เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเราต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าตามมา
สารพัด ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ รวมถึงคอลลาเจนที่เริ่มค่อย ๆ หายไปตามกาลเวลา จนทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจน ขาดความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่น ปัจจุบันมีหัตถการงานผิวใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งเทรนด์งานผิวสุขภาพดีและกระตุ้นคอลลาเจนที่กำลังมาแรงในตอนนี้ คงต้องยกให้การฉีด “Radiesse” ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า Radiesse คืออะไร? เหมาะกับใคร? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง? วันนี้ รมย์รวินท์คลินิก รวบรวมข้อมูลและตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ Radiesse มาให้ในบทความเดียว
Radiesse Filler ขั้นสุดของการกระตุ้นคอลลาเจน รันวงการงานผิว
Radiesse Filler คืออะไร?
Radiesse หรือ เรเดียสซ์ นวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูสุขภาพผิวแบบองค์รวม (Regenerative Biostimulator) ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท Merz Aesthetics จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ แต่ไม่ได้ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เหมือนฟิลเลอร์ โดย Radiesse Filler จะผลิตจาก CaHA (Calcium Hydroxylapatite) เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในร่างกายของเรา พบได้ในเนื้อเยื่อกระดูกและฟัน จึงสามารถเข้ากับร่างกายได้เป็นอย่างดี มีลักษณะเป็นวงกลม อนุภาคสม่ำเสมอ ขนาด 24 – 25 ไมครอน มีคุณสมบัติในการเข้าไปฟื้นฟูและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) เซลล์ต้นกำเนิดในการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน เป็นหนึ่งในโครงสร้างชั้นผิวที่สำคัญ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น อิ่มฟู ชุ่มชื้น และแข็งแรงมากขึ้น
Radiesse Filler มีกลไกการทำงานอย่างไร?
กลไกการทำงานของ Radiesse Filler เมื่อฉีด Radiesse Filler เข้าสู่ผิวหนัง อนุภาคของ CaHA ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของ Radiesse Filler จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ให้มีจำนวนมากขึ้น เมื่อเซลล์ไฟโบรบลาสต์ได้รับการกระตุ้น ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวขึ้นมาใหม่ ทดแทนคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพไปตามอายุ ส่งผลให้โครงสร้างผิวแข็งแรง คืนความยืดหยุ่น ให้ผิวดูอิ่มน้ำ และเต่งตึงมากขึ้น
Radiesse Filler มีจุดเด่นอย่างไร?
Radiesse Filler สามารถให้ผลลัพธ์ในระยะยาว โดยการเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยตาข่ายตรึงผิวใหม่ได้ถึง 5 ประการ ได้แก่
- Radiesse Filler ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 (Collagen Type I) เพิ่มขึ้น 150% เป็นโครงสร้างสำคัญของผิว ทำให้ผิวมีความแข็งแรงและกระชับ
- Radiesse Filler กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 3 (Collagen Type III) เพิ่มขึ้น 130% เป็นคอลลาเจนที่พบมากในผิวหนังของเด็ก ทำให้ผิวเต่งตึง มีความยืดหยุ่น
- Radiesse Filler ช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสติน (Elastin) เพิ่มขึ้น 260% ทำให้ผิวเด้งและมีความยืดหยุ่น
- Radiesse Filler ช่วยเพิ่มปริมาณโปรติโอไกลแคน (Proteoglycan) สารสำคัญที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และป้องกันริ้วรอย
- Radiesse Filler ช่วยกระตุ้นแอนจิโอเจเนซิส (Angiogenesis) กระบวนการสร้างหลอดเลือดใหม่ ทำให้ผิวได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเพียงพอ ส่งผลให้ผิวอมชมพู ดูสุขภาพดี มีเลือดฝาด
นอกจากนี้ Radiesse Filler ยังมอบ 3 ผลลัพธ์ที่เหนือกว่า สามารถพิสูจน์ได้ เห็นผลทันทีและให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ได้แก่
- Longer ยืดอายุผิวสุขภาพดีให้อยู่ยาวนานขึ้น
- Healthier ผิวเฟิร์มกระชับ เด้ง เต่งตึง ดูอิ่มฟู
- Younger ริ้วรอยลดลง ใบหน้ายกกระชับ ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเห็นได้ชัด
Radiesse Filler มีกี่รุ่น?
Radiesse Filler มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ Radiesse Filler และ Radiesse Plus ซึ่งทั้ง 2 รุ่น มีคุณสมบัติและส่วนประกอบในการกระตุ้นคอลลาเจนที่เหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงที่ Radiesse Filler จะไม่มีส่วนผสมของยาชา ส่วน Radiesse Plus จะมีส่วนผสมของยาชา จึงสามารถลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีดได้
Radiesse Filler สามารถฉีดได้กี่แบบ?
- Non-diluted เป็นการฉีด Radiesse แบบไม่ผสมน้ำเกลือ ซึ่งจะให้ผลลัพธ์คล้ายกับการฉีดฟิลเลอร์ สามารถใช้แทนฟิลเลอร์เนื้อแข็งได้ โดยใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าเป็นหลัก ไม่ใช่การฉีดเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน เน้นสร้างมิติ สร้างความคมชัดให้ใบหน้าในบริเวณต่าง ๆ เช่น กรอบหน้า
- Diluted และ Hyper Diluted เป็นการฉีดแบบผสม Radiesse ปริมาณ 1.5 CC ร่วมกับน้ำเกลือและยาชา โดยฉีดเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณพื้นที่กว้างเป็นหลัก ไม่ได้เน้นการเติมเต็มริ้วรอยหรือร่องลึก ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา เพื่อเลือกอัตราส่วนในการผสมส่วนประกอบต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
Radiesse Filler ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
การฉีด Radiesse Filler สามารถแก้ไขปัญหาผิวในบริเวณที่มีริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ และบริเวณที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
- ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
- หน้าแก้ม
- กรอบหน้า
- ขมับ
- ลำคอ
- หลังมือ
- เนินอก
ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ฉีด Radiesse Filler ในบริเวณรอบดวงตา จมูก ระหว่างคิ้ว และปาก ซึ่งก่อนการตัดสินใจฉีด Radiesse Filler กระตุ้นคอลลาเจน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อเลือกปริมาณ Radiesse ให้เหมาะสมกับแต่ละจุดที่กังวลมากที่สุด
Radiesse Filler ช่วยเรื่องอะไร?
- Radiesse ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึก เพิ่มวอลุ่มให้ผิว ไม่ว่าจะเป็นร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือรอยย่นต่าง ๆ ให้ดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอิ่มฟู
- Radiesse ช่วยปรับโครงสร้างผิว ปรับปรุงคุณภาพผิวให้แข็งแรง มีความแน่น กระชับ
- Radiesse ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน ให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเพิ่มวอลุ่มให้ผิว
- Radiesse ช่วยคืนความชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวฉ่ำวาว อิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี
- Radiesse ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ ในอนาคตได้
- Radiesse ช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง
- Radiesse ช่วยปรับกรอบหน้า ยกกระชับผิว ทำให้กรอบหน้าคมชัด ดูมีมิติ
- Radiesse ช่วยให้ผิวสุขภาพดี อมชมพู มีเลือดฝาด
Radiesse Filler เหมาะกับใคร?
- Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
- Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหน้าไม่ยืดหยุ่น ไม่แข็งแรง สูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน
- Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ กรอบหน้าไม่ชัด
- Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง
- Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ริ้วรอยเริ่มเกิดขึ้นตามวัย ต้องการเพิ่มคอลลาเจนให้ผิว
- Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น บริเวณหลังมือและลำคอ
Radiesse Filler ไม่เหมาะกับใคร?
- Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชาหรือแพ้สารที่เป็นส่วนประกอบของ Radiesse
- Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีแผลเปิดในบริเวณที่ต้องการฉีด
- Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีเลือดออกง่าย มีภาวะเลือดออกผิดปกติ
- Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์สูง
- Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีประวัติการแพ้อย่างรุนแรงหรือเกิดภาวะช็อกจากอาการแพ้
Radiesse Filler มีข้อดีอย่างไร?
- Radiesse มีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก CaHA เป็นสารที่เข้าได้ดีกับร่างกาย จึงลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
- Radiesse ได้รับการรองรับมาตรฐานระดับสากล อย. อเมริกา (US FDA), อย. ยุโรป (EU FDA) และ อย. ไทย (TH FDA)
- Radiesse ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน ไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ หลังฉีด Radiesse สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี
- Radiesse ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีด Radiesse เสร็จ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- Radiesse ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ
วิธีการเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse Filler
- ก่อนฉีด Radiesse แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับ Radiesse เบื้องต้นว่า มีจุดเด่นอย่างไร? เหมาะกับใคร? สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
- ก่อนฉีด Radiesse แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์สภาพผิวอย่างตรงจุด
- ก่อนฉีด Radiesse ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และยาที่กำลังรับประทานให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
- ก่อนฉีด Radiesse งดรับประทานยา วิตามิน หรืออาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- ก่อนฉีด Radiesse งดดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ก่อนทำการฉีด 1 – 2 วัน
ขั้นตอนในการฉีด Radiesse Filler
- ก่อนเริ่มฉีด Radiesse เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน แพทย์จะตรวจประเมินสภาพผิวหน้าและปัญหาที่ต้องการแก้ไขอย่างละเอียด เพื่อวางแผนในการฉีด Radiesse อย่างเหมาะสม
- เนื่องจาก Radiesse ไม่มีส่วนผสมของยาชา ดังนั้น สำหรับผู้ที่กลัวเจ็บ สามารถทายาชาในบริเวณที่ต้องการฉีดได้ เพื่อลดความเจ็บระหว่างทำ โดยรอเวลาประมาณ 30 – 40 นาที
- แพทย์จะทำการฉีด Radiesse เข้าสู่ใต้ชั้นผิว ซึ่งใช้เวลาไม่นาน
- เมื่อฉีด Radiesse เสร็จ แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด เพื่อลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีด Radiesse Filler
- หลังฉีด Radiesse หลีกเลี่ยงการสัมผัส จับ ลูบ แตะ บริเวณที่ฉีด รวมถึง การนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด
- หลังฉีด Radiesse สามารถประคบเย็นบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวม แดง ช้ำได้
- หลังฉีด Radiesse งดแต่งหน้า อย่างน้อย 12 ชั่วโมง หรือจนกว่ารอยเข็มจะหาย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หลังฉีด Radiesse งดทำหัตถการที่ใช้ความร้อนสูง เช่น เลเซอร์ รวมถึงงดซาวน่า อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หลังฉีด Radiesse ดื่มน้ำให้มาก ๆ จะทำให้ผิวฟูและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- หลังฉีด Radiesse หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแดดหรือเจอแสงแดดจัด
- หลังฉีด Radiesse หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก ให้เปลี่ยนเป็นออกกำลังกายเบา ๆ แทน
ผลข้างเคียงหลังฉีด Radiesse Filler
หลังจากการฉีด Radiesse Filler เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและสามารถหายไปได้เองภายในไม่กี่วัน ได้แก่
