ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกมาเป็นเวลานาน และในปี 2025 การซื้อทองคำยังคงเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ นโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างประเทศ และความผันผวนของสกุลเงินหลัก การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนทองคำจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนที่สมดุลและมั่นคง บทความนี้จะพูดการลงทุนทองสำหรับมือใหม่ มีอะไรที่ควรรู้บ้าง พร้อมคำแนะนำเรื่องที่ควรรู้ก่อนลงทุน
การลงทุนทองคำคืออะไร
การลงทุนทองคำ คือการซื้อและขายทองคำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว แม้จะมีลักษณะคล้ายกับการเทรด แต่การลงทุนในทองคำมักใช้ระยะเวลานานกว่า โดยทั่วไปตั้งแต่หลายเดือนไปจนถึงหลายปี ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจลงทุนในทองคำเบื้องต้น ก็ควรจะต้องมีเงินออมหรือ "เงินเย็น" ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในระยะสั้น มีความพร้อมด้านการเงินในระดับหนึ่ง และสามารถอดทนรอผลตอบแทนในระยะยาวได้
โดยสรุป วัตถุประสงค์การลงทุนทองคำจะเน้นไปที่การรักษามูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว เพราะทองเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและมีมูลค่าคงที่ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจผันผวน ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้น สามารถทำได้ผ่านการซื้อทองแท่ง การลงทุนในกองทุนทอง กองทุนรวมอีทีเอฟทองคํา (Gold ETFs) และสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) เป็นต้น
ทำไมต้องลงทุนทองคำในปี 2025?
1.ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลาง ทองคำมีประวัติศาสตร์ยาวนานในการเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากราคาทองคำมักจะเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ผู้ถือทองคำสามารถรักษาอำนาจซื้อได้
2.ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ
โลกในยุคปัจจุบันเผชิญกับความท้าทายจากความขัดแย้งทางการเมือง สงครามการค้า และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ในสถานการณ์เช่นนี้ ทองคำมักจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนทองคำที่มองหาสินทรัพย์ปลอดภัย
3.การกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
ทองคำมีความสัมพันธ์เชิงลบกับสินทรัพย์อื่นๆ เช่น หุ้น และพันธบัตร การเพิ่มทองคำในพอร์ตการลงทุนจึงช่วยลดความผันผวนโดยรวมและเพิ่มความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุน
4.การอ่อนค่าของสกุลเงินหลัก
เมื่อสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่า ราคาทองคำมักจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายด้วยดอลลาร์สหรัฐ การอ่อนค่าของดอลลาร์จึงทำให้ทองคำถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น
ปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาทอง
1.อุปสงค์และอุปทาน
อุปสงค์ทองคำมาจากหลายแหล่ง ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องประดับ การลงทุน เทคโนโลยี และการสำรองของธนาคารกลาง ขณะที่อุปทานมาจากการขุดแร่และการรีไซเคิล ความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคา
2.นโยบายการเงิน
อัตราดอกเบี้ยมีผลกระทบอย่างมากต่อราคาทองคำ เมื่อธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ยจึงทำให้มีผลกับผู้ที่ลงทุนทองคำ เนื่องจากต้นทุนการถือทองคำจะลดลง ทำให้ทองคำน่าสนใจมากขึ้น ในทางกลับกัน การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคำ
3.ความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐและทองคำมีความสัมพันธ์เชิงลบ เมื่อดอลลาร์แข็งค่า ทองคำมักจะอ่อนค่า และในทางกลับกัน นักลงทุนทองคำจึงต้องติดตามดัชนีดอลลาร์อย่างใกล้ชิด
4.ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
ความขัดแย้งระหว่างประเทศ สงคราม และความไม่แน่นอนทางการเมืองมักจะผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย
รูปแบบการลงทุนทองคำสำหรับมือใหม่
1.ทองคำแท่งและทองรูปพรรณ
- ทองคำแท่ง เป็นรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนทองคำจริง มีข้อดีคือสามารถครอบครองสินทรัพย์จริงได้ และมีสภาพคล่องสูง อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาและความปลอดภัย
- ทองรูปพรรณ เช่น สร้อยคอ แหวน กำไล นอกจากจะมีมูลค่าการลงทุนแล้ว ยังสามารถใช้เป็นเครื่องประดับได้ แต่มักจะมีค่าแรงสูงกว่าทองคำแท่ง
2.ทองคำออนไลน์
การลงทุนทองคำออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นอีกทางเลือกที่สะดวก ไม่จำเป็นต้องเก็บทองคำจริง และสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ต้องเลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและมีการกำกับดูแลที่เหมาะสม
3.กองทุนทองค
- กองทุนรวมทองคำ เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการลงทุนทองคำโดยไม่ต้องเก็บทองคำจริง กองทุนเหล่านี้จะนำเงินของผู้ลงทุนไปซื้อทองคำแท่งและเก็บไว้ในคลังความปลอดภัย
- ETF ทองคำ เป็นหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนทองคำสามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นทั่วไป มีข้อดีคือสภาพคล่องสูงและค่าธรรมเนียมต่ำ
4.สัญญาซื้อขายทองล่วงหน้า (Gold Futures)
เป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ เนื่องจากการลงทุนทองคำรูปแบบนี้มีความเสี่ยงสูงแต่ก็มีโอกาสกำไรสูงเช่นกัน ผู้ลงทุนสามารถใช้เลเวอเรจได้ แต่ต้องระวังความเสี่ยงจากการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
เคล็ดลับการซื้อ-ขายทองคำอย่างชาญฉลาด
1.ศึกษาข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน และเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำ การมีข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยจะช่วยให้ตัดสินใจลงทุนทองคำได้ดีขึ้น
2.กำหนดจุดเข้าและออกที่ชัดเจน
ก่อนลงทุนทองคำ ควรกำหนดเป้าหมายราคาที่ต้องการซื้อและขาย รวมถึงระดับการตัดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันอารมณ์เข้ามาแทรกแซงการตัดสินใจ
3.ลงทุนแบบเป็นงวด (Dollar Cost Averaging)
การซื้อทองคำเป็นงวดๆ เป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา และสร้างต้นทุนเฉลี่ยที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนทองคำ
4.เลือกช่องทางที่น่าเชื่อถือ
ซื้อทองคำจากร้านทองที่มีใบอนุญาต หรือสถาบันการเงินที่ได้รับการกำกับดูแล เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจในคุณภาพของทองคำ
5.พิจารณาค่าใช้จ่ายทั้งหมด
นอกจากราคาทองคำแล้ว ต้องคำนึงถึงค่าแรง ค่าภาษี ค่าเก็บรักษา และค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ความเสี่ยงที่ต้องรู้ก่อนลงทุนทองคำ
1.ความผันผวนของราคา
แม้ทองคำจะถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ราคาก็ยังคงมีความผันผวน โดยเฉพาะในระยะสั้น นักลงทุนทองคำอาจเผชิญกับการขาดทุนหากต้องขายในช่วงที่ราคาตกต่ำ
2.ความเสี่ยงจากการเก็บรักษา
สำหรับการถือทองคำจริง มีความเสี่ยงจากการสูญหาย ถูกขโมย หรือเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาในตู้เซฟหรือคลังสินค้าก็เป็นต้นทุนที่ต้องพิจารณาในการลงทุนทองคำ
3.ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง
ในบางช่วงเวลา การซื้อขายทองคำอาจมีสภาพคล่องต่ำ ทำให้ยากต่อการซื้อขายในราคาที่ต้องการ
4.ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับนักลงทุนในประเทศไทย การลงทุนในทองคำที่ซื้อขายด้วยดอลลาร์สหรัฐจะมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนบาท-ดอลลาร์
5.ความเสี่ยงจากการควบคุมของภาครัฐ
รัฐบาลอาจออกมาตรการควบคุมการซื้อขายทองคำ เช่น การจำกัดการนำเข้าออก หรือการเก็บภาษีพิเศษ
การลงทุนทองคำต้องทำด้วยความรอบคอบ โดยต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เข้าใจปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคา เลือกรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเนื่อง และตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การวางแผนการลงทุนที่ดี พร้อมกับการจัดสรรสัดส่วนที่เหมาะสมในพอร์ตการลงทุน จะช่วยให้การลงทุนทองคำเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสร้างมั่งคั่งระยะยาว
สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าและง่ายต่อการจัดการ เมื่อมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นแล้ว จึงค่อยพิจารณาขยายไปยังรูปแบบการลงทุนอื่น ๆ ที่ซับซ้อนมากขึ้น การลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยความรู้ ความอยู่ และการวางแผนที่ดี ไม่ใช่การเก็งกำไรในระยะสั้น หรือจะเลือกใช้บัตรเครดิต KTC เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการวางแผน ค่าใช้จ่ายและการลงทุนของคุณ ใครยังไม่มีสามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ได้ตลอด 24 ชม. ไม่มีค่าธรรมเนียม รับคะแนนสะสมไม่มีวันหมดอายุ พร้อมส่วนลดจากร้านค้าชั้นนำมากมาย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC