รวมเรื่องของ BSI ที่เจ้าของรถ BMW ต้องอ่าน
คนที่ใช้รถยุโรป หรือกำลังเล็งจะใช้รกแบรนด์ดังจากเยอรมันอย่าง BMW คงจะต้องเคยได้ยินเรื่อง BSI (BMW Service Inclusive) กันมาบ้างไม่น้อย แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าบริการเซอร์วิสนี้ครอบคลุมในเรื่องของอะไรบ้าง และต่างจากการรับประกันรถยนต์อย่าง Warranty หรือไม่ เราจะมาไขคำตอบไปพร้อม ๆ กัน
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ทำความรู้จักกับ BSI คืออะไร
BSI หรือ BMW Service Inclusive เป็นบริการตรวจเช็ก บำรุงรักษา และเปลี่ยนอะไหล่ให้กับผู้ใช้รถ BMW ฟรีตลอดระยะเวลาที่เลือกทำแพ็กเกจไว้ หรืออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือการเข้าเช็กศูนย์บริการตามระยะเพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ที่ชำรุด หรือเกิดความเสียหาย โดยไม่มีการคิดค่าบริการเพิ่มเติมหากเลขไมล์ หรือจำนวนปีที่ใช้งานรถยังไม่เกินกำหนด โดยจะแบ่งออกเป็น 4 แพ็กเกจ ซึ่งแบบ Standard จะมีมาให้กับการซื้อรถจากทางบริษัทอยู่แล้ว ส่วนแพ็กเกจที่เหลือสามารถซื้อเพิ่มได้ โดยจะมีรายละเอียดแตกต่างกัน ดังนี้
- BSI Standard : จะได้รับบริการดูแลบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และจะได้รับการประกันตัวรถไม่จำกัดระยะทางที่ 3 ปี
- BSI Plus : จะได้รับบริการดูแลบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และจะได้รับการประกันตัวรถไม่จำกัดระยะทางที่ 3 ปี
- Warranty Plus : จะได้รับบริการดูแลบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และจะได้รับการประกันตัวรถไม่จำกัดระยะทางที่ 5 ปี
- BSI Ultimate : จะได้รับบริการดูแลบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และจะได้รับการรับการประกันตัวรถไม่จำกัดระยะทางที่ 5 ปี
BMW BSI กับ Warranty ต่างกันยังไง
BSI คือบริการตรวจเช็กบำรุงรักษาทั่วไป ซึ่งจะครอบคลุมในการเปลี่ยนถ่ายของเหลว ชิ้นส่วนอะไหล่ที่ชำรุดเสียหาย หรือการบำรุงรักษาตามระยะทางที่เกิดจากการใช้งานรถ ต่างจาก Warranty ที่จะเป็นการรับประกันคุณภาพรถจากการผลิต อย่างเช่นระบบเกียร์ เครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้า และอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกิดจากการใช้งานทั่วไป จะเข้าข่ายการรับประกันนี้แทน
BSI ครอบคลุมบริการใดบ้าง
BSI เป็นบริการที่ครอบคลุมการบำรุงรักษา เปลี่ยนถ่ายของเหลว และชิ้นส่วนอะไหล่ที่สิ้นเปลืองทั้งหมดตามระยะการใช้งานฟรี โดยจะมีความแตกต่างกันในรถยนต์ประเภทสันดาป และรถยนต์ไฟฟ้า ดังนี้
BMW Service Inclusive ครอบคลุมถึงการบำรุงรักษาตามระยะ (รวมค่าน้ำมัน ค่าแรงและอะไหล่แท้บีเอ็มดับเบิลยู)
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
- ไส้กรองน้ำมันเครื่อง
- แผ่นกรองอากาศ
- ที่กรองอากาศ
- หัวเทียน
- น้ำมันเบรก
- น้ำมันเกียร์
- ผ้าเบรกหน้า-หลัง
- จานเบรกหน้า-หลัง
- ใบปัดน้ำฝน
- หัวฉีดปัดน้ำฝน
- ตรวจเช็กรถตามข้อกำหนดของทาง BMW
บริการดูแลบำรุงรักษา BMW Service Inclusive (BSI) สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
- กรองอากาศห้องโดยสาร
- น้ำมันเบรก
- ชาร์จแบตเตอรี่แรงดันไฟสูงให้ถึงระดับ 70-85% หลังจากรับบริการ BSI
- ผ้าเบรกหน้า-หลัง
- จานเบรกหน้า-หลัง
- ใบปัดน้ำฝน
- ตรวจเช็กรถตามข้อกำหนดของทาง BMW
ค่ายรถอื่น ๆ มีบริการบำรุงรักษาฟรีหรือไม่
ค่ายรถส่วนใหญ่ในบ้านเรานั้นไม่ได้มีบริการตรวจเช็ก บำรุงรักษา หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ฟรีเหมือนกับทาง BMW แต่จะมี Warranty ในการรับประกันตัวรถในการใช้งานเหมือนกัน โดยจะมีเงื่อนไขในการรับประกันที่ไม่ต่างกันมาก อย่างเช่น การรับประกันที่ 5 ปี หรือ 150,000 กม. โดยมีเงื่อนไขว่าอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปในแต่แบรนด์ ในส่วนของการเข้าศูนย์เช็กสภาพรถตามระยะทางเพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ ยังคงมีค่าใช้จ่ายตามปกติที่ผู้ใช้รถจะต้องออกเอง
หากนำรถไปแต่ง Warranty จะขาดไหม
อีกหนึ่งปัญหาที่หลายคนกังวลใจ ก็คือการนำรถ BMW คันคู่ใจไปแต่งตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการปรับจูนรถ ใส่สเกิร์ตรถรอบคัน ติดสปอยเลอร์ เปลี่ยนล้อแม็ก หรือทำช่วงล่างใหม่ตามความชอบ แล้วกลัวว่าจะโดนตัดประกันตัวรถทิ้งไป เรื่องนี้ต้องบอกว่าแล้วแต่กรณีไป หากเป็นการแต่งรถที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับระบบเครื่องยนต์ หรือเกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า และชิ้นส่วนการทำงานหลักของตัวรถ Warranty ที่รับประกันก็จะยังคงอยู่ แต่หากเป็นการเจาะเข้ากับชิ้นส่วนเดิมของตัวรถ มีการปรับจูนกล่อง ECU หรือใช้ล้อที่ผิดขนาดที่กำหนดไว้ ก็มีสิทธิ์ที่จะโดนตัด Warranty หรือการรับประกันตรงส่วนที่ทำทิ้งทันที เหมือนที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินว่าทำส่วนไหน ก็โดนตัดประกันทิ้งส่วนนั้นนั่นเอง
สรุปบทความ รวมเรื่องของ BSI ที่เจ้าของรถ BMW ต้องอ่าน
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อดี ที่เป็นจุดเด่นของค่ายรถยนต์สัญชาติเยอรมันค่ายนี้ ที่ให้บริการบำรุงรักษาควบคู่กับประกันตัวรถ จึงช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้รถได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งหนึ่งที่คนใช้รถ BMW ไม่ควรมองข้ามก็คือการเช็กระยะเวลา หรือจำนวนปีที่ประกันให้ดี เพราะเมื่อหมดระยะตามที่กำหนดเมื่อไหร่ ค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเองทั้งหมดก็ค่อนข้างจะแพงใช้ได้เลยทีเดียว เพราะแค่น้ำมันเครื่องก็เริ่มต้นเปลี่ยนในราคาหลักหมื่นกันแล้ว ส่วนที่เหลืออื่น ๆ ก็อาจจะแพงกว่านั้น จึงต้องเผื่อใช้ในการใช้รถจากค่ายนี้ในระยะยาวไว้ด้วยเช่นกัน
ส่วนใครที่กำลังขาดสภาพคล่อง และมีปัญหาหมุนเงินไม่ทันในช่วงนี้ หากคุณมีรถยนต์ไว้ใช้งานอยู่ ให้ทาง KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ช่วยแก้ไขปัญหาในด้านการเงินให้คุณดีกว่า เพราะเรามีวงเงินก้อนใหญ่ ที่สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก มีบริการพี่เบิ้ม Delivery พร้อมเดินทางไปตรวจสอบสภาพรถถึงที่หน้าบ้าน รู้ผลไว พร้อมรับเงินใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำ และผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน ตอบโจทย์คนต้องการหมุนเงินได้อย่างสะดวกสบาย
สมัคร KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน แบบไม่มีคนค้ำ
วงเงินใหญ่ รับเงินทันที ผ่อนได้นาน 84 เดือน
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด*
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21% - 24% ต่อปี*