- รอยแดง ปวด บวมช้ำ เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ โดยอาการเหล่านี้ มักจะหายไปเองภายใน 1 - 3 วัน
- อาการคัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในบริเวณที่ฉีด แต่ก็สามารถหายไปได้เอง
- รู้สึกตึงหรือแข็ง อาจรู้สึกตึงหรือแข็งบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก ๆ
ทั้งนี้ แม้ว่าอาการส่วนใหญ่จะหายไปได้เอง แต่หากพบว่า มีอาการผิดปกติที่รุนแรงขึ้นหลังฉีด Radiesse Filler เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันที
เทียบให้ชัด ฉีด Radiesse กระตุ้นคอลลาเจนกับหัตถการอื่น ๆ
- Radiesse
Radiesse จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มเหมือนกับฟิลเลอร์ แต่ Radiesse มีส่วนประกอบหลัก คือ CaHA ซึ่งเป็นสารที่พบในกระดูกและฟันของเรา จึงมีความปลอดภัยสูง มีจุดเด่นในการกระตุ้นคอลลาเจนและสร้างเส้นใยตาข่ายตรึงผิวใหม่ ถึง 5 ประการ คือ คอลลาเจน Type 1, คอลลาเจน Type 3, Elastin, Angiogenesis และ Proteoglycan ซึ่งจะช่วยลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย คืนความชุ่มชื้นและความอ่อนเยาว์ให้แก่ผิว โดยหลังฉีด Radiesse สามารถเห็นผลได้ทันที จะเห็นผลชัดเจนขึ้นใน 1 เดือนแรก เห็นผลเต็มที่ใน 3 – 6 เดือน ผลลัพธ์คงอยู่นานถึง 2 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ผิวหน้าขาดความยืดหยุ่น สูญเสียคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และมีริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ รวมถึงต้องการเพิ่มวอลุ่มให้แก่ผิว
- Sculptra
Sculptra เป็น Regenerative Biostimulator เหมือนกับ Radiesse มีส่วนประกอบหลัก คือ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน Type 1 ตามกระบวนการธรรมชาติถึง 66.5% ทำให้ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟู และเต่งตึง ดูสุขภาพดี โดยหลังจากฉีด Sculptra ประมาณ 5 วัน PLLA จะเริ่มออกฤทธิ์ในการผลิตคอลลาเจน ซึ่งต้องรอประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ จึงเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลง และจะเห็นขึ้นเรื่อย ๆ หลังฉีดไปแล้ว 3 เดือน ผลลัพธ์คงอยู่นานถึง 2 ปี เช่นเดียวกับ Radiesse เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ให้มีความแข็งแรง แก้ไขปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
- Belotero Revive
Belotero Revive ฟิลเลอร์งานผิว Skin Booster มีส่วนประกอบหลักของไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) และ กลีเซอรอล (Glycerol) มีคุณสมบัติในการปรับปรุงคุณภาพผิว ล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวฉ่ำวาว อิ่มน้ำ กระตุ้นคอลลาเจนจากภายใน เน้นฉีดกระจายบริเวณหน้าแก้ม หลังฉีดสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที และผิวจะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2 – 4 สัปดาห์ แนะนำให้ฉีด 2 – 3 ครั้ง เพื่อฟื้นฟูสภาพผิวอย่างล้ำลึก ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 9 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น มีริ้วรอยร่องตื้นต่าง ๆ
- Gouri
Gouri คือ Regenerative Biostimulator เหมือนกับ Radiesse เป็นไหมน้ำมีความเข้มข้นสูงถึง 21% มีส่วนประกอบหลักของ Polycaprolactone (PCL) ที่มาในรูปแบบของเหลว มีจุดเด่นในการกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผิวแน่นกระชับและดูอ่อนเยาว์ ซึ่ง Gouri สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีการตกค้างในร่างกาย หลังฉีดครั้งแรกสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ใน 1 – 2 สัปดาห์ แต่แนะนำให้ฉีดอย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลชัดเจนขึ้น ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 6 – 12 เดือน จากนั้นจะค่อย ๆ สลายไปเอง เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ขาดคอลลาเจน และไม่มีเวลาดูแลผิวหน้า
