• บัตรเครดิต
    • ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต
    • คะแนน
    • ผ่อนชำระ
    • บริจาค
    • บริการหักค่าใช้จ่ายอัตโนมัติ
    • อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
    • KTC Device Pay
  • สินเชื่อบุคคล
    • ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ
    • บัตรกดเงินสด KTC PROUD
    • สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH
    • สินเชื่อ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน
    • ผ่อนชำระ
    • อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
  • โปรโมชั่น
  • ธุรกิจร้านค้า
    • บริการธุรกิจร้านค้า
    • บริการเครื่องรูดบัตร EDC 
    • บริการ QR Code Payment
    • บริการรับชำระเงินออนไลน์
    • บริการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ
    • บริการรับชำระเงินผ่านลิงก์
    • บริการรับชำระด้วย ALIPAY & ALIPAY+
  • บริการท่องเที่ยว
  • ช้อปสินค้าออนไลน์
  • บริการลูกค้า
    • ติดต่อ KTC
    • แอป KTC Mobile
    • ช่องทางการชำระเงิน
    • บริการ KTC E-Book
    • ดาวน์โหลดแบบฟอร์มและคู่มือ
    • คำถามที่พบบ่อย
บัตรเครดิต
บัตรเครดิต
  • ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต
  • คะแนน
  • ผ่อนชำระ
  • บริจาค
  • บริการหักค่าใช้จ่ายอัตโนมัติ
  • อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
  • KTC Device Pay
สินเชื่อบุคคล
สินเชื่อบุคคล
  • ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ
  • บัตรกดเงินสด KTC PROUD
  • สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH
  • สินเชื่อ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน
  • ผ่อนชำระ
  • อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
โปรโมชั่น โปรโมชั่น
ธุรกิจร้านค้า
ธุรกิจร้านค้า
  • บริการธุรกิจร้านค้า
  • บริการเครื่องรูดบัตร EDC
  • บริการ QR Code Payment
  • บริการรับชำระเงินออนไลน์
  • บริการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ
  • บริการรับชำระเงินผ่านลิงก์
  • บริการรับชำระด้วย ALIPAY & ALIPAY+
บริการท่องเที่ยวบริการท่องเที่ยว ช้อปสินค้าออนไลน์ช้อปสินค้าออนไลน์
บริการลูกค้า
บริการลูกค้า
  • ติดต่อ KTC
  • แอป KTC Mobile
  • ช่องทางการชำระเงิน
  • บริการ KTC E-Book
  • ดาวน์โหลดแบบฟอร์มและคู่มือ
  • คำถามที่พบบ่อย
เปลี่ยนภาษา

EN

TH

KTC Search Icon KTC Search Icon
สมัครบัตร
KTC Login Icon KTC Login Icon เข้าสู่ระบบ KTC Mobile Login
KTC Profile

บัญชีของฉัน

  • KTC Online

    บัตร KTC ของฉัน

  • KTC Promotions

    โปรโมชั่นของฉัน

  • KTC Logout

    ออกจากระบบ

KTC Online Profile
  1. หน้าหลัก
  2. /
  3. บทความ
  4. /
  5. Knowledge
  6. /
  7. อยากขายของออนไลน์ เริ่มต้นยังไงดี? คู่มือร้านค้า ฉบับมือใหม่เข้าใจง่าย 2025
  1. หน้าหลัก
  2. /
  3. บทความ
  4. /
  5. Knowledge
  6. /
  7. อยากขายของออนไลน์ เริ่มต้นยังไงดี? คู่มือร้านค้า ฉบับมือใหม่เข้าใจง่าย 2025
ขายของออนไลน์

อยากขายของออนไลน์ เริ่มต้นยังไงดี? คู่มือร้านค้า ฉบับมือใหม่เข้าใจง่าย 2025

หมวดหมู่ : Knowledge

ในยุคดิจิทัลที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ง่ายกว่าที่เคย คำถามที่ว่า “อยากขายของออนไลน์ เริ่มต้นยังไงดี” กลายเป็นประโยคที่หลายคนถามตัวเองเมื่อเห็นโอกาสทางธุรกิจรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านที่อยากมีรายได้เสริม นักเรียนนักศึกษาที่ต้องการเงินมาค่าใช้จ่ายส่วนตัว หรือแม้แต่เหล่าคนทำงานบริษัทที่อยากสร้างอิสรภาพทางการเงิน

การขายของในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเปิดร้านหน้าบ้าน หรือเช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าเหมือนในยุคก่อนเท่านั้น เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้ขยายขอบเขตให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจขายของออนไลน์ได้จากทุกที่ทั่วโลก อาศัยเพียงต้นทุนเพียงไม่กี่พันบาท แต่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วประเทศ หรืออาจจะเป็นทั่วโลก

ทำไมหลายคนอยากผันตัวทำธุรกิจร้านค้ามากขึ้น ในปี 2025

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เทรนด์อีคอมเมิร์ซ และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ อัตราการซื้อขายออนไลน์ในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังช่วงโควิด-19 ที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป คนไทยเริ่มชินกับการสั่งซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือมากขึ้น

แพลตฟอร์มอย่าง Shopee, Lazada, Facebook, TikTok Shop และ Instagram Shopping ทำให้การเปิดร้านขายของออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ที่แม้แต่คนที่ไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีมากนักก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการลงทุนเริ่มต้นก็นับว่าต่ำมาก เมื่อเทียบกับการเปิดร้านค้าแบบดั้งเดิมที่ต้องมีหน้าร้าน

อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน หลายคนเริ่มมองหาแหล่งรายได้เสริม หรือต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง เพื่อให้มีเสถียรภาพทางการเงินที่ดีขึ้น และมีเวลาให้กับตัวเองและครอบครัวมากกว่าการทำงานประจำ

สำรวจตัวเองก่อนเริ่มธุรกิจค้าขายของออนไลน์

ก่อนจะลงสนามการค้า การประเมินตัวเองอย่างตรงไปตรงมาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเริ่มจากการถามตัวเองว่า

1. “มีเงินทุนเท่าไหร่ที่พร้อมจะเสี่ยง”

ไม่ควรนำเงินในส่วนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือเงินฉุกเฉินมาลงทุนขายของออนไลน์ แต่ให้ใช้เงินที่แม้จะหายไปก็ไม่กระทบต่อการดำรงชีวิต

สำหรับมือใหม่ ทุนเริ่มต้นราว ๆ 5,000 - 20,000 บาท ก็ถือว่ามากเพียงพอแล้ว โดยเงินจำนวนนี้จะใช้สำหรับซื้อสินค้าล็อตแรก อุปกรณ์ถ่ายรูป วัสดุแพ็คของ และค่าโฆษณาอีกเล็กน้อย

2. เวลาในการทำธุรกิจ

ถัดมาคือเรื่องเวลา หากเป็นคนทำงานประจำที่อยากขายของออนไลน์ จำเป็นต้องพิจารณาว่า คุณมีเวลาว่างหลังเลิกงาน และวันหยุดรวมกันประมาณกี่ชั่วโมง เพียงพอต่อการให้ความสำคัญในการเดินหน้าทำธุรกิจหรือไม่ เพราะการขายของออนไลน์ต้องใช้เวลาในการถ่ายรูปสินค้า ตอบแชทลูกค้า แพ็คของ และจัดส่ง หากมีเวลาน้อย ก็ควรเลือกขายสินค้าที่ไม่ซับซ้อนเกินไป

3. จุดแข็งหรือความถนัดที่นำมาต่อยอดได้

ทุกคนมีความสามารถพิเศษที่แตกต่างกัน บางคนอาจถ่ายรูปสวย บางคนเขียนแคปชั่นเก่ง บางคนมีความรู้เฉพาะด้าน เช่น ความงาม สุขภาพ หรือเทคโนโลยี

ถ้าคุณชอบและมีความรู้เรื่องสกินแคร์ การขายของออนไลน์อย่างเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอาจเป็นทางเลือกที่ดี เพราะคุณสามารถให้คำแนะนำลูกค้าได้อย่างมั่นใจ หรือถ้าคุณเป็นคนรักสุขภาพ การขายอาหารเสริม หรืออุปกรณ์ออกกำลังกายก็น่าสนใจไม่น้อย

ความถนัดด้านการสื่อสารก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ถ้าคุณเป็นคนพูดเก่ง ชอบทำคอนเทนต์ การขายของออนไลน์ผ่าน Facebook Live หรือ TikTok ก็อาจเหมาะกับคุณ แต่ถ้าเป็นคนเงียบ ๆ การขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่เป็นการพูดคุยกับลูกค้าผ่านแชท หรือเพียงโพสต์รูปภาพเพื่อโฆษณาสินค้า ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่สบายใจกว่า

ขายของที่ชอบ vs ขายของที่คนต้องการ

หนึ่งในคำถามใหญ่ที่มือใหม่หลาย ๆ คนคาใจก็คือ ควรขายสินค้าที่ตัวเองชอบ หรือขายสินค้าที่รู้ว่าอย่างไรก็ขายดี คำตอบคือ ทั้งสองทางเลือกมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน

1. การขายสินค้าที่ชอบ

การขายสินค้าที่ชอบทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการทำงาน และมีความเข้าใจสินค้าอย่างลึกซึ้ง และสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างจริงใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจเจอปัญหาที่ว่า สิ่งที่เราชอบอาจไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นต้องการ หรือตลาดอาจมีขนาดเล็กเกินไป

2. ขายของที่คนต้องการ

ในทางตรงกันข้าม การขายสินค้าที่รู้ว่าคนต้องการ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า หรืออุปกรณ์ในบ้าน มีโอกาสขายได้เร็วกว่าและคล่องตัวกว่า แต่การแข่งขันในตลาดก็จะสูง และเราอาจไม่มีความรู้เพียงพอที่จะแนะนำลูกค้าได้ดีเท่าที่ควร
ทั้งนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือ การหาจุดตรงกลางระหว่างสองสิ่งนี้ โดยเลือกทั้งสินค้าที่เราพอใจและสนใจ แต่ก็ต้องมีคนต้องการด้วย

แหล่งหาสินค้า : ผลิตเอง สั่งจากจีน หรือ Dropship

การเลือกแหล่งสินค้าถือเป็นหนึ่งกระบวนการสำคัญในการเริ่มต้นเปิดธุรกิจค้าขายของออนไลน์ เพราะแหล่งสินค้ามีผลต่อต้นทุน กำไร รวมถึงเรื่องคุณภาพของสินค้าด้วย

  • ผลิตสินค้าเอง

การผลิตสินค้าเองเหมาะสำหรับผู้ที่มีทักษะเฉพาะ เช่น การทำขนมเค้ก เย็บผ้า หรือทำงานศิลปะ ซึ่งข้อดีคือ สินค้าของคุณจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ควบคุมคุณภาพได้ และสร้างกำไรได้สูง แต่ข้อเสียคือใช้เวลามาก และอาจขยายธุรกิจยาก

  • สั่งสินค้าจากจีน

การสั่งสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของประเทศจีน อาทิ Alibaba 1688 หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ จะให้ราคาต้นทุนต่ำ และมีสินค้าให้เลือกมากมาย แต่ข้อเสียคือจะต้องสั่งสินค้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งสิ่งนี้ก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงด้านคุณภาพ และการใช้เวลาในการจัดส่งนาน

  • Dropship

Dropship เป็นการขายสินค้าโดยไม่ต้องเก็บสต็อกสินค้าไว้ที่ตนเอง โดยเมื่อมีคนสั่งซื้อ ผู้ขายจึงค่อยไปสั่งสินค้าจากซัพพลายเออร์ให้ดำเนินการส่งตรงถึงลูกค้า ซึ่งข้อดีก็คือ ผู้ขายจะไม่ต้องลงทุนมาก ลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาของค้างสต็อก แต่ข้อเสียก็คือกำไรน้อย ควบคุมคุณภาพยาก และการจัดส่งอาจล่าช้าเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี สำหรับมือใหม่ที่มีแผนเริ่มต้นขายของออนไลน์ แนะนำให้เริ่มจากการ Dropship หรือซื้อสินค้าจำนวนน้อยมาขายก่อน เมื่อมั่นใจแล้วว่าจะสามารถตีตลาดลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายได้ จึงค่อยลงทุนเพิ่ม

