การขายของมือสองกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะช่วยสร้างรายได้แล้ว ยังเป็นการช่วยลดปริมาณขยะและรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นขายของมือสองที่ไหนดี หรือจะเลือกเว็บขายของมือสองแบบไหนให้เหมาะกับสินค้า วันนี้ KTC เราได้รวบรวม 8 เว็บขายของมือสองออนไลน์ยอดนิยมมาแนะนำ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
แนะเทคนิคโพสต์ขายของมือสองให้ออกไว
ก่อนจะไปดูว่ามีเว็บขายของมือสองที่ไหนบ้าง มาดูเทคนิคการขายให้น่าสนใจกันก่อน เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกขายของมือสองออนไลน์ผ่านช่องทางไหน เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้สินค้าขายออกเร็วขึ้น
- การถ่ายภาพสินค้า : การถ่ายภาพสินค้าควรใช้แสงธรรมชาติช่วยในการถ่ายภาพ ถ่ายให้เห็นสภาพสินค้าทุกมุม และที่สำคัญต้องแสดงตำหนิ (ถ้ามี) อย่างตรงไปตรงมา รวมถึงการจัดองค์ประกอบภาพให้น่าสนใจ
- การตั้งราคา : ควรสำรวจราคาตลาดของสินค้ามือสองประเภทเดียวกัน กำหนดราคาต่ำกว่าราคาของใหม่อย่างน้อย 30-50% และควรระบุว่าต่อรองราคาได้หรือไม่ อาจมีโปรโมชั่นสำหรับการซื้อหลายชิ้น
- การเขียนรายละเอียดสินค้า
- ต้องระบุแบรนด์ รุ่น และปีที่ซื้อ บอกระยะเวลาการใช้งาน แจ้งเหตุผลที่ขาย อธิบายสภาพการใช้งานปัจจุบัน และระบุอุปกรณ์ที่ให้มาด้วย
- การจัดส่งและการติดต่อ : แจ้งวิธีการจัดส่งที่มีให้เลือก ระบุค่าส่งชัดเจน ให้ข้อมูลการติดต่อหลายช่องทาง และแจ้งเวลาที่สะดวกในการติดต่อ
- เทคนิคการโพสต์ : ควรโพสต์ในช่วงเวลาที่มีคนออนไลน์เยอะ ใช้แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง โพสต์ในกลุ่มที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และอัพเดทสถานะสินค้าสม่ำเสมอ
8 เว็บขายของมือสองออนไลน์ยอดนิยมในไทย
สำหรับใครที่กำลังมองหาเว็บขายของมือสองดี ๆ วันนี้เรารวบรวม 8 แพลตฟอร์มยอดนิยมที่เหมาะสำหรับการขายของมือสองออนไลน์มาให้กัน มาดูกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
1. Kaidee
Kaidee เป็นแพลตฟอร์มขายของมือสองที่ใหญ่ที่สุดในไทย มีผู้ใช้งานหลายล้านคน ข้อดีคือลงประกาศฟรี มีหมวดหมู่สินค้าครบครัน และมีระบบกรองที่ละเอียด ทำให้ผู้ซื้อค้นหาสินค้าขายดีได้ง่าย
2. ENNXO
ENNXO เป็นเว็บขายของมือสองน้องใหม่ที่มาแรง จุดเด่นคือมีระบบแชทในตัว ไม่มีค่าธรรมเนียม และมีฟีเจอร์ดันโพสต์ฟรี ทำให้สินค้าของคุณมีโอกาสถูกเห็นมากขึ้น
3. Pantip Market
ตลาดพันทิปเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนไทย นิยมใช้ขายของมือสองประเภทไอที กล้อง และของสะสม เพราะมีชุมชนผู้ซื้อขายที่มีความรู้เฉพาะทาง และเป็นกลุ่มคนที่พร้อมจะซื้ออย่างจริงจัง
4. Instagram
Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการขายของมือสองประเภทแฟชั่น เครื่องสำอาง และของแต่งบ้าน เพราะเน้นการนำเสนอด้วยภาพ แต่ก็ตอบโจทย์สินค้าที่มีมูลค่าสูงได้ดี เพราะกลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่มีกำลังซื้อสูง
5. Shopee
Shopee เป็นเว็บที่มีระบบที่ปลอดภัย มีการรับประกันการซื้อขาย และระบบขนส่งที่สะดวก แม้จะมีค่าคอมมิชชั่น แต่ก็คุ้มค่าสำหรับการขายของมือสองจำนวนมาก เพราะมีกลุ่มผู้ใช้งานเยอะเป็นอับต้น ๆ ในประเทศไทย
6. Lazada
Lazada เป็นอีกแพลตฟอร์มเหมาะกับการขายของมือสองออนไลน์ที่ดี เพราะมีระบบตรวจสอบสินค้าที่น่าเชื่อถือ มีกลุ่มผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก แต่อาจมีข้อจำกัดในเรื่องประเภทสินค้าที่อนุญาตให้ขาย
7. Facebook Marketplace
Facebook Marketplace เป็นช่องทางขายของมือสองที่เข้าถึงง่าย มีผู้ใช้งานจำนวนมาก และสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ หรือจะเป็นของใหญ่อย่างรถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์ ก็ตอบโจทย์การขายได้เป็นอย่างดี เพราะไม่มีค่าธรรมเนียม
8. TikTok
TikTok เป็นแพลตฟอร์มใหม่สำหรับการขายของมือสอง จุดเด่นคือสามารถทำคอนเทนต์วิดีโอสั้น ๆ เพื่อโชว์สินค้าได้อย่างน่าสนใจ หรือจะไลฟ์สดเพื่อพูดคุยกับกลุ่มลูกค้าก็สามารถทำได้เช่นกัน เหมือนที่เราคุ้นชินกับร้านขายเสื้อผ้ามือสองที่เลือกใช้แพลตฟอร์มนี้นั่นเอง
ข้อควรระวังในการขายของมือสอง
การเลือกเว็บขายของมือสองที่เหมาะสมเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่การขายของมือสองออนไลน์ให้ปลอดภัยก็สำคัญไม่แพ้กัน เรามาดูกันว่ามีเรื่องไหนบ้างที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
- การชำระเงิน : ควรตกลงวิธีการชำระเงินให้ชัดเจน หากใช้เว็บขายของมือสองที่มีระบบชำระเงินในตัวอย่าง Shopee หรือ Lazada จะปลอดภัยกว่า แต่ถ้าเป็นการโอนเงินโดยตรง ควรให้ผู้ซื้อโอนเงินมัดจำก่อนการจัดส่ง
- การจัดส่งสินค้า : ควรถ่ายรูปสินค้าตอนแพ็คพัสดุ และเก็บหลักฐานการส่งทุกครั้ง หลายเว็บขายของมือสองจะมีระบบแจ้งเลขพัสดุ ซึ่งช่วยป้องกันปัญหาการโกงได้
- การสื่อสารกับลูกค้า : ควรตอบคำถามด้วยข้อมูลที่เป็นจริง ไม่ควรปิดบังตำหนิของสินค้า เพราะนอกจากจะผิดจรรยาบรรณในการขายของมือสองแล้ว ยังอาจเกิดปัญหาการเรียกร้องค่าเสียหายในภายหลัง
สรุปบทความ 8 เว็บขายของมือสองออนไลน์ ลงขายง่าย ออกไว
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเว็บขายของมือสองออนไลน์ ที่ต้องบอกว่ามีแนวโน้มจะขายออกได้มากที่สุด เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งาย เป็นมิตรต่อทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ และได้รับความนิยมในการเข้าใช้งานมากที่สุด แต่สำหรับคนที่อยากขายของมือสองออนไลน์ แต่ยังขาดเงินทุน KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน พร้อมเป็นเงินทุนให้คุณ ด้วยวงเงินสินเชื่อก้อนใหญ่ สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก และยังมีบริการ พี่เบิ้ม Delivery ไปประเมินราคารถให้ถึงหน้าบ้าน อนุมัติไวใน 1 ชม. รับเงินก้อนได้ทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน และผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน โดยสามารถเลือกรับบัตรกดเงินสด KTC พี่เบิ้ม ไว้ใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินได้อย่างอุ่นใจ หากไม่มีการกดใช้ก็ไม่เสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด*
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21%-24% ต่อปี*
*กรณีที่รถยังผ่อนไม่หมด สามารถนำมาประเมินวงเงินเบื้องต้นก่อนได้*