- Ultracol
Ultracol คือ Regenerative Biostimulator เหมือนกับ Radiesse เป็นไหมน้ำที่มีส่วนประกอบหลักของ Polydioxanone (PDO) มีจุดเด่นในการกระตุ้นคอลลาเจน Type 1 และ Type 3 รวมถึงลดเลือนริ้วรอย สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย หลังฉีดครั้งแรก สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ใน 2 – 4 สัปดาห์ แต่แนะนำให้ฉีด Ultracol อย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น อยู่ได้ยาวนานมากขึ้น ซึ่งผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 6 – 8 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ผิวแห้ง รูขุมขนกว้าง ต้องการเติมเต็มคอลลาเจนให้แก่ผิว
- Rejuran
Rejuran หัตถการงานผิวที่จัดอยู่ในกลุ่มเมโสหน้าใส เน้นฉีดสะกิดผิวชั้นตื้น มีส่วนประกอบหลัก Polynucleotide (PN) สกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน ที่อยู่ในทะเลธรรมชาติ ซึ่งมีความคล้าย DNA ของมนุษย์ถึง 98% มีจุดเด่นในการฟื้นฟูผิว เพิ่มความชุ่มชื้น เติมเต็มคอลลาเจน และปรับผิวฉ่ำวาวแบบเร่งด่วน หลังฉีดครั้งแรกสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ ใน 3 – 5 วัน แต่แนะนำให้ฉีด Rejuran ติดต่อกัน 4 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น จะเห็นได้ว่า รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียน อิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี ซึ่งผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 6 – 8 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน แต่งหน้าไม่ติด ต้องการมีผิวสุขภาพดีและฉ่ำวาว
จะเห็นได้เลยว่า ในแต่ละหัตถการที่กล่าวไปข้างต้น มีความแตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน ซึ่ง Radiesse, Sculptra, Belotero Revive, Gouri, Ultracol และ Rejuran ล้วนเป็นตัวเลือกที่ดีที่ใช้ในการปรับปรุงคุณภาพผิวและกระตุ้นคอลลาเจน แต่มีความแตกต่างกันที่ส่วนประกอบหลักและกลไกการทำงานอย่างชัดเจน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์มากที่สุด
รวมทุกคำถามเกี่ยวกับ Radiesse Filler กระตุ้นคอลลาเจน
- Radiesse Filler อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์หลังฉีด Radiesse Filler เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน จะสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี ซึ่งในบางกรณีอาจอยู่ได้นานกว่าหรือน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด สภาพผิวของแต่ละบุคคล และความถี่ในการฉีด
- Radiesse Filler อันตรายไหม?
การฉีด Radiesse Filler เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน มีความปลอดภัยสูง จึงไม่ต้องกังวลว่า จะก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย เนื่องจากส่วนประกอบหลักของ Radiesse Filler คือ CaHA ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เช่น ในกระดูกและฟัน ทำให้สามารถเข้ากับร่างกายได้เป็นอย่างดีและเมื่อเวลาผ่านไป Radiesse จะค่อย ๆ สลายตัวไปตามธรรมชาติ นอกจากนี้ การฉีด Radiesse เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ยังผ่านการรับรองความปลอดภัยจากทั่วโลกอย่าง US FDA (อย. อเมริกา), EU FDA (อย. ยุโรป) และ TH FDA (อย. ไทย) อีกด้วย
- Radiesse Filler ฉีดกี่วันเห็นผล?
หลังฉีด Radiesse Filler เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ซึ่งจะค่อย ๆ เห็นผลดีขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 1 เดือน จะเห็นได้ว่า ผิวมีความกระชับ อิ่มฟู ริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น หลังจากนั้น 3 - 6 เดือน จะเห็นผลแบบเต็มที่ โดย Radiesse จะเริ่มกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวเกิดการเปลี่ยนแปลง ผิวดูแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี
- Radiesse Filler ควรฉีดกี่ครั้ง?
หากต้องการให้ผลลัพธ์หลังฉีด Radiesse Filler เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน อยู่ได้นานและเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้เต็มที่ แนะนำให้ฉีด Radiesse Filler ติดต่อกัน 1 – 3 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำจำนวนครั้งที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
- Radiesse Filler 1 กล่อง มีกี่ CC?
ตัวยาของ Radiesse Filler จะถูกบรรจุมาในรูปแบบของไซริงค์ (Syringe) ซึ่งมีลักษณะเป็นเนื้อเจล ปริมาณ 1.5 CC ต่อ 1 ไซริงค์ และ ต่อ 1 กล่อง โดย Radiesse Filler จะมีอายุในการเก็บรักษาถึง 2 ปี สามารถเก็บรักษาได้ในอุณหภูมิอยู่ที่ 15 – 25 องศา - Radiesse Filler สามารถทำร่วมกับเครื่องยกกระชับได้ไหม?
การฉีด Radiesse Filler เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน สามารถทำควบคู่กับเครื่องยกกระชับได้ ไม่ว่าจะเป็น Ulthera, Oligio หรือแม้แต่ Thermage แต่เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ แนะนำให้ทำเครื่องยกกระชับก่อน แล้วค่อยฉีด Radiesse Filler ตาม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์
ทำไมต้องฉีด Radiesse Filler กระตุ้นคอลลาเจน ที่ Romrawin Clinic
- ดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ผ่านการเทรนด์จากบริษัทนำเข้า Merz Aesthetic Thailand มาโดยเฉพาะ ทำให้มีความเชี่ยวชาญและแม่นยำ รู้เทคนิคในการฉีด Radiesse Filler และผสมยาอย่างถูกต้อง
- แก้ไขปัญหาผิวอย่างตรงจุด มีการวิเคราะห์และประเมินผิวหน้าอย่างละเอียดก่อนฉีด Radiesse Filler โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกเคส เพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
- ใช้ผลิตภัณฑ์ Radiesse ของแท้ สามารถตรวจสอบได้ ผ่านการรองรับคุณภาพและความปลอดภัยจาก อย. ไทย, อย. ยุโรป และ อย. อเมริกา
- รมย์รวินท์คลินิก มีใบอนุญาตประกอบกิจการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่า คลินิกนี้ได้รับการตรวจสอบและผ่านตามเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนด จึงมีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ
- รมย์รวินท์คลินิก ให้ความสำคัญกับความสะอาด ทั้งสถานที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ให้บริการปลอดเชื้อ
- มีการติดตามผลลัพธ์ตลอดการรักษา และให้คำแนะนำในการดูแลผิวอย่างเหมาะสม
- มีโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษ ให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการในราคาที่เข้าถึงง่าย
- มีรีวิวจากเคสจริง เพื่อเป็นทางเลือกประกอบการตัดสินใจ สามารถเห็นผลก่อนและหลังทำได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
Radiesse Filler เป็นหัตถการงานผิวกระตุ้นคอลลาเจน คล้ายกับการฉีดฟิลเลอร์ แต่มีส่วนประกอบหลักอย่าง CaHa ที่แตกต่างกับฟิลเลอร์อย่างชัดเจน มีจุดเด่นในการกระตุ้นคอลลาเจน เพิ่มวอลุ่มให้ผิว ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยร่องลึก และสูญเสียคอลลาเจนตามวัย การฉีด Radiesse Filler สามารถชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยสูง และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 2 ปี ดังนั้น Radiesse Filler ถือเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ครอบคลุมปัญหาผิวได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่มีปัญหาผิวตามที่กล่าวมาข้างต้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์และประเมินสภาพผิวอย่างตรงจุด เลือกฉีด Radiesse Filler ทั้งที ต้องที่ รมย์รวินท์ ฃคลินิก เท่านั้น
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.romrawin.com/radiesse-biostimulator/
.