การเสริมจมูก เป็นหนึ่งในศัลยกรรมความงามยอดนิยมที่สามารถเปลี่ยนแปลงใบหน้าได้อย่างชัดเจน แต่การตัดสินใจทำก็เป็นเรื่องที่ต้องศึกษา พิจารณาข้อมูลให้รอบด้าน เพราะการเสริมจมูกไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำให้จมูกโด่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับรูปทรง แก้ไขความไม่สมมาตร หรือแม้แต่การแก้ไขปัญหาการหายใจอีกด้วย ฉะนั้น ความซับซ้อนของการทำศัลยกรรมนี้ จึงทำให้มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ตั้งแต่การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ไปจนถึงการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด วันนี้ KTC จึงขอพาผู้ที่สนใจในการเสริมจมูก ไปสำรวจทุกขั้นตอน ทั้งในเรื่องของการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด วัสดุของการเสริมจมูก ไปจนถึงการดูแลหลังผ่าตัด รวมถึงคำถามที่พบบ่อยอื่นๆ ในการเสริมจมูกกัน
การเสริมจมูก คืออะไร
การทำศัลยกรรมจมูก คือการผ่าตัดแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนรูปทรงและขนาดของจมูก ให้มีสัดส่วนที่ดูดีและเหมาะกับรูปหน้ามากขึ้น โดยการเสริมจมูกนั้น ถือเป็นหนึ่งในศัลยกรรมความงามยอดนิยม เพราะสามารถเปลี่ยนแปลงใบหน้าได้อย่างชัดเจน ด้วยเป็นการปรับโครงสร้างกระดูกหรือกระดูกอ่อนภายในจมูกที่เป็นศูนย์กลางของใบหน้า และเสริมด้วยวัสดุต่างๆ เข้าไป อาทิ ซิลิโคน หรือกระดูกอ่อน
การเสริมจมูกส่วนใหญ่คือการเสริมความสวยงามให้กับหน้า ทำให้มีมิติ และช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ อีกทั้งยังสามารถแก้ไขความบกพร่อง และความพิการของจมูกที่เกิดจากการผิดปกติแต่กำเนิด หรืออุบัติเหตุต่างๆ ได้อีกด้วย ทั้งนี้ ผู้ที่เข้ารับการเสริมจมูกจำเป็นต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นผลเสียต่อการผ่าตัด อย่างโรคหัวใจ ภาวะความดันโลหิตสูง หรือโรคเบาหวาน นอกจากนี้ หากวัตถุประสงค์การเสริมจมูกของคุณคือเพื่อความงาม ตามคำแนะนำของแพทย์ สามารถเสริมได้เมื่อจมูกอยู่ในช่วงที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว คือในช่วงอายุ 18-20 ปีขึ้นไป จึงจะเหมาะสมที่สุด
เสริมจมูกมีกี่แบบ เลือกอย่างไร
การเสริมจมูกหรือการทำศัลยกรรมจมูกนั้นแบ่งออกได้เป็น 3 แบบหลักๆ คือ การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) การเสริมจมูกแบบ Semi-open (Semi-open Rhinoplasty) และการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) โดยมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
1. การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
การผ่าตัดแก้ไขรูปทรงจมูก โดยการเปิดฐานจมูกเพื่อเข้าไปปรับโครงสร้างของจมูกโดยตรง เช่น การเย็บตกแต่งกระดูกอ่อน, การยืดผนังแกนกลาง, การแก้ไขผนังจมูกคด, กระดูกอ่อนแกนกลางคด หรือการแก้ไขปลายจมูกที่ผิดรูป ซึ่งเทคนิคนี้ จะทำให้มีแผลด้านนอกอยู่บริเวณตรงกลางของจมูกด้านล่าง ระหว่างรูจมูกพอดี แต่จะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ดูสมส่วนกับรูปหน้า
การทำจมูกแบบเปิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาจมูกอย่างมาก เช่น มีฐานจมูกใหญ่ จมูกกว้าง ฮัมพ์สูง ปลายจมูกโต ปลายจมูกงุ้ม โครงสร้างสันจมูกนูนสูง หรือต้องการเปลี่ยนรูปทรงของจมูกไปเป็นแบบหยดน้ำ และยังเป็นวิธีสำหรับการแก้จมูกอีกด้วย
2. การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบปิด คือการผ่าตัดด้วยวิธีกรีดผ่านด้านในของจมูกที่รูจมูกเพียงข้างเดียว โดยการลอกเยื่อบุด้านในโพรงจมูกให้หลุดออกจากกระดูกและกระดูกอ่อน ก่อนทำการเสริมวัสดุต่างๆ เพื่อปรับแต่งให้ได้รูปทรงตามต้องการ แล้วถึงเย็บปิด ทำให้การเสริมจมูกแบบปิด จะไม่แผลให้เห็นที่ภายนอกจมูก
การเสริมจมูกแบบปิดนี้เหมาะกับคนที่เกิดมามีโครงสร้างจมูกดี ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรากฐานจมูกมากนัก อาทิ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาจมูกไม่มาก อยากเพิ่มความสูงสันจมูกให้ดูโด่งขึ้น ยกปลายจมูกเล็กน้อย โดยไม่ต้องแก้ไขโครงสร้างของจมูก
3. การเสริมจมูกแบบ Semi-open (Semi-open Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบ Semi-open เป็นวิธีเสริมจมูกแบบเปิดแผลที่รูจมูกทั้งสองข้าง จากนั้นจึงค่อยๆ เสริมซิลิโคนจมูกหรือวัสดุอื่นๆ เข้าไปตามเหมือนกับเทคนิคการเสริมจมูกแบบปิด แต่วิธีนี้จะช่วยลดแรงตึงที่เกิดขึ้นในจมูกได้ดี แถมช่วยให้เห็นโครงสร้างจมูกได้มากกว่าเทคนิคการเสริมจมูกแบบปิด ทำให้คุณหมอสามารถวางซิลิโคนในจมูกได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ลดความเสี่ยงที่จะวางซิลิโคนเบี้ยวเอียง รวมถึงช่วยให้เนื้อเยื่อบาดเจ็บน้อยลงอีกด้วย
การเสริมจมูกแบบ Semi-open นี้จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาฐานจมูกเอียง จมูกฮัมพ์ใหญ่ ทำให้จมูกดูแล้วไม่เป็นทรง หรือมีปลายจมูกกว้างเกินมาตรฐาน รวมถึงคนที่มีจมูกงุ้มจากการแก้จมูกมาหลายครั้ง หรือจะเป็นการเสริมจมูกครั้งแรกก็ทำให้ออกมาสวยเด่นได้เช่นกัน โดยเฉพาะคนที่มีเนื้อจมูกน้อยและต้องการให้จมูกโด่งพุ่งมีความสโลปเป็นธรรมชาติ
สรุปข้อดี-ข้อจำกัดของการเสริมจมูกแบบต่างๆ
การเสริมจมูกช่วยเสริมความสวยงามให้กับหน้า ทำให้มีมิติ และช่วยเพิ่มความมั่นใจ
- |
ข้อดี |
ข้อจำกัด |
การเสริมจมูกแบบเปิด |
|
|
การเสริมจมูกแบบปิด |
|
|
การเสริมจมูกแบบ Semi-Open |
|
|
เสริมจมูกสามารถเลือกใช้วัสดุแบบไหนบ้าง
นอกจากเทคนิคในการเสริมจมูก สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก เพราะส่งผลต่อผลลัพธ์และความปลอดภัยของการผ่าตัด ซึ่งโดยทั่วไปวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกก็มีหลายประเภท ดังต่อไปนี้
- ซิลิโคน (Silicone Implants) ถือเป็นวัสดุยอดนิยมที่ใช้ในการเสริมจมูก ด้วยมีความยืดหยุ่น สามารถปรับรูปทรงให้เหมาะสมกับโครงสร้างจมูกของแต่ละบุคคลได้ และมีหลายระดับหลายประเภท ตามความนุ่มเพื่อให้เข้ากับลักษณะของจมูก
- กระดูกอ่อนตัวเอง (Autologous Cartilage) หมายถึง กระดูกอ่อนจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น กระดูกอ่อนจากหลังหูหรือซี่โครง โดยถูกนำมาใช้ในการเสริมจมูก เพื่อลดความเสี่ยงในการปฏิเสธวัสดุแปลกปลอมจากร่างกาย ซึ่งแน่นอนว่ากระดูกอ่อนนี้มีความเป็นธรรมชาติมากกว่าวัสดุสังเคราะห์ และลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาในระยะยาว แต่การใช้กระดูกอ่อนจากตัวเอง ก็ย่อมมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าและกระบวนการซับซ้อนกว่าเช่นกัน
- เนื้อเยื่อเทียม (Artificial Tissue) เนื้อเยื่อเทียมใช้รองปลายจมูก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเสริมจมูก โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการป้องกันการทะลุของซิลิโคนหรือเพื่อเพิ่มความนุ่มนวลที่ปลายจมูก เนื้อเยื่อเทียมในปัจจุบันนี้ถูกออกแบบมาให้เลียนแบบคุณสมบัติของเนื้อเยื่อธรรมชาติในร่างกาย ทำให้ช่วยลดแรงกดทับจากซิลิโคนที่อาจเกิดขึ้นบริเวณปลายจมูกได้
วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก มีทั้งซิลิโคน กระดูกอ่อนตัวเอง เนื้อเยื่อเทียม
ก่อนเสริมจมูกต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
เมื่อคุณได้ตัดสินใจที่จะทำการเสริมจมูกแล้ว ไม่ว่าจะเลือกวัสดุและการเสริมจมูกด้วยวิธีแบบใด ก่อนและหลังของการผ่าตัดก็ควรดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงและที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด ดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด เช่น โรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ ปัญหาเกี่ยวกับฟัน การแพ้อาหาร กรณีมีอาการเลือดออกง่าย หรืออาการแพ้ยา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนโดยละเอียด
- งดการใช้ยาสมุนไพร ยาบำรุง และวิตามินอาหารเสริมทุกชนิดก่อนการผ่าตัด อย่างน้อย 7 วัน
- งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันภาวะเนื้อเยื่อขาดเลือดมาเลี้ยง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- งดรับประทานทานอาหารหมักดองและอาหารทะเล เพราะจะส่งผลต่อการอักเสบของแผล
- งดแต่งหน้า งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกาย และควรสระผมก่อนให้เรียบร้อยก่อนผ่าตัด
- งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
วันเสริมจมูก ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
ด้วยการเสริมจมูก ถือเป็นการเข้ารับการผ่าตัดอย่างหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อถึงวันที่ต้องเสริมจมูกก็มีวิธีการเตรียมตัวให้ดีเช่นกัน
- งดอาหารและน้ำ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอันตรายจากการอาเจียนและสำลักเศษอาหารเข้าหลอดลม หรือปอด
- ควรดูแลตัวเองให้ดี เพราะถ้าหากมีอาการเจ็บป่วย มีอาการไข้ขึ้น เป็นหวัด น้ำมูกไหล ไอ จาม จะไม่สามาถทำการศัลยกรรมได้
- ดูแลสภาพจิตใจ ไม่มีความกังวล ที่เกี่ยวกับอารมณ์
- งดแต่งหน้า โดยการล้างหน้า ทำความสะอาดร่างกายให้พร้อม
- วางแผนการเดินทางในการไป - กลับ ไม่ควรขับรถมาเอง ควรมีผู้ติดตามเพื่อมาดูแลหลังการเสริมจมูก
การดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก มีวิธีอย่างไรบ้าง
หลังจากเสริมจมูกเสร็จ แน่นอนว่าแพทย์และพยาบาลจะแจ้งวิธีการดูแลตัวเองให้แก่คุณ ทั้งนี้ การดูแลตัวเองและข้อควรระวังเบื้องต้นหลังจากเสริมจมูก มีดังต่อไปนี้
1.ช่วงหลังเสริมจมูกเสร็จ
- ไม่สัมผัสจมูกบ่อย โดยเฉพาะการแคะ แกะ เกา เพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จมูกจะเสียรูปทรงและติดเชื้อได้
- 3-4 วันหลังจากเสริมจมูก หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลผ่าตัดโดนน้ำ เพราะน้ำจะทำให้แผลติดเชื้อ และเกิดอาการอักเสบ
- กรณีที่ต้องการทำความสะอาดใบหน้า ควรใช้วิธีการเช็ดทำความสะอาดแทน โดยใช้แผ่นเช็ดทำความสะอาด หรือแผ่นสำลีชุบน้ำเกลือ
- 72 ชั่วโมงแรก ควรประคบเย็นบริเวณใบหน้า โดยเว้นแผลที่เพิ่งผ่าตัดมาเอาไว้ เพื่อลดบวมและห้ามเลือดให้หยุดไหล
- นอนหมอนสูง โดยให้ศีรษะอยู่สูงกว่าลำตัว และห้ามนอนตะแคง เพื่อป้องกันอาการเลือดคั่งในจมูกและจมูกเสียทรง
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องก้มหรือยกของหนัก เพราะอาจทำให้กระทบกระเทือนแผลผ่าตัดได้
- เลือกรับประทานอาหารที่ช่วยซ่อมแซมร่างกายให้หายเป็นปกติได้เร็วขึ้น เช่น ฟักทอง น้ำมะพร้าว โปรตีนต่างๆ
2.ช่วงหลังการตัดไหม
- หลังทำจมูก 14 วัน เมื่อตัดไหมออกแล้ว ควรทำความสะอาดแผลด้วยสำลีก้านชุบน้ำเกลือเช็ดบริเวณแผลอย่างเบามือ
- ควรดูแลตัวเองไม่ให้เป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล เพราะอาจส่งผลต่อแผลผ่าตัด เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
3.หลังทำจมูก 1 เดือน
- เป็นช่วงที่แผลเริ่มหายแล้ว การดูแลตัวเองในช่วงนี้ก็เป็นการดูแล และระมัดระวังไม่ให้จมูกเกิดการกระทบกระเทือน
- หมั่นทายา และเข้าพบแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อความต่อเนื่องของการรักษา
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง อาหารรสเผ็ด รวมถึงหยุดสูบบุหรี่ในช่วง 1 เดือน หลังการเสริมจมูก เพราะจะทำให้แผลอักเสบและฟื้นตัวได้ช้า
นอกจากสิ่งที่ควรจะต้องดูแลตัวเองแล้ว การบริการหลังการเสริมจมูก ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ฟื้นตัวได้ดีและลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน ฉะนั้น การเลือกคลินิกที่ให้คำแนะนำและให้การดูแลที่ครบถ้วนหลังการผ่าตัด เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไปจนถึงการติดตามผลหลังการผ่าตัด ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนการเสริมจมูกเช่นกัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเสริมจมูก (FAQ)
- เสริมจมูกกี่วันนอนตะแคงได้? นอนหันข้าง แล้วจมูกเอียงจริงหรือไม่?
ในช่วงหลังการผ่าตัด ควรนอนหงาย และใช้หมอนสูง การนอนตะแคงอาจทำให้เกิดการอักเสบและบวมช้ำเพิ่มขึ้นได้ ฉะนั้น ผู้ที่เสริมจมูกสามารถกลับมานอนในแนวราบแบบปกติ หลังจากที่อาการบวมที่จมูกลดลง โดยกระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน แต่ทั้งนี้ในบางกรณีอาจใช้เวลาถึง 1 เดือน ขึ้นอยู่กับอาการบวมของแต่ละคน
ทั้งนี้ การนอนตะแคงในช่วงหลังผ่าตัดเสริมจมูก จะทำให้จมูกบาดเจ็บและเสียรูปทรงได้จริง เพราะการนอนตะแคงหลังผ่าตัด อาจทำให้น้ำหนักของฐานจมูกเสียสมดุลและเท กดจมูกด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไปได้นั่นเอง
- เสริมจมูก บวมกี่วัน?
หลังเสริมจมูกแล้ว ส่วนใหญ่จะยุบบวมและเข้าที่ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งใน 1 สัปดาห์จะยุบบวมประมาณ 60% ตามลำดับ และมักจะเข้าที่ใน 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละคน
- เสริมจมูกกินอะไรได้บ้าง?
ควรดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ เพื่อให้เซลล์ในร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ รวมไปถึงโปรตีนอย่างเนื้อสัตว์ต่างๆ เพื่อช่วยซ่อมแซมร่างกาย ผักผลไม้ที่มีวิตามินซี เช่น ข้าวโพด ฝรั่ง ส้ม สตรอว์เบอร์รี และผักใบเขียว ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารรสเผ็ด อาหารรสจัดอาหารที่มีรสเค็ม โซเดียมสูง ที่ทำให้บวมน้ำ จมูกยุบบวมช้า
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://vincent.clinic/th/article/detail/74
https://vincent.clinic/th/article/detail/42
การเสริมจมูกเป็นเรื่องที่ควรต้องศึกษาให้ดี แต่ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ในปัจจุบัน บวกกับการเตรียมตัวที่ดี บอกเลยว่าคุณก็สามารถก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ได้อย่างมั่นใจ และนอกเหนือจากการเตรียมตัวทั้งการศึกษาหาข้อมูล การดูแลทั้งกายใจแล้วนั้น ก็อย่าลืมให้บัตรเครดิต KTC เตรียมความพร้อมในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเสริมจมูกกับโปรโมชั่นผ่อน 0% และการรับเครดิตเงินคืนที่คลินิกเสริมความชั้นนำ
พิเศษ ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนไม่จำกัด ณ VINCENT CLINIC
สิทธิประโยชน์ที่ 1:
รับส่วนลด 5% สำหรับทุกหัตถการ ไม่มีขั้นต่ำ
เงื่อนไขการเข้ารับบริการ
- สมาชิกบัตรฯ ต้องแสดงบัตรเครดิต KTC เพื่อยืนยันการใช้สิทธิ์แก่เจ้าหน้าที่
- สมาชิกบัตรฯ ต้องชำระสินค้า/บริการผ่านบัตรเคทีซีเท่านั้น
- สำรองคิวล่วงหน้าได้ที่ Line ID : @vincentclinic หรือโทร. 087 646 8888
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ร้านค้ากำหนด
1 ต.ค. 67 - 31 ม.ค. 68
สิทธิประโยชน์ที่ 2:
ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน* พร้อมลงทะเบียนรับเครดิตเงินคืนไม่จำกัดตลอดรายการ
ยอดผ่อนชำระ / เซลส์สลิป | รับเครดิตเงินคืน |
---|---|
10,000 – 29,999 บาท | 220 บาท |
30,000 – 54,999 บาท | 800 บาท |
55,000 – 79,999 บาท | 1,600 บาท |
80,000 – 149,999 บาท | 2,400 บาท |
150,000 บาทขึ้นไป | 5,200 บาท |
*เงื่อนไขและระยะเวลาผ่อนชำระเป็นไปตามที่ผู้ให้บริการกำหนด
หมายเหตุ : อัตราดอกเบี้ย 0% เมื่อลูกค้าชำระเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนดชำระ
รู้ไว้ก่อนใช้จ่าย
• เงื่อนไขการใช้บริการหรือระยะเวลาผ่อนชำระ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างสมาชิกบัตรฯ และร้านค้า
• ยอดผ่อนชำระจะถูกกันวงเงินไว้เต็มจำนวน และจะคืนวงเงินเข้าไปในบัตรทุกเดือน เมื่อสมาชิกบัตรฯ ผ่อนชำระเป็นรายเดือนตามระยะเวลาที่กำหนด
• เพื่อสิทธิประโยชน์ของท่านสมาชิกบัตรฯ โปรดสอบถามพนักงานหน้าร้าน และลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิก่อนทำรายการ
• รายการผ่อนชำระไม่สามารถยกเลิกหรือคืนเงินได้ หากร้านค้าไม่ยินยอมหรือปิดกิจการ
วิธีลงทะเบียนรับเครดิตเงินคืน:
ส่งข้อความ SMS พิมพ์ BTF เว้นวรรคตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 16 หลัก ส่งมาที่ 0613845000 (ค่าส่งข้อความขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ) หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ktc.co.th/beauty โดยท่านจะต้องได้รับข้อความตอบกลับยืนยันการลงทะเบียนสำเร็จ จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมรายการ (ลงทะเบียนภายในวันที่มียอดใช้จ่าย ครั้งเดียว ต่อ 1 หมายเลขบัตร สามารถเข้าร่วมได้ตลอดรายการ)
1 ต.ค. 67 - 31 ม.ค. 68
สนใจโปรโมชั่นดีๆ แบบนี้ กดสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC