมทุกความคุ้มค่าการใช้จ่าย ด้วยการรับคะแนน KTC FOREVER สะสมได้ไม่จำกัดและไม่มีวันหมดอายุ ออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า ครอบคลุมทุกความคุ้มค่าการใช้จ่าย ด้วยการรับคะแนน KTC FOREVER สะสมได้ไม่จำกัดและไม่มีวันหมดอายุ
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC