ฝ้าเกิดจากอะไร ?
“ฝ้า” ปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อยบริเวณใบหน้า ซึ่งฝ้ามีรอยคล้ำหรือสีน้ำตาลเข้มไม่สม่ำเสมอ มักเกิดได้บ่อยบริเวณผิวหนังที่สัมผัสแดดเป็นประจำ เช่น บริเวณโหนกแก้มหรือหน้าผาก โดยสาเหตุการเกิดฝ้าสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งปัจจัยที่มักทำให้เกิดฝ้าบนผิวหนัง มีดังนี้
1.การเกิดฝ้าจากแสงแดดและรังสี UV
ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดฝ้ามักเกิดมาจากแสงแดดและรังสี UV เนื่องจากเมื่อผิวสัมผัสกับรังสี UV มากเกินไป โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB ร่างกายจะผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินความจำเป็น เพื่อปกป้องเซลล์ผิวจากอันตรายของรังสี UV ในแสงแดด ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมา เช่น การเกิดฝ้า ดังนั้นควรปกป้องผิวจากรังสี UV เพื่อปกป้องการกระตุ้นให้เกิดฝ้า
2.การเกิดฝ้าจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า คือ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยฮอร์โมนในร่างกายมีผลกระทบต่อสุขภาพผิวหลายอย่าง โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่มีความสำคัญในการควบคุมกระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย เมื่อฮอร์โมนเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้นจะไปกระตุ้นให้ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝ้าได้ง่ายเมื่อฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงนั่นเอง
3.การเกิดฝ้าจากพันธุกรรม
พันธุกรรมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเกิดฝ้า หากมีสมาชิกในครอบครัว เคยมีประวัติเป็นฝ้า โอกาสที่คนในครอบครัวเดียวกัน จะมีโอกาสเกิดฝ้าก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย การใส่ใจดูแลผิวล่วงหน้า จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฝ้าได้ดีขึ้น
4.การเกิดฝ้าจากการอักเสบหรือระคายเคืองผิวหนัง
สภาพผิวที่เกิดการอักเสบหรือระคายเคือง ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง มีกรดด่างที่ไม่เหมาะกับผิว เนื่องจากเมื่อผิวหนังเกิดการอักเสบหรือระคายเคือง ร่างกายจะตอบสนองด้วยการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้นเพื่อปกป้องผิว ซึ่งการสะสมของเม็ดสีมากขึ้น จะก่อให้เกิดฝ้าขึ้น
5.การเกิดฝ้าจากความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
ภาวะความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพผิวในระยะยาว เนื่องจากความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) เพิ่มขึ้น ทำให้ไปรบกวนฮอร์โมนอื่นๆ ที่มีผลต่อการผลิตเม็ดสีเมลานิน อีกทั้งการนอนหลับไม่เพียงพอยังทำให้ผิวเสื่อมสภาพง่าย ทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดฝ้าได้ง่ายขึ้น
6.การเกิดฝ้าจากมลภาวะและสิ่งแวดล้อม
มลภาวะทางอากาศ เช่น ฝุ่น ควัน และสารพิษที่ปะปนในอากาศ ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้าได้ จากการที่เซลล์ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้นกว่าปกติ เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายโดยมลภาวะทางอากาศต่าง ๆ เมื่อมีการสะสมเม็ดสีมากเกินไป จะทำให้เกิดฝ้าขึ้นได้
การเกิดฝ้าสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก การหลีกเลี่ยงแสงแดด ปรับพฤติกรรมและดูแลสุขภาพผิวอย่างเหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฝ้าในอนาคตได้
ทำไมต้องรักษาฝ้า
ฝ้า (Melasma) เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย เกิดได้จากหลายปัจจัย โดยฝ้าเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดบนผิวหนัง ทำให้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ภายนอกและความมั่นใจของคนที่เป็นฝ้าได้ การรักษาฝ้าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้ภาพลักษณ์และจิตใจดีขึ้น นอกจากนี้การรักษาฝ้ายังส่งผลดีต่อร่างกายและจิจใจอีกหลายประการ ดังนี้
- การรักษาฝ้าช่วยป้องกันการลุกลามของฝ้าได้
ฝ้าเป็นปัญหาผิวหนังที่สามารถลุกลามได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับความรุนแรง เพราะจุดฝ้าขนาดเล็กอาจขยายตัวเป็นฝ้าขนาดใหญ่ หรือแพร่กระจายไปยังบริเวณรอบ ๆ ได้ ดังนั้นการรักษาฝ้าควรทำตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันการเกิดฝ้าลุกลาม ไม่ให้ขยายใหญ่หรือกระจายไปรอบ ๆ รวมถึงช่วยลดระยะเวลาและประหยัดค่ารักษาในการรักษาฝ้าได้ - การรักษาฝ้าช่วยเพิ่มความมั่นใจ
ฝ้ามักปรากฏบริเวณใบหน้า เห็นได้ชัดเจน การรักษาฝ้าช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น การรักษาฝ้าจึงทำให้ผู้ที่เป็นฝ้ากลับมามีความมั่นใจได้มากขึ้นหลังการรักษาอีกด้วย - การรักษาฝ้าช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีผิดปกติ
ฝ้าเกิดจากการสร้างเม็ดสีผลิตเมลานินมากเกินไป การรักษาฝ้าที่ถูกวิธีจะช่วยควบคุมการผลิตเม็ดสีให้กลับมาอยู่ในการผลิตในระดับที่สมดุล ทำให้ฝ้าจางลงและผิวดูสว่างขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และลดโอกาสการเกิดฝ้าซ้ำในอนาคตได้ - การรักษาฝ้าช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ
การรักษาฝ้าแม้ไม่สามารถรักษาฝ้าให้หายได้ถาวรได้ แต่การรักษาอย่างถูกต้องและการดูแลผิวอย่างต่อเนื่องหลังการรักษา จะช่วยลดความเสี่ยงในการกลับมาเกิดฝ้าในอนาคตได้
การรักษาฝ้าไม่ใช่เพียงแค่การรักษาเพียงแค่ภายนอกเพื่อความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อจิตใจอีกด้วย และสุขภาพผิวภายในอีกด้วย การรักษาฝ้าตั้งแต่เนิ่นและการเลือกวิธีการรักษาฝ้าที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันปัญหาผิวที่ตามมาหลายอย่าง ช่วยให้ผิวโดยรวมดูดีขึ้นในระยะยาวอีกด้วย
รวมโปรแกรมรักษาฝ้ากับรมย์รวินท์
การรักษาฝ้าที่รมย์รวินท์คลินิก มีโปรแกรมการรักษาฝ้าที่ครอบคลุมหลายโปรแกรม ทั้งการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์และการฉีดลดฝ้า เพื่อช่วยลดเลือนฝ้า จุดด่างดำ และฟื้นฟูให้ผิวดูสม่ำเสมอ กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ โดยโปรแกรมรักษาฝ้าที่รมย์รวินท์มีหลายโปรแกรม ดังนี้
1.โปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser
โปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Lasr เป็นโปรแกรมเลเซอร์รักษาฝ้าที่ใช้เทคโนโลยี PicoSecond Laser ในการปล่อยพลังงานเลเซอร์ในช่วงเวลาที่สั้น ในการช่วยทำลายเม็ดสีเมลานินที่อยู่ลึกใต้ชั้นผิว ให้แตกตัวแล้วถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ โดยไม่ก่อให้เกิดการทำลายผิวชั้นบน ผิวไม่บอบช้ำ และสามารถฟื้นฟูได้รวดเร็ว
จุดเด่นของโปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser
- โปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser สามารถส่งพลีงงานลงลึกได้ถึงรากเม็ดสี ทำให้ผลลัพธ์แม่นยำและรวดเร็ว สามารถช่วยลดเลือนรักษาฝ้าได้อย่างตรงจุด
- โปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser มีคุณสมบัติที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวแน่นกระชับ เรียบเนียน แลพช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลงอีกด้วย
- โปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser เหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่ายก็สามารถรักษาฝ้าด้วยเครื่องเลเซอร์นี้ได้อีกด้วย
- โปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำทันที
โปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser เหมาะสำหรับ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยสิว รอยดำ รอยแดง หรือแผลเป็นจากสิว
- โปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว โดยไม่ต้องพักฟื้น ใช้เวลาไม่นาน
ระยะเวลาในการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser
โดยทั่วไปแล้วระยะเวลาในการทำโปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรก แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน ควรให้ทำต่อเนื่อง 4-6 ครั้ง ทั้งนี้ระยะเวลาและผลลัพธ์ในการรักษาฝ้ากับโปรแกรมรักษาฝ้า Nu Pico Laser ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ
2.โปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung
โปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung เป็นเทคโนโลยีรักษาฝ้าด้วยการใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงด้วยระบบ Dual Wave RF ที่สามารถปล่อยพลังงานได้ 2 รูปแบบ คือการปล่อยพลังงานแบบต่อเนื่อง (Continuous Wave) และการปล่อยพลังงานพัลล์ (Pulsed Wave) โดยการปล่อยคลื่นพลังงานวิทยุนี้จะช่วยยับยั้งการทำงานของเส้นเลือดที่ผิดปกติและควบคุมการผลิตเม็ดสีเมลานิน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังได้อีกด้วย
จุดเด่นของโปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung
- โปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung สามารถรักษาฝ้าได้ทุกประเภท โดยเฉพาะการรักษาฝ้าเลือด ที่เป็นฝ้าที่รักษายากกว่าฝ้าแบบทั่วไป
- โปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและความหมองคล้ำ ช่วยให้สีผิวมีความสม่ำเสมอมากขึ้น
- โปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวบอบบางหรือไวต่อการรักษาฝ้าแบบอื่น
- โปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung ช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวโดยรวม ทำให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง ผิวกระชับมากยิ่งขึ้น
โปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung เหมาะสำหรับ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้าเรื้อรัง หรือฝ้าเลือด
- โปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung เหมาะสำหรับผู้ที่มีจุดด่างดำหรือผิวไม่สม่ำเสมอ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung เหมาะสำหรับผู้ที่เคยรักษาฝ้าด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
- โปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน ไม่เป็นอันตราย และไม่ต้องพักฟื้น
ระยะเวลาในการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung
ระยะเวลาในการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung ควรทำต่อเนื่องประมาณ 4-6 ครั้ง ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของฝ้าและการตอบสนองของผิวแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้วการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรมรักษาฝ้า Sylyoung จะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรก
3.โปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser
โปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser เป็นเทคโนโลยีคลื่นแสงที่สามารถรักษาฝ้าได้อย่างครอบคลุมและตรงจุด ด้วยการผสานแสงเลเซอร์ 2 ความยาวคลื่น ได้แก่ คลื่นแสงสีเหลือง 578 nm ช่วยลดความผิดปกติของเส้นเลือดใต้ผิวหนัง และคลื่นแสงสีเขียว 511 nm ลดเม็ดสีเมลานินที่ทำให้เกิดฝ้าและจุดด่างดำ
จุดเด่นของโปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser
- โปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser สามารถรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำได้อย่างแม่นยำทั้งฝ้าจากเม็ดสีเมลานินและเส้นเลือดใต้ผิว
- โปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser ช่วยลดรอยแดงและรอยดำจากสิว
- โปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และแน่นกระชับมากขึ้นหลังทำ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตปกติหลังทำ โปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser ได้เลย
โปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser เหมาะสำหรับ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้าตื้น ฝ้าเลือดและฝ้าลึก
- โปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser เหมาะสำหรับผิวทุกประเภท แม้กระทั่งในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
- โปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีจุดด่างดำจากสิว หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ
ระยะเวลาในการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser
ระยะเวลาในการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรมรักษาฝ้า Dual Yellow Laser แต่ละครั้งจะใช้ระยะเวลาโดยเฉลี่ย 30-45 นาที ควรทำต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้ง ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 4-6 สัปดาห์หรือขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผิวและคำแนะนำจากแพทย์
4.โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White
โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White เป็นโปรแกรมรักษาฝ้าที่ออกแบบมาโดยเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิก โดยโปรแกรมรักษาฝ้านี้สามารถรักษาฝ้าได้อย่างครอบคลุมทั้งฝ้าแบบตื้น ฝ้าลึก ฝ้าผสม และฝ้าเลือด ผ่านโปรแกรมการรักษาฝ้า 3 โปรแกรม ได้แก่
- โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White ใช้เทคโนโลยีและสารบำรุงเฉพาะผสานการรักษาฝ้า 4 ขั้นตอน สามารถรักษาฝ้าในระดับปานกลางและช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก
- โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White Mini ผสานการรักษาฝ้า 2 ขั้นตอน สามารถรักษาฝ้ากระและจุดด่างดำระยะเริ่มต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์ได้ในระยะเวลาไม่นาน
- โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White Plus เป็นโปรแกรมรักษาฝ้าที่สามารถรักษาฝ้าในระดับลึกและมีความซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย 5 ขั้นตอน
โปรแกรมการรักษาฝ้าทั้งสามโปรแกรมมีการทำงานในการรักษาฝ้าที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ตอบโจทย์ลักษณะฝ้าและสภาพผิวของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันออกไป
จุดเด่นของโปรแกรมรักษาฝ้า Code of White
- โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White สามารถรักษาฝ้าได้ทุกระดับ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White มีการใช้เทคโนโลยีและวิธีการรักษาฝ้าที่หลากหลาย ผสานเข้าด้วยกัน
- โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White สามารถปรับการรักษาฝ้าให้เหมาะกับปัญหาผิวแต่ละบุคคลได้
- โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส ผิวจะสม่ำเสมอขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White ไม่เป็นอันตราย ใช้เทคโนโลยีและการรักษาฝ้าที่ได้มาตรฐาน
โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White เหมาะสำหรับ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
- โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White เหมาะสำหรับฝ้าทุกระดับและฝ้าทุกประเภท
- โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวพร้อมกับการรักษาฝ้าในครั้งเดียว
- โปรแกรมรักษาฝ้า Code of White เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางและมองหาวิธีการรักษาที่อ่อนโยน
ระยะเวลาในการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรมรักษาฝ้า Code of White
ระยะเวลาในการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรมรักษาฝ้า Code of White แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 45–60 นาที ขึ้นอยู่กับรูปแบบของโปรแกรมการรักษาฝ้าที่เลือก โดยควรทำต่อเนื่องทุก 1–2 สัปดาห์ ซึ่งโดยทั่วไปจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การรักษา 3–4 ครั้งแรก แต่ควรทำต่อเนื่องจนครบคอร์สประมาณ 6–8 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนาน
5.โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade ที่รมย์รวินท์
โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade เป็นโปรแกรมรักษาฝ้าของรมย์รวินท์คลินิกที่ออกแบบมาจากเพื่อรักษาฝ้าด้วยการยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสีเมลานินโดยตรง อีกทั้งการทำโปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade ยังช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าในอนาคตได้อีกด้วย
จุดเด่นของโปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade ที่รมย์รวินท์
- โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade จัดการฝ้าได้อย่างตรงจุดด้วยการเข้าไปยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน
- โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade ช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นฝ้าซ้ำในอนาคตได้
- โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade ช่วยลดฝ้า จุดด่างดำ และผิวหมองคล้ำไปพร้อมกัน
- โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade เห็นผลลัพธ์ได้ในระยะเวลานไม่นาน
- โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade ไม่ทำลายผิวชั้นบน ไม่ก่อให้เกิดแผล
โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade ที่รมย์รวินท์ เหมาะสำหรับ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade เหมาะสำหรับผู้ที่มีฝ้าจากการผลิตเมลานินมากเกินไป
- โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมการเกิดฝ้า
- โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญแสงแดดเป็นประจำ
- โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดฝ้าอย่างรวดเร็ว
- โปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade เหมาะสำหรับผู้ที่มีฝ้ารุนแรงหรือฝ้าที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
ระยะเวลาในการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade ที่รมย์รวินท์
ระยะเวลาในการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรมรักษาฝ้า Melasma Fade โดยทั่วไปสามารถเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำประมาณ 1–2 สัปดาห์ และควรทำต่อเนื่อง 4–6 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ทั้งนี้ระยะเวลาในการรักษาฝ้าขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของฝ้าและการตอบสนองของผิวแต่ละบุคคลด้วยค่ะ
โปรแกรมรักษาฝ้าที่รมย์รวินท์คลินิกมีให้เลือกมากมายหลายโปรแกรม ซึ่งสามารถรักษาฝ้าได้อย่างครอบคลุมฝ้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นฝ้ารุนแรงระดับใดก็สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ค่ะ
ระวัง !! หากไม่รักษาฝ้า ปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลาม
ฝ้าเป็นภาวะที่หากไม่รีบดูแลหรือรักษาอย่างเหมาะสมตั้งแต่เริ่มต้น อาจพัฒนาเป็นปัญหาผิวที่รุนแรงมากขึ้นได้ในระยะยาว หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาฝ้าอาจส่งผลเสียได้มากกว่าที่คิด ดังนี้
- หากไม่รักษาฝ้า ฝ้าอาจกระจายเป็นบริเวณกว้างได้
ฝ้าสามารถลุกลามให้ใหญ่ขึ้น หรือแผ่ขยายไปยังบริเวณอื่นรอบ ๆ ได้หากไม่ได้รับการรักษาฝ้าที่ถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้สีผิวภาพรวมดูไม่สม่ำเสมอ เกิดความหมองคล้ำทั่วใบหน้า หรือทั่วบริเวณที่เกิดฝ้า ส่งผลให้อาจต้องใช้เครื่องสำอางในการปกปิดและอาจทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้นในระยะยาวได้ - หากไม่รักษาฝ้า อาจกลายเป็นฝ้าลึกที่รักษาได้ยาก
ฝ้าที่ไม่ได้รับการดูแลหรือควบคุมตั้งแต่เนิ่น ๆ ฝ้ามีโอกาสพัฒนาเป็นฝ้าลึก ซึ่งเป็นฝ้าที่เกิดขึ้นในชั้นผิวหนังแท้ (Dermal Melasma) ฝังแน่นลึกลงไปในโครงสร้างผิว ทำให้ยากต่อการเข้าถึงและรักษาฝ้า - หากไม่รักษาฝ้า เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา
ผิวที่มีฝ้ามักมีการทำงานของเม็ดสีผิดปกติ ซึ่งหากปล่อยฝ้าไว้ โดยไม่รักษาฝ้าอย่างเหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดปัญหาผิวพรรณตามมาอีกมากมายได้
การปล่อยให้ฝ้าทิ้งไว้โดยไม่รักษาฝ้า อาจสร้างผลกระทบยากต่อการรักษาและใช้ระยะเวลายาวนานกว่าที่คิดได้ ดังนั้นการเริ่มต้นรักษาฝ้าอย่างถูกวิธีตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพื่อป้องกันปัญหาฝ้าที่อาจลุกลามในอนาคต
ระดับความรุนแรงของฝ้า
ฝ้า (Melasma) มีลักษณะและความรุนแรงแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล การทราบถึงระดับความรุนแรงของฝ้าที่เป็นจะช่วยให้สามารถเลือกวิธีการรักษาฝ้าและการดูแลผิวได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยความรุนแรงของฝ้าสามารถแบ่งออกได้ 3 ระดับ ดังนี้
1. ฝ้าระดับตื้น (Epidermal Melasma)
ฝ้าระดับตื้นเกิดการสะสมเม็ดสีเมลานินในชั้นกำพร้าซึ่งเป็นผิวหนังชั้นบนสุด มีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลอ่อนที่ค่อนข้างชัดเจนและมีขอบเขตชัด โดยฝ้าตื้นมักตอบสนองต่อการรักษาฝ้าได้ดี ใช้ระยะเวลาการรักษาฝ้าไม่นาน
2. ฝ้าระดับลึก (Dermal Melasma)
ฝ้าระดับลึกจากเม็ดสีเมลานินฝังอยู่ในชั้นหนังแท้ ตอบสนองต่อการรักษายากกว่าฝ้าตื้น มีลักษณะเป็นสีเทา น้ำตาลเทา หรือสีน้ำตาลที่ไม่สม่ำเสมอ ขอบเขตไม่ชัดเจน ต้องใช้ระยะเวลาและวิธีการรักษาเฉพาะทาง อีกทั้งยังต้องดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
3. ฝ้าผสม (Mixed Melasma)
ฝ้าระดับผสมเป็นฝ้าที่พบได้บ่อยมากที่สุด โดยมีลักษณะเป็นฝ้าตื้นและฝ้าลึกรวมกัน ทำให้ผิวบริเวณที่เกิดฝ้าระดับผสมมีสีเข้มชัดและบางส่วนที่มีสีจางหรือขอบไม่ชัด การรักษาฝ้าผสมต้องอาศัยแพทย์ เพื่อเลือกแนวทางการรักษาฝ้าที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลและไม่เป็นอันตราย ทั้งนี้การรักษาฝ้าผสมอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน
การเข้าใจระดับความรุนแรงของฝ้า เป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนการรักษาฝ้าที่มีประสิทธิภาพ หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รู้ระดับของรุนแรงของฝ้าที่แท้จริงของคุณและได้รับการวางแผนการรักษาฝ้าที่เหมาะสม
การดูแลตัวเองขณะรักษาฝ้า
การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมระหว่างการรักษาฝ้า เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การรักษาฝ้ามีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้นและลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำในอนาคตได้ โดยการดูแลตัวเองในระหว่างการรักษาฝ้าสามารถทำได้ ดังนี้
- ระหว่างการรักษาฝ้า ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและรังสี UV และทาครีมกันแดดที่มี SPF 50+ และมี PA++++
- ระหว่างการรักษาฝ้า ควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- ระหว่างการรักษาฝ้า ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กระตุ้นการเกิดฝ้าเพิ่ม
- ระหว่างการรักษาฝ้า ควรดูแลสุขภาพจากภายใน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เนื่องจากสุขภาพผิวโดยรวมมีผลต่อการฟื้นฟูของผิว
- ระหว่างการรักษาฝ้า ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีระหว่างรักษาฝ้าและการปฏิบัติตามแนวทางที่เหมาะสมร่วมกับการรักษาจากแพทย์จะช่วยให้การรักษาเห็นผลเร็วขึ้น ช่วยให้ผิวแข็งแรงและลดโอกาสการเกิดฝ้าซ้ำในอนาคตได้
สรุป
โปรแกรมการรักษาฝ้าที่รมย์รวินท์คลินิกมีหลายโปรแกรมและครอบคลุมหลายวิธี จึงเหมาะกับการรักษาฝ้าทุกประเภทและทุกความรุนแรง การเลือกวิธีการรักษาฝ้าที่เหมาะสมกับประเภทของฝ้า สภาพของผิว และความรุนแรงจะช่วยให้การรักษาฝ้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อการรักษาฝ้าที่เหมาะสมควรปรึกษาแพทย์เพื่อช่วยประเมินและเลือกการรักษาที่เหมาะกับคุณ
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
อ่านเพิ่มเติม ที่ > https://www.romrawin.com/melasma-treatment-methods/
สิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกบัตรฯ
ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน* พร้อมลงทะเบียนรับเครดิตเงินคืนไม่จำกัดตลอดรายการ ณ สถาบันความงามที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
ยอดผ่อนชำระ / เซลส์สลิป | รับเครดิตเงินคืน |
---|---|
10,000 – 29,999 บาท | 220 บาท |
30,000 – 54,999 บาท | 800 บาท |
55,000 – 74,999 บาท | 1,600 บาท |
75,000 – 149,999 บาท | 2,200 บาท |
150,000 บาทขึ้นไป | 5,000 บาท |
*เงื่อนไขและระยะเวลาผ่อนชำระเป็นไปตามที่ผู้ให้บริการกำหนด
หมายเหตุ : อัตราดอกเบี้ย 0% เมื่อลูกค้าชำระเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนดชำระ
รู้ไว้ก่อนใช้จ่าย
- เงื่อนไขการใช้บริการหรือระยะเวลาผ่อนชำระ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างสมาชิกบัตรฯ และร้านค้า
- ยอดผ่อนชำระจะถูกกันวงเงินไว้เต็มจำนวน และจะคืนวงเงินเข้าไปในบัตรทุกเดือน เมื่อสมาชิกบัตรฯ ผ่อนชำระเป็นรายเดือนตามระยะเวลาที่กำหนด
- เพื่อสิทธิประโยชน์ของท่านสมาชิกบัตรฯ โปรดสอบถามพนักงานหน้าร้าน และลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ก่อนทำรายการ
- รายการผ่อนชำระไม่สามารถยกเลิกหรือคืนเงินได้ หากร้านค้าไม่ยินยอมหรือปิดกิจการ
วิธีลงทะเบียนรับเครดิตเงินคืน
ส่งข้อความ SMS พิมพ์ BTF เว้นวรรคตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 16 หลัก ส่งมาที่ 0613845000 (ค่าบริการ SMS ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการเครือข่าย) หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ktc.co.th/beauty โดยท่านจะต้องได้รับข้อความตอบกลับยืนยันการลงทะเบียนสำเร็จ จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมรายการ (ลงทะเบียนภายในวันที่มียอดใช้จ่าย ครั้งเดียว ต่อ 1 หมายเลขบัตร สามารถเข้าร่วมได้ตลอดรายการ)
1 มิ.ย. 68 – 30 ก.ย. 68
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC
.