ข้อควรระวังในการใช้รถใช้ถนน และพฤติกรรมที่ไม่ควรทำ
รถยนต์ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพราะไม่เพียงแต่ให้ความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว แต่ยังช่วยให้คุณเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามที่ต้องการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญต่อการใช้รถใช้ถนนนั่นก็คือการใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยทั้งของตนเองและเพื่อนร่วมทาง เพราะทุกวันนี้ยังมีผู้ใช้รถบางคนที่มีพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่เหมาะสมหรือเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำแต่อาจไม่รู้ตัว โดยกระทำการเหล่านั้นอาจเสี่ยงก่อนให้เกิดอุบัติเหตุหรือสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ ดังนั้นเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยนอกจากเคารพกฎจราจรแล้ว ควรรู้ถึงพฤติกรรมบางรูปแบบที่ไม่ควรทำขณะขับรถ ไปจนถึงข้อห้ามในการขับรถเพื่อให้คุณเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยห่างไกลจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
พฤติกรรมเสี่ยงในการขับรถ อันตรายใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม
พฤติกรรมเสี่ยงในการขับรถ
1. ขับช้า แช่เลนขวา
มีผู้ใช้รถจำนวนไม่น้อยที่ชอบขับรถแช่เลนขวาสุด เพราะเป็นเลนที่หลายคนเห็นว่าสามารถใช้ความเร็วได้และขับขี่ได้อย่างคล่องตัว แต่รู้หรือไม่ตามกฎหมายแล้ว ถนนเลนขวามีไว้สำหรับแซงเท่านั้น การขับรถแช่อยู่เลนขวาอาจสร้างความรำคาญใจให้แก่ผู้ขับขี่รถยนต์คันหลังได้ ดังนั้นเมื่อเข้าเลนขวาเพื่อแซงรถคันหน้าแล้วให้ตีรถกลับเข้าเลนซ้าย ไม่ควรขับแช่เลนขวาเด็ดขาดโดยเฉพาะผู้ที่ขับรถช้า เพราะเลนขวาเป็นช่องทางที่รถวิ่งมาด้วยความเร็วสูง
2. เปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟสัญญาณ
อีกหนึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งคือ การเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวรถโดยไม่เปิดสัญญาณไฟ เพราะบางคนคิดว่ามีระยะห่างเพียงพอ จนลืมคิดไปว่าหากรถคันหลังขับตามมาด้วยความเร็วก็ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ดังนั้นทุกครั้งที่ต้องการเปลี่ยนเลนหรือต้องการเลี้ยวควรเปิดสัญญาณไฟเพื่อขอทางหรือส่งสัญญาณให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนที่ขับตามหลังมาทุกครั้ง
3. เปิดเลนถนนใหม่เอง
เป็นปัญหาใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้ามและไม่ควรปฏิบัติ ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงเวลาเร่งด่วนเมื่อต้องพบเจอกับปัญหารถติด หลายคนชอบใช้วิธีลัดเพื่อให้ตัวเองเดินทางไปถึงที่หมายรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดเลนถนนใหม่แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมเช่นนี้นอกจากเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวและไม่มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทางแล้ว ยังส่งผลให้การจราจรติดขัดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เนื่องจากการเปิดเลนใหม่เองอาจนำไปสู่เหตุไม่คาดฝันได้ สุดท้ายแล้วเลนใหม่ที่คุณเปิดมานั้นก็ต้องทำการเบี่ยงเพื่อขับเข้าสู่เลนปกติอยู่ดี ถือว่าพฤติกรรมลักษณะนี้ก่อให้อันตรายทั้งยังผิดกฎหมายอีกด้วย
4. ขับจี้คันหน้ามากเกินไป
พฤติกรรมการขับรถจี้รถยนต์คันหน้ามากเกินไปเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะหากรถยนต์คันหน้าเบรคกะทันหันขึ้นมาคุณอาจเบรคไม่ทันจนทำให้เกิดเหตุชนท้ายคันหน้าได้ ดังนั้นควรเว้นระยะห่างให้เพียงพอ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอีกทั้งควรใช้ความเร็วในการขับขี่ตามที่กฏหมายกำหนด นั่นคือให้เว้นระยะห่างจากท้ายคันหน้าด้วยครึ่งหนึ่งของค่าความเร็วในขณะขับขี่ เช่น หากขับด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้เว้นระยะห่างจากคันหน้า 40 เมตร แต่หากขับขี่อยู่บริเวณที่สภาพพื้นถนนไม่ดี หรือช่วงฝนตกควรเพิ่มระยะห่างเป็นสองเท่าเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
5. งดเล่นหรือคุยโทรศัพท์ขณะขับขี่รถยนต์
หลายคนมีพฤติกรรมใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่รถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการตอบข้อความ เล่นโซเชียลหรืออื่น ๆ ซึ่งมีความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุเป็นอย่างมาก เพราะคุณอาจจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือจนไม่ได้มีสมาธิในการขับขี่รถยนต์จนนำไปสู่อุบัติเหตุรถชนกันในที่สุด ประกอบกับตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (9) ระบุว่า ห้ามผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นใดในขณะที่รถเคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งนี้กำหนดโทษผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท
6. เมาแล้วขับหรือง่วงแล้วขับ
พฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอยู่บ่อยครั้งคือ การเมาแล้วขับที่ถือเป็นความประมาทของผู้ขับขี่เพราะการดื่มสุราหรือของมึนเมาทำให้สติสัมปชัญญะลดลง รวมถึงการง่วงนอนแล้วขับรถอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่พบเจอได้บ่อยไม่แพ้กันกับอาการหลับในขณะขับขี่ เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอก็อาจนำไปสู่อาการวูบหรือหลับในที่เป็นอีกสาเหตุของการเฉี่ยวชนได้ ฉะนั้นถ้ารู้สึกง่วงควรจอดเพื่อนอนพักในจุดพักรถ ส่วนผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่ควรขับขี่รถเช่นเดียวกัน
7. การขับแซงแบบกระชั้นชิด
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่สามารถพบเจอได้เมื่อขับรถท้องถนน คือ การแซงหน้ารถคันอื่นในระยะกระชั้นชิดหรือขับปาดหน้า พฤติกรรมเช่นนี้เสี่ยงก่อให้เกิดอุบัติเหตุเป็นอย่างมาก เนื่องจากรถที่ขับตามมาอาจเบรคไม่ทันจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นทุกครั้งที่จะเปลี่ยนเลนหรือต้องการแซงควรเปิดสัญญาณไฟก่อนทุกครั้ง และควรเปลี่ยนเลนเมื่ออยู่ในระยะที่ปลอดภัยเท่านั้น
อุบัติเหตุบนท้องถนน
อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นเรื่องใกล้ตัวสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ไม่ควรละเลย โดยเฉพาะพฤติกรรมเสี่ยงที่เกิดจากการขับขี่บางอย่างที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้อย่างไม่รู้ตัว นอกจากมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทางแล้ว ก็ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในระหว่างขับรถเพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนทำให้ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล จนทำให้ต้องมองหาเงินก้อนมาเสริมสภาพคล่องทางการใช้จ่าย หรือเป็นเงินสำรองเพื่อใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน พี่เบิ้มขอแนะนำตัวช่วยทางการเงินดี ๆ สำหรับคนมีรถยนต์กับ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ที่อนุมัติไวภายใน 2 ชั่วโมง ให้วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท รถยังมีใช้ขับขี่ เพียงเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนพี่เบิ้ม Delivery จะเดินทางไปรับสมัครและตรวจสอบสภาพรถถึงที่ เมื่อผ่านการอนุมัติรับเงินโอนเข้าบัญชีทันที เพราะเรื่องไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หากมองหาเงินสำรองฉุกเฉินพี่เบิ้มพร้อมอยู่เคียงข้างคุณ
อ้างอิงข้อมูลจาก : ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม
สมัคร KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน มีวงเงินสำรองไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน…ที่นี่