เปิดช่องทางการขายของออนไลน์ยอดนิยม

ปัจจุบันมีช่องทางการขายยอดนิยม 5 ช่องทางด้วยกัน ดังนี้

1. Shopee

Shopee เป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ ขณะนี้ มีลูกค้าเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ทั้งยังมีระบบสนับสนุนผู้ขายดี มีโปรโมชั่นต่าง ๆ มากมาย แต่ขณะเดียวกัน การแข่งขันก็สูงมาก และจำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการขาย

2. Lazada

แพลตฟอร์ม Lazada เน้นการขายสินค้าคุณภาพดี กลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูง เหมาะกับสินค้าราคาแพงกว่า ซึ่งข้อกำหนดการขายก็จะเข้มงวดมากกว่า Shopee

3. Facebook

การค้าขายออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Facebook เหมาะกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เพราะสามารถเปิด Live พูดคุย สอดแทรกการขายของได้ มีกลุ่มลูกค้าเฉพาะ แต่การเข้าถึงลูกค้าใหม่กลับทำได้ยาก หากไม่จ่ายค่าโฆษณา

4. TikTok Shop

หนึ่งในช่องทางการขายของออนไลน์ที่กำลังมาแรงอย่างมาก เหมาะกับสินค้าที่สามารถโปรโมท หรือทำการโฆษณาในรูปแบบวิดีโอได้ หรือเป็นประเภทสินค้าที่น่าสนใจ สอดรับกับเทรนด์การตลาดในช่วงเวลานั้น ๆ เพราะมีโอกาสจะไวรัลสูง มีลูกค้าเห็นคลิปวิดีโอสินค้าจำนวนมาก ซึ่งยอดสั่งซื้อก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็จำเป็นต้องทำคอนเทนต์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษากระแสนั้นให้คงอยู่

5. Instagram

ช่องทาง Instagram เหมาะสำหรับการขายของออนไลน์สินค้าที่เน้นการโฆษณาด้วยภาพสวย ๆ เช่น เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ของตกแต่ง และอาหาร โดยลูกค้ามักเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาว

เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละช่องทางการขาย

สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มจากวางขายเพียง 1 - 2 ช่องทางก่อน เพื่อให้การดำเนินธุรกิจไม่กระจัดกระจายจนเกินไป และมีเวลาเพียงพอในการให้ความสำคัญกับทุก ๆ ช่องทาง โดยแนะนำให้เริ่มจากช่องทาง Shopee ก่อน เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่มีฐานลูกค้าเยอะ และมีระบบการซื้อขายของออนไลน์ที่ใช้งานง่าย จากนั้นจึงค่อยขยายไปแพลตฟอร์มอื่น ๆ อาทิ TikTok Shop,  Lazada, Facebook และInstagram

การมีหลายช่องทางจะช่วยกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ เพราะแต่ละช่องทางก็มีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน บางสินค้าอาจขายดีใน Shopee แต่อาจจะไม่ขายดีบน Facebook ดังนั้นการทดลอง และเก็บข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การตั้งราคาและคำนวณต้นทุน

การคำนวณต้นทุนที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานสำคัญของการทำธุรกิจ หลายคนมองแค่ราคาซื้อสินค้า แต่ลืมคำนวณค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ ซึ่งต้นทุนที่หมายถึงนั้น รวมไปถึงค่าจัดส่งจากซัพพลายเออร์ ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าจัดส่งให้ลูกค้า ค่าคอมมิชชั่นแพลตฟอร์ม ค่าโฆษณา และค่าแรงของตนเอง

ตัวอย่างการคำนวณ

หากซื้อสินค้ามาในราคา 100 บาท ค่าจัดส่งจากซัพพลายเออร์ 30 บาท ค่าแพ็คของ 10 บาท ค่าส่งให้ลูกค้า 40 บาท ค่าคอมมิชชั่น Shopee 5% และค่าโฆษณา 20 บาท

ถ้าขายในราคา 300 บาท ต้นทุนรวมจะเป็น 100+30+10+40+15+20 = 215 บาท กำไรจริงจะเหลือ 85 บาท หรือคิดเป็น 28% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

ตั้งราคาขายอย่างไรให้ดึงดูดใจลูกค้า

การตั้งราคาไม่ใช่แค่เอาต้นทุนมาบวกกำไรเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ ราคาคู่แข่ง ความพิเศษของสินค้า กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และกลยุทธ์การตลาด

หากเป็นสินค้าทั่วไปที่มีคู่แข่งเยอะ การตั้งราคาแข่งขันเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าเป็นสินค้าพิเศษ หรือมีจุดขายที่แตกต่าง ก็อาจสามารถตั้งราคาสูงกว่าได้

สำหรับเทคนิคการตั้งราคาที่หลายคนนิยมใช้เป็นแนวทางในร้านค้าของตนเอง คือ การตั้งราคาที่ลงท้ายด้วย 9 เช่น 299 บาท หรือ 599 บาท เพราะจะดูเหมือนว่าราคาถูกไม่ถึง 300 บาท และ 600 บาท หรือการเสนอแพ็คเกจ เช่น ซื้อ 2 ลด 50 บาท เป็นต้น แต่สิ่งสำคัญคือ ไม่ควรลดราคาบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว่าสินค้าไม่มีมูลค่า และจะรอสั่งสินค้าแค่ในช่วงลดราคาเท่านั้น

เทคนิคดึงดูดลูกค้าให้ซื้อสินค้า

การดึงดูดลูกค้าสำหรับการขายของออนไลน์มีทั้งหมด 3 เทคนิคหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่

1. การถ่ายรูปสินค้าให้สวย

รูปภาพสินค้าเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าจะเห็น และมีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากที่สุด รูปที่คมชัด สีสันสวยงาม และแสดงรายละเอียดสินค้าได้ชัดเจน จะช่วยเพิ่มโอกาสการขายของออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น โดยเทคนิคการถ่ายรูปสินค้าที่ดี จะเริ่มจากการใช้แสงธรรมชาติ เช่น ถ่ายใกล้หน้าต่าง หรือกลางแจ้งในเวลาที่แสงไม่แรงจนเกินไป หลีกเลี่ยงการใช้แฟลช เพราะจะทำให้รูปสว่างเกินไปและเกิดเงาในภาพ ในส่วนของพื้นหลังก็ควรจะเรียบง่าย ดูไม่รกตา อาจเลือกเป็นสีขาวหรือสีพาสเทลอ่อน ๆ และการถ่ายหลายมุม เช่น ด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง และเจาะจงที่รายละเอียดส่วนต่าง ๆ จะช่วยให้ลูกค้าเห็นสินค้าได้ครบถ้วน และลดข้อสงสัยในการสั่งซื้อ

2. การเขียนแคปชั่น และสร้างคอนเทนต์ให้น่าสนใจ

แคปชั่นที่ดีต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัย ได้แก่ ดึงดูดความสนใจ ให้ข้อมูล และจูงใจให้ซื้อ การเริ่มต้นด้วยคำถาม หรือประโยคที่กระตุ้นความสนใจ เช่น “เหนื่อยจากการหาครีมที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายใช่มั้ย” จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าติดตามมากขึ้น

การใช้ข้อมูลเฉพาะเจาะจง หรือการยกตัวอย่างลูกค้าที่ใช้จริง เช่น “คุณแม่วัย 35 ใช้แล้วหน้าใสขึ้นใน 2 สัปดาห์” จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า และการใช้อีโมจิอย่างเหมาะสม ก็มีส่วนช่วยให้ข้อความดูน่าอ่าน และไม่จืดชืด แต่ก็ไม่ควรใช้มากเกินไป จนดูไม่เป็นมืออาชีพ

3. รีวิวและความน่าเชื่อถือ

รีวิวจากลูกค้าจริงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจซื้อ ลูกค้าใหม่มักจะดูรีวิวก่อนสั่งซื้อเสมอ ดังนั้นการสร้างรีวิวที่ดีจึงสำคัญมาก โดยวิธีสร้างรีวิวในช่วงเริ่มต้น อาจทำได้โดยการให้ส่วนลดสำหรับลูกค้าที่ยินดีเขียนรีวิว การติดตามลูกค้าหลังจากได้รับสินค้าเพื่อถามความคิดเห็น หรือการสร้างความประทับใจด้วยบริการที่ดี

การตอบกลับรีวิว ทั้งดีและไม่ดี แสดงให้เห็นว่าเรามีความรับผิดชอบและใส่ใจลูกค้า สำหรับรีวิวที่ไม่ดี ควรตอบอย่างสุภาพ และเสนอแนวทางรับผิดชอบ

การจัดการหลังบ้าน : การแพ็คของ จัดส่ง และตอบลูกค้า

ระบบงานหลังบ้าน ก็มีความสำคัญไม่แพ้หน้าร้าน การแพ็คของที่ดีไม่เพียงแต่ปกป้องสินค้าจากความเสียหาย แต่ยังสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้อีกด้วย การแพ็คที่สวยงาม มีของแถมเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือแนบจดหมายขอบคุณในทุกการสั่งซื้อ จะทำให้ลูกค้าประทับใจและกลับมาซื้อซ้ำ

การเลือกบริษัทขนส่งที่เหมาะสม ต้องพิจารณาทั้งราคา ความเร็ว และความน่าเชื่อถือ สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าสูง ควรเลือกบริษัทที่มีการประกันภัย สำหรับสินค้าทั่วไป เน้นที่ราคาจัดส่งและความเร็วอาจสำคัญกว่าสำหรับการขายของออนไลน์

การตอบลูกค้าอย่างรวดเร็วและเป็นมิตร เป็นสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญมาก การตั้งข้อความตอบกลับอัตโนมัติสำหรับคำถามที่พบบ่อย จะช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมาก

การแพ็คของ จัดส่ง และตอบลูกค้า

การเก็บสต็อกสินค้าและบริหารเวลา

การจัดการสต็อกให้เหมาะสม ไม่มากเกินไปจนเงินทุนค้าง และไม่น้อยเกินไปจนขายไม่ทัน รวมถึงการจดบันทึกรายการสินค้าเข้า-ออก อย่างเป็นระบบ จะช่วยให้ผู้ขายทราบสถานะสินค้าได้ตลอดเวลา และเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ

การวางแผนเวลาการทำงานให้เป็นระบบ เช่น เวลาไหนสำหรับถ่ายรูปสินค้า เวลาไหนสำหรับตอบแชท หรือเวลาไหนสำหรับแพ็คของ จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการใช้เครื่องมือช่วย เช่น แอปจัดการสต็อก แอปพลิเคชันแชทบอท หรือระบบจัดการคำสั่งซื้อ จะช่วยลดภาระงานที่ต้องทำด้วยมือได้ในระดับหนึ่ง

เริ่มต้นจากธุรกิจเล็ก ๆ และทดลองลงสนามให้มาก

1. เริ่มจากสินค้าไม่กี่ชิ้นก่อน

การเริ่มต้นขายของออนไลน์ด้วยสินค้าหลากหลายประเภทอาจทำให้เกิดความสับสน และอาจบริหารจัดการได้ไม่ทั่วถึง ทางที่ดีควรเริ่มจากสินค้าเพียง 3 - 5 รายการ ที่มีความเชี่ยวชาญ และมั่นใจในคุณภาพ

การมีสินค้าน้อยประเภทในช่วงเริ่มต้น จะช่วยให้เราสามารถมุ่งความสนใจในการทำการตลาด เรียนรู้ความต้องการของลูกค้า และปรับปรุงคุณภาพการให้บริการให้ดีขึ้นได้มากกว่า และเมื่อจำนวนยอดขายดีขึ้นแล้ว จึงค่อยเพิ่มจำนวนประเภทสินค้า โดยอาจเลือกสินค้าที่เกี่ยวข้องหรือเสริมกับสินค้าเดิม เช่น หากขายครีมบำรุงผิวหน้า อาจเพิ่มโทนเนอร์หรือเซรั่มเข้ามาในภายหลัง

