เคยสงสัยไหมว่าทำไมถึงเป็นสิว? สิว เกิดจากการที่รูขุมขนของเราอุดตันด้วยไขมันใต้ผิวหนังและเซลล์ผิวเก่า เหมือนกับท่อเล็ก ๆ ที่มีขยะอุดตันอยู่ปากท่อ ซึ่งการอุดตันจะทำให้เกิดการอักเสบ จนเกิดสิวนั่นเอง ในปัจจุบันนั้นมีเทคโนโลยีการรักษาที่หลากหลายมากขึ้น มาทำความรู้จักกับ AviClear Laser คืออะไร? เคลียร์สิวกวนใจตรงจุด เลเซอร์สิวที่กำลังมาแรงที่สุดในตอนนี้
สิว (Acne) คืออะไร
สิว (Acne) คือ ปัญหาผิวที่สามารถพบได้ในหลาย ๆ คน โดยเกิดจากสภาพผิวที่ไม่สมดุลภายในต่อมไขมันใต้ระดับรูขุมขน การอุดตันด้วยน้ำมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จนทำให้เกิดเป็นสิวที่มีลักษณะตุ่มนูนเล็ก ๆ ขึ้นมาบริเวณปากรูขุมขนบนผิวหนังได้ โดยสิวที่เกิดขึ้นนั้นก็มีหลายประเภท เช่น สิวอักเสบ สิวอุดตัน หรือสิวผด ซึ่งสาเหตุของการเกิดสิวแต่ละประเภทนั้นก็เกิดได้หลายปัจจัย และสามารถเกิดได้หลายบริเวณตามร่างกาย นอกจากสิวที่จะทำให้เกิดความเจ็บปวดแล้วนั้น ยังทำให้ความมั่นใจลดลงยิ่งด้วย สิวบางประเภทจำเป็นที่จะต้องรักษาโดยแพทย์
สิวมีกี่ประเภท ?
โดยปกติแล้วเราจะแบ่งสิวออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ สิวอักเสบ และสิวไม่อักเสบ หรือสิวอุดตัน และแบ่งย่อยลงไป ดังนี้
1. สิวอักเสบ
สิวอักเสบ คือ สิวที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขนและต่อมไขมัน เมื่อรูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ก็จะทำให้เกิดการอักเสบขึ้น ทำให้สิวมีลักษณะบวมแดง เจ็บ และอาจมีหนอง เป็นสิวที่เกิดขึ้นได้ง่าย และพบเจอได้บ่อย โดยจะมี 4 ประเภท ดังนี้
- สิวตุ่มแดง เป็นสิวที่มีขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง ไม่มีอาการคัน หรือเจ็บ
- สิวหัวหนอง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อโรคต่าง ๆ เป็นสิวขนาดเล็ก ที่มีหัวหนองอยู่ภายใน อาจจะเจ็บเวลาสัมผัส
- สิวอักเสบขนาดใหญ่ เป็นสิวที่มีการอักเสบรุนแรงมากกว่าปกติ เป็นตุ่มนูนแดงขนาดใหญ่ และอาจมีหนองอยู่ข้างใน เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ
- สิวหัวช้าง เป็นสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่ ฝังลึกใต้ผิวหนัง มีความเจ็บปวด และมีการอักเสบที่รุนแรงที่สุด สามารถแพร่กระจายเชื้อไปทั่วบริเวณใบหน้า และลำคอได้ เป็นสิวที่ต้องรักษาดูแลโดยแพทย์
2. สิวไม่อักเสบ
สิวไม่อักเสบ หรือ สิวอุดตัน (Non-inflammatory acne) คือ สิวที่เกิดจากการที่รูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมันส่วนเกิน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว โดยยังไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรียเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ไม่มีอาการอักเสบ บวม แดง หรืออาการเจ็บปวด โดยจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
- สิวหัวขาว เป็นสิวตุ่มเล็ก ๆ สีขาวที่เกิดจากการอุดตันในรูขุมขนที่ลึกลงไป และไม่มีการอักเสบ ขนาดจะใหญ่กว่าผื่น ซึ่งสิวหัวขาวสามารถติดเชื้อและอักเสบได้ จากการกระตุ้นด้วยการบีบ หรือแกะสิว
- สิวหัวดำ เป็นสิวตุ่มเล็ก ๆ ที่มีสีดำ ซึ่งเกิดจากการอุดตันในรูขุมขนที่มีการออกซิไดซ์ของน้ำมันและเซลล์ผิว ทำให้มีสีดำเมื่อสัมผัสกับอากาศ สามารถมองเห็นได้ชัดเจน มักจะอยู่บริเวณรูขุมขน สามารถรักษาให้หายได้
สาเหตุของการเกิดสิว เกิดจากอะไร?
การเกิดสิว สามารถเกิดได้กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ฮอร์โมนในร่างกาย พันธุกรรม การดูแลผิวหน้า การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด รวมถึงการรับประทานยาบางชนิด ที่อาจจะช่วยกระตุ้นการเกิดสิวขึ้นด้วย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว
- น้ำมันส่วนเกิน ที่เกิดจากต่อมน้ำมันนั้นผลิตไขมันออกมามากเกินไป จนทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันได้
- เซลล์ผิวตาย หากเซลล์ผิวที่ตายนั้นหลุดออกมาไม่หมด จะทำให้เข้าไปอุดตันรูขุมขนร่วมกับน้ำมัน ทำให้เกิดสิว
- แบคทีเรีย สาเหตุของการเกิดสิว เกิดได้จากแบคทีเรียชนิด P. acnes (Propionibacterium acnes) ที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนเกิดการอักเสบ
- ฮอร์โมน ในบางคนที่มีฮอร์โมนสูง อาจจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป โดยส่วนมากจะพบในวัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน ทำให้เกิดสิวขึ้นได้
- พันธุกรรม สิวสามารถเกิดได้จากพันธุกรรม สำหรับใครที่ครอบครัวเคยมีประวัติการเกิดสิวนั้น ก็อาจจะมีแนวโน้มที่เกิดสิวได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- โรคบางชนิด จะทำให้ฮอร์โมนเพศนั้นสูงขึ้น จึงทำให้เกิดสิวได้ เช่น PCOS ที่อาจจะทำให้เกิดสิวเห่อขึ้นมา และในยาบางชนิด อาจจะมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดสิวได้
- การดูแลผิวไม่ถูกวิธี การทำความสะอาดผิวหน้าที่ไม่ถูกต้อง ดูแลผิวไม่ดี หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว รวมถึงการสัมผัสหน้าบ่อย ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น
- อาหาร การรับประทานอาหารก็อาจจะเสี่ยงให้เกิดสิวได้ เช่น อาหารมัน อาหารทอด หรืออาหารหวาน ที่อาจทำให้อาการของสิวแย่ลง
- ความเครียด ความเครียดสามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิวได้
- ยาบางชนิด ในตัวยาบางชนิด อาจจะมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดสิวได้
- มลภาวะ มลภาวะทางอากาศเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวหน้าถูกอุดตัน ด้วยฝุ่นละออง สารเคมีในอากาศ ที่ทำให้ผิวหน้าระคายเคืองทำให้เกิดสิวได้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ อาจทำให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น
- การใช้เครื่องสำอาง การเลือกเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือปัญหาของผิวหน้าอาจจะทำให้เกิดการอุดตันได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้การแต่งหน้าที่หนามากเกินไปอาจะเกิดความเสี่ยงทำให้เกิดสิวได้
วิธีรักษาสิว มีอะไรบ้าง?
สิว เรียกได้ว่าเป็นปัญหาผิวที่ทุกคนเคยเป็น และต้องเป็นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในชีวิต มีระดับความรุนแรงตั้งแต่ในระดับเล็กน้อย ไปจนถึงในผู้ที่มีสิวในระดับรุนแรงที่สูง
การรักษาสิวจึงถูกพัฒนาขึ้นมาในทุกๆศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทาน ยา อาหารเสริม เทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี โดยการรักษาสิวจะมุ่งเน้นไปที่การทำให้สิวยุบตัวลง พร้อมหยุดการเกิดสิวใหม่ และป้องกันการเกิดรอยสิว รอยแผลเป็น ดังนี้
1. การใช้ยาทาภายนอก เช่น เจลแต้มสิว ยารักษาสิว
2. การใช้ยารับประทานยาปฏิชีวนะ เช่น ยาปรับฮอร์โมน หรือในยาบางชนิดที่ช่วยลดสิว
3. การดูแลผิว เช่น การทำความสะอาดผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะกับสภาพผิว
4. การรักษาด้วยหัตถการ เช่น การกดสิว การทำเลเซอร์สิว AviClear laser
AviClear Laser คืออะไร
Program AviClear Laser คืออะไร มาทำความรู้จักกับ AviClear laser เครื่องเลเซอร์รักษาสิวที่กำลังมาแรงที่สุดในตอนนี้ โดยใช้ความยาวคลื่น 1726 นาโนเมตร (nm) ที่จะช่วยลดการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน และลดการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตัวคลื่นจะเลือกจับเป้าหมายบริเวณต่อมไขมัน (Sebaceous glands) โดยตรง ทำให้เห็นผลได้ชัดเจนเพียงรักษาต่อเนื่อง 3 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้เลเซอร์สิวยังมาพร้อมกับระบบเทคโนโลยีระบายความร้อน AviCool™ ซึ่งจะช่วยให้ความสบายผิว ปลอดภัย สามารถทำได้ทุกระดับสีผิว นอกจากนี้เลเซอร์สิว AviClear ยังได้รับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา (FDA) และผ่านการรับรองจาก Health Canada ว่ามีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการรักษาสิวในทุกระดับความรุนแรง AviClear laser สามารถทำได้ทุกสีผิวและผิวทุกประเภท ไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรงโดยมาตรฐานผลลัพธ์ของการรักษาคงอยู่อย่างยาวนาน และประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิว
หลังทำเลเซอร์สิว AviClear 71% สิวอักเสบลดลงภายใน 1 ปี หลังการรักษา 3 ครั้ง และลดลงอย่างต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 2 ปี
หลังทำเลเซอร์สิว AviClear Laser 92% ของคนไข้พบว่าสิวอักเสบลดลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งภายใน 12 เดือนหลังการรักษา
หลังทำเลเซอร์สิว AviClear Laser 90% ของผู้ที่ทำการรักษาพึงพอใจกับผลการรักษา โดยอ้างอิงจากผลการวิจัยทางการแพทย์
Program AviClear ทำงานอย่างไร
หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่าการทำเลเซอร์สิว AviClear นั้นจะช่วยให้สิวหายได้อย่างไร? เนื่องจากการเกิดสิวนั้น เกิดจากซีบัม (Sebum) หรือไขมันที่ถูกผลิตจากต่อมไขมันที่ผิวหนัง ถูกหลั่งออกมามากเป็นพิเศษ จากนั้นมารวมกับเซลล์ผิวที่ตายบนผิว ทำให้เกิดการอุดตันขึ้น จนเกิดเป็นสิว
ซึ่งการทำงานของเครื่อง AviClear นั้นจะใช้แสงเลเซอร์เพื่อใช้ในการกำหนดเป้าหมาย จากนั้นจะส่งพลังงานแสงลงไปชั้นผิวเพื่อยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยกำจัดและรักษาสิวจากสาเหตุโดยตรง โดยหลังการรักษาด้วย AviClear แล้วนั้นผิวจะผลิตน้ำมันออกมาน้อยลง และช่วยลดสิวได้ในระยะยาว
เลเซอร์สิวAviClear มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่จะช่วยเพิ่มความสบายให้กับผิวหน้า นั่นคือ ระบบทำความเย็นผิวที่เรียกว่า "AviCool" เป็นระบบความเย็นที่ใช้แซฟไฟร์และเซ็นเซอร์อัจฉริยะในการวัดอุณหภูมิผิว AviCool จะช่วยลดอุณหภูมิผิวลงไปที่ 2-4 องศาเซลเซียส ทำให้การรักษาสะดวกสบายและมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น
ด้วยคุณสมบัตินี้ ผู้รับการรักษาเลเซอร์สิว AviClear Laser จะไม่จำเป็นต้องทายาชาก่อนทำการรักษา เพราะระบบทำความเย็น AviCool จะช่วยบรรเทาความรู้สึกเจ็บปวด สบายผิวหน้าระหว่างทำ ไม่ทิ้งรอยแดงไว้ ทำให้ไม่ต้องพักหน้าหลังทำ AviClear และใช้เวลาเพียง 30 นาที สะดวกสบาย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
เลเซอร์สิว AviClear Laser ช่วยจัดการกับ 4 กลไกหลักของการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. Hyperkeratinization : AviClear ช่วยลดการอุดตันในรูขุมขนโดยการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการอุดตันและสิว
2. Excessive sebum : เป้าหมายหลักของ AviClear คือ การควบคุมการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดสิวจากน้ำมันที่มากเกินไป
3. C. acnes proliferation : เลเซอร์สิว AviClear ช่วยลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย C. acnes ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการอักเสบของสิว
4. Inflammation : เลเซอร์สิว AviClear ช่วยลดการอักเสบในผิวหนัง ทำให้สิวที่เกิดขึ้นมีการบวมและแดงน้อยลง
ทั้งหมด 4 กลไกของการเกิดสิวสามารถจบได้ด้วย เลเซอร์สิว AviClear ตัวเลือกที่ดีในการดูแลผิว และกำจัดสิวที่หลายคนต่างนึกถึง เพราะรักษาตรงจุดและผลลัพธ์ที่ยาวนาน
AviCool ระบบทำความเย็น ใน AviClear Laser คืออะไร
AviCool เป็นระบบทำความเย็นในเลเซอร์สิว AviClear เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาเพื่อเพิ่มความปลอดภัย และความสบายระหว่างการรักษา โดยทำให้ AviClear สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
- AviCool จะช่วยปกป้องผิวชั้นนอก ระบบทำความเย็นจะช่วยลดอุณหภูมิของผิวในขณะทำการรักษา ทำให้ผิวไม่ถูกทำร้ายจากความร้อนที่เกิดจากเลเซอร์ AviClear
- AviCool จะทำงานในช่วงเวลาที่สำคัญทั้งก่อน ขณะ และหลังการปล่อยพลังงานการปล่อยพลังงานจากเลเซอร์ AviClear Laser ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวบริเวณนั้น ๆ ลดการระคายเคืองลง
- ก่อนเลเซอร์สิว AviClear จะปล่อยพลังงานเลเซอร์ ตัว AviCool จะมีการใช้อุณหภูมิที่เย็นมาก ซึ่งช่วยทำให้ผิวหนังไม่ร้อนเกินไปหลังจากการรักษา
- ระบบทำความเย็นจะปล่อย หลังจากการปล่อยพลังงาน AviClear เพื่อช่วยปกป้องผิวหนังชั้นนอก โดยไม่ให้ผิวร้อนเกินไปจากการระบายความร้อนใต้ผิว ช่วยเพิ่มความสบายของผิวได้มากขึ้น
ก่อนทำเลเซอร์สิว AviClear ต้องทำอย่างไรบ้าง
- ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดหมดจด หากใครแต่งหน้าต้องเช็ดเครื่องสำอางให้หมดจริง ๆ ก่อนเข้ารับบริการเลเซอร์สิว AviClear
- หากในบริเวณที่ต้องการทำ AviClear มีเส้นขน ก่อนทำต้องโกนขนให้สะอาดหมดจด เพราะอาจะเกิดฟองอากาศใต้หัวยิง ทำให้เะไม่สามารถวางหัวยิง AviClear แนบผิวได้ และจะทำการเลเซอร์สิวไม่ได้
- จากนั้นทำความสะอาดผิวบริเวณที่ต้องการทำเลเซอร์สิว AviClear Laser อีกรอบด้วยสบู่อ่อน ๆ และล้างด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งให้สะอาด
- ซับน้ำบนผิวให้แห้ง ด้วยผ้าก๊อซแห้ง จากนั้นสวมแว่นตา เพื่อป้องกันแสงเลเซอร์จากเครื่องเลเซอร์สิว AviClear และนอนลงบนเตียง
- ผู้ช่วยแพทย์จะทำการซับความมันด้วยผ้าก๊อซชุบ medical/ACS grade acetone บิดให้แห้ง เช็ดบริเวณทั่วใบหน้าอีกครั้งก่อนทำเลเซอร์สิว AviClear
- ก่อนใช้เครื่อง AviClear Laser ทุกครั้ง จะต้องเตรียมผิวด้วยผ้าก๊อซหรือมาร์กชุบน้ำ จากนั้นโปะให้ทั่วบริเวณที่ต้องการทำ ประมาณ 3 นาทีก่อนทำ AviClear เพื่อช่วยลดการระคายเคือง
วิธีรักษาสิวด้วย AviClear Laser
เนื่องจากการรักษาด้วยเครื่อง AviClear Laser เป็นการส่งพลังงานคลื่นไปยังชั้นผิวลึกนั้น อาจจะทำให้ระหว่างที่ทำเลเซอร์สิว AviClear รู้สึกไม่สบายผิว หรือมีความเจ็บเล็กน้อย หรืออาจจะมีความรู้สึกแสบร้อน หรืออุ่นบริเวณผิว ซึ่งอาการที่กล่าวมานั้นไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อผิว สำหรับใครที่มีความกังวลในเรื่องการรักษาด้วย AviClear สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจรักษาด้วย เลเซอร์สิว AviClear Laser ได้
หลังทำ AviClear Laser เป็นอย่างไร?
หลังการทำ Program AviClear Laser ผิวหน้าจะมีสีชมพูระเรื่อ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการทำเลเซอร์รักษาสิว แต่ทั้งนี้รอยจะเกิดขึ้นไม่มาก และสามารถหายไปเองได้ภาย 1 ชั่วโมง การทำเลเซอร์สิว AviClearนั้นจึงสามารถทำเสร็จแล้วกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยที่ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำเสร็จครั้งแรกผิวจะดูดีขึ้น สิวจะค่อย ๆ หายไป โดยโปรแกรม AviClear Laser นั้นจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนาน และชัดเจนมากขึ้นหลังทำ 3 ครั้ง สามารถเลือกทำเลเซอร์สิว AviClear เดือนละ 1 ครั้งได้
ข้อดีของการทำ AviClear Laser
AviClear เป็นเครื่องเลเซอร์สิว ที่มีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการรักษาสิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการรักษา นี่คือข้อดีที่โดดเด่นของเลเซอร์สิว AviClear Laser
- AviClear ไม่ต้องใช้ยาชา ช่วยให้การรักษาสะดวกสบายยิ่งขึ้น
- AviClear ช่วยลดการเกิดสิวทุกชนิด มีประสิทธิภาพในการลดสิวทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ
- AviClear ให้ผลลัพธ์ระยะยาว สามารถลดการเกิดสิวได้นานถึงสองปี
- AviClear เหมาะกับผิวบอบบาง ไม่ทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง
- AviClear ผิวไม่เบิร์นหรือไหม้ ปลอดภัยต่อผิวหนัง
- AviClear ไม่ทำร้ายผิว รักษาผิวให้มีความสมบูรณ์
- AviClear ช่วยปกป้องผิวในระหว่างกระบวนการรักษา
- AviClear เลเซอร์สิวมีระบบทำความเย็น AviCool ช่วยลดความไม่สบายในระหว่างการรักษา AviClear
- AviClear ช่วยรักษารอยแผลเป็น ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- AviClear ลดความมันบนใบหน้า ช่วยให้ผิวดูไม่มันเงา
- AviClear ลดขนาดรูขุมขน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับ
- AviClear เลเซอร์สิว ไม่ทำลายชั้นผิวหนัง ช่วยให้ผิวหนังยังคงมีสุขภาพดี
ผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยเลเซอร์สิว AviClear
การรักษาด้วยเลเซอร์สิว AviClear Laser หลังทำอาจจะมีผลข้างเคียง หรือข้อจำกัดที่ไม่ควรทำในช่วงรักษา ดังนี้
- หลังทำ AviClear อาจจะทำให้ผิวแห้งได้ โดยเครื่องเลเซอร์สิว AviClear อาจเกิดอาการผิวแห้ง ดังนั้นควรบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ (moisturizer) หลังทำ
- หลังทำ AviClear ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ในช่วงการรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์ AviClear ไม่ว่าจะเป็น กีฬา หรือการเดินทางกลางแจ้ง เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
- หลังทำ AviClear จะรู้สึกคันหรือแสบเล็ก ๆ บริเวณที่ทำการรักษาเลเซอร์สิว AviClear ไม่แนะนำให้เกา หรือสัมผัสแรง เพราะอาจจะทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองได้
- การทำ AviClear ต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น หากจะเลือกสถานพยาบาลในการทำ ควรเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำเลเซอร์สิว AviClear Laser เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เลเซอร์สิว AviClear เหมาะกับใคร
AviClear เป็นเครื่องเลเซอร์สิวที่สามารถทำได้ทุกเพศ และทุกสภาพผิว คนที่เหมาะสำหรับการใช้เครื่อง AviClear มีดังนี้ AviClear Laser เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น สิวอุดตัน หรือสิวอักเสบ
- AviClear Laser เหมาะกับผู้ที่มีสิวจากทุกสาเหตุ เช่น ฮอร์โมน, สภาพแวดล้อม หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
- AviClear Laser เหมาะกับผู้ที่มีสิวทุกระดับความรุนแรง ตั้งแต่สิวเล็กน้อย ไปจนถึงสิวรุนแรง
- AviClear Laser เหมาะกับทุกสีผิว สามารถทำได้ทุกสีผิว ไม่เป็นอันตราย
- AviClear Laser เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่
- AviClear Laser เหมาะกับผู้ที่เคยรักษาสิวด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่หาย ซึ่งการใช้เครื่องเลเซอร์สิว AviClear จะช่วยกำจัดสิวได้ถึงต้นตอ
- AviClear Laser เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการรักษาสิวด้วยการรับประทานยา ในการรักษาสิวบางครั้งครั้ง อาจจะต้องรับประทานยาร่วมด้วย หากไม่ต้องการทานยารักษาสิว สามารถใช้เครื่อง AviClear ได้
- AviClear Laser เหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษาสิวในระยะยาว เนื่องจาก AviClear สามารถช่วยลดการเกิดสิวได้ในระยะยาว เพราะจัดการอย่างตรงจุด
- AviClear Laser เหมาะกับผู้ที่แพ้การใช้เครื่องสำอาง ทำให้เกิดสิวเห่อ หายช้า
- AviClear Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาความเครียด นอนดึก อาจจะทำให้เป็นสิวบ่อย
- AviClear Laser เหมาะกับผู้ที่แพ้ยารักษาสิว ใครที่มีประวัติการแพ้ยารักษาสิว สามารถ ใช้เครื่องเลเซอร์สิวในการดูแลแทนได้
- AviClear Laser เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวหนัก สิวอักเสบ สิวอยู่ในสภาวะรุนแรง ผิวหน้าบอบบาง
การใช้เลเซอร์สิว AviClear มีข้อห้ามอะไรบ้าง?
การใช้เลเซอร์สิว AviClear มีข้อห้ามบางประการที่สำคัญเพื่อความปลอดภัย และประสิทธิภาพของการรักษา ดังนี้
- ห้ามใช้เลเซอร์สิว AviClear Laser กับสตรีมีครรภ์ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้เลเซอร์ทุกชนิด เนื่องจากอาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้
- ห้ามใช้เลเซอร์สิว AviClear กับผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสเริม Herpes Simplex (HSV) หากมีอาการเริมในบริเวณที่จะทำการรักษา ควรเลื่อนการทำเลเซอร์ AviClear ออกไปก่อน
- ห้ามใช้เลเซอร์สิว AviClear กับผู้ที่เป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ผู้ป่วยที่มีประวัติหรือกำลังเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนตัดสินใจใช้เลเซอร์ AviClear
- ห้ามใช้เลเซอร์สิว AviClear กับผู้ที่มีผิวไหม้แดด หากมีรอยไหม้แดดบริเวณที่จะทำการรักษา AviClear Laser ไม่แนะนำให้ทำเลเซอร์ เนื่องจากเป็นบริเวณที่ผิวบอบบาง
- ห้ามใช้เลเซอร์สิว AviClear กับผู้ที่เป็นแผลเป็นชนิดคีลอยด์ (Keloid Scars) หรือผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์ เพราะการใช้เลเซอร์สิว AviClear อาจจะทำให้เกิดคีลอยด์ขึ้นได้
- ห้ามใช้เลเซอร์สิว AviClear ร่วมกับยาบางชนิด เพราะในยาบางชนิดอาจส่งผลต่อการรักษา หากต้องการทำ AviClear ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- ห้ามใช้เลเซอร์สิว AviClear กับผู้ที่เป็นโรคผิวแพ้แสง เนื่องจากผู้ที่มีโรคผิวหนังที่แพ้แสง เช่น porphyria ควรหลีกเลี่ยงการรักษาด้วยแสงเลเซอร์ทุกชนิด
นอกจากนี้หลังจากรับการรักษาด้วย AviClear อาจพบผลข้างเคียงที่ควรระวัง ดังนี้ อาการผิวแดง อาการบวม สิวเห่อขึ้นชั่วคราว ผิวแห้ง และอาการคัน ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะเป็นอาการเพียงชั่วคราวและจะหายไปภายในระยะเวลาสั้น ๆ หากอาการยังไม่หาย หรือมีความรุนแรงขึ้นควรปรึกษาแพทย์ทันที
AviClear Laser ควรทำบ่อยไหม และควรทำ AviClear กี่ครั้ง
ใครที่กำลังสงสัยว่า AviClear Laser ควรทำบ่อยไหม และควรทำ AviClear กี่ครั้ง? เพื่อให้ไดผลลัพธ์ที่ดี การรักษาโดยเครื่องเลเซอร์สิว AviClear ควรเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ให้ครบ 3 ครั้ง โดยในแต่ละครั้ง ควรเว้นระยะห่าง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ แต่ในบางเคสที่แพทย์ประเมินว่าเป็นหนัก อาจต้องทำการรักษามากกว่า 3 - 6 ครั้ง
เครื่องเลเซอร์สิว AviClear ใช้เวลารักษานานไหม?
โดยปกติแล้วนั้น AviClear Laser จะใช้ระยะเวลาในการรักษาแต่ละครั้งประมาณ 30 นาที โดยจะเป็นการยิงเลเซอร์ต่อเนื่องทั่งบริเวณที่ต้องการ ซึ่งเวลาดังกล่าวจะไม่รวมทำความสะอาดใบหน้า
AviClear รักษารอยสิวได้ไหม?
นอกจากเลเซอร์สิว AviClear จะช่วยรักษาสิวแล้ว ยังช่วยลดความมันบนใบหน้า กระชับรูขุมขน และยังช่วยลดรอยแผลจากสิวได้อีกด้วย เพราะตัวเครื่องได้รับการรับรองจาก อย. ของประเทศแคนาดา (Health Canada) เกี่ยวกับด้านการรักษารอยแผลเป็นจากสิว
สรุป
สิว ถือเป็นปัญหากวนใจของใครหลาย ๆ คน ทางลัดช่วยเคลียร์สิวได้อย่างตรงจุด ต้อง AviClear Laser คืออะไร? เคลียร์สิวกวนใจตรงจุด เรียกได้ว่าเป็นหัตถการที่ตอบโจทย์อย่างมากในตอนนี้ เลเซอร์สิวช่วยลดการผลิตน้ำมันใต้ชั้นผิว จัดการสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์ที่ยาวนาน สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องสิว ไม่ว่าจะเป็น สิวอักเสบ สิวผด สิวอุดตัน สามารถเข้ารับคำปรึกษาเรื่องการรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์สิว AviClear Laser ได้ที่รมย์รวินคลินิก
โปรโมชั่นพิเศษ ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนไม่จำกัด ณ สถาบันความงามที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
สิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกบัตรฯ
ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน* พร้อมลงทะเบียนรับเครดิตเงินคืนไม่จำกัดตลอดรายการ ณ สถาบันความงามที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
ยอดผ่อนชำระ / เซลส์สลิป | รับเครดิตเงินคืน |
---|---|
10,000 – 29,999 บาท | 220 บาท |
30,000 – 54,999 บาท | 800 บาท |
55,000 – 79,999 บาท | 1,700 บาท |
80,000 – 149,999 บาท | 2,400 บาท |
150,000 บาทขึ้นไป | 5,200 บาท |
*เงื่อนไขและระยะเวลาผ่อนชำระเป็นไปตามที่ผู้ให้บริการกำหนด
หมายเหตุ : อัตราดอกเบี้ย 0% เมื่อลูกค้าชำระเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนดชำระ
รู้ไว้ก่อนใช้จ่าย
• เงื่อนไขการใช้บริการหรือระยะเวลาผ่อนชำระ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างสมาชิกบัตรฯ และร้านค้า
• ยอดผ่อนชำระจะถูกกันวงเงินไว้เต็มจำนวน และจะคืนวงเงินเข้าไปในบัตรทุกเดือน เมื่อสมาชิกบัตรฯ ผ่อนชำระเป็นรายเดือนตามระยะเวลาที่กำหนด
• เพื่อสิทธิประโยชน์ของท่านสมาชิกบัตรฯ โปรดสอบถามพนักงานหน้าร้าน และลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิก่อนทำรายการ
• รายการผ่อนชำระไม่สามารถยกเลิกหรือคืนเงินได้ หากร้านค้าไม่ยินยอมหรือปิดกิจการ
วิธีลงทะเบียนรับเครดิตเงินคืน:
ส่งข้อความ SMS พิมพ์ BTF เว้นวรรคตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 16 หลัก ส่งมาที่ 0613845000 (ค่าบริการ SMS ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการเครือข่าย) หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ktc.co.th/beauty โดยท่านจะต้องได้รับข้อความตอบกลับยืนยันการลงทะเบียนสำเร็จ จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมรายการ (ลงทะเบียนภายในวันที่มียอดใช้จ่าย ครั้งเดียว ต่อ 1 หมายเลขบัตร สามารถเข้าร่วมได้ตลอดรายการ)
1 ก.พ. 68 – 31 พ.ค. 68
.