2. เก็บข้อมูลลูกค้าและการพัฒนาสินค้า

การเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบจะช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมการซื้อ ความชอบ และข้อเสนอแนะที่มีคุณค่าจากลูกค้า เช่น อายุ เพศ พื้นที่ ราคาสินค้าที่ซื้อบ่อย เวลาที่ซื้อ และผลิตภัณฑ์ที่สนใจ ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราปรับปรุงสินค้า กำหนดราคา และวางแผนการตลาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เช่น หากพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อในช่วงปลายเดือน ก็อาจจัดโปรโมชั่นในช่วงนั้น

การติดตามผลหลังการขาย เช่น ลูกค้าพึงพอใจหรือไม่ มีปัญหาอะไรบ้าง และต้องการสินค้าอะไรเพิ่มเติม จะช่วยให้เราพัฒนาธุรกิจไปในทิศทางที่ถูกต้อง และดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ

เพิ่มระบบการรับชำระเงินที่สร้างความสะดวกสบายให้กับร้านค้า

ในยุคปัจจุบัน ระบบชำระเงินที่หลากหลายและสะดวกสบายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขาย ผู้ซื้อส่วนใหญ่ชื่นชอบความสะดวกสบายในการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นเงินสด บัตรเครดิต การโอนผ่านแอปธนาคาร หรือ QR Code ก็ตาม

ธุรกิจที่มีทั้งหน้าร้านและออนไลน์

การมีระบบ POS (Point of Sale System) หรือ ระบบจัดการออร์เดอร์ ที่ครบครัน จะช่วยจัดการการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบที่ดีควรรองรับการชำระเงินหลากหลายช่องทาง บันทึกข้อมูลการขายอัตโนมัติ และสามารถเชื่อมต่อกับระบบสต็อกสินค้าได้

การเพิ่มช่องทาง QR Code Payment เช่น PromptPay, QR Pay สำหรับบัตรเครดิต จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า ขณะเดียวกันฝั่งผู้ขายก็จะได้รับเงินอย่างรวดเร็วด้วย

ธุรกิจขายออนไลน์

การขายออนไลน์ควรเปิดรับชำระเงินหลายช่องทาง เช่น โอนผ่านธนาคาร บัตรเครดิต/เดบิต และ E-Wallet ต่าง ๆ เพราะยิ่งมีตัวเลือกมาก ก็จะยิ่งตอบโจทย์ลูกค้าที่หลากหลาย ช่วยให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

ทั้งนี้ การมีระบบที่เชื่อถือได้และปลอดภัย จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ลดการยกเลิกคำสั่งซื้อ และเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อซ้ำ ระบบการชำระเงินที่ดีไม่เพียงแต่สะดวกสำหรับลูกค้า แต่ยังช่วยให้ผู้ขายของออนไลนบริหารกระแสเงินสดได้ดีขึ้นด้วย

การเลือกผู้ให้บริการระบบชำระเงิน ควรพิจารณาค่าธรรมเนียม ความปลอดภัย ความเร็วในการโอนเงิน และการสนับสนุนลูกค้า ผู้ให้บริการที่ดีควรมีระบบรายงานที่ชัดเจน และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว อาทิ บริษัท บัตรกรุงไทย จํากัด (มหาชน) หรือ บริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิต KTC

ร้านค้าสมัครรับบัตรเครดิตออนไลน์ กับ KTC

บริษัท บัตรกรุงไทย จํากัด (มหาชน) หรือ KTC มีบริการ Link Pay ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจออนไลน์โดยเฉพาะ ด้วยระบบที่ใช้งานง่าย กระบวนการสมัครที่ไม่ซับซ้อน และความปลอดภัยระดับมาตรฐานสากลที่ทั้งร้านค้าและลูกค้าสามารถมั่นใจได้ในทุกการทำธุรกรรม ซึ่งการใช้บริการ KTC Link Pay จะช่วยให้ร้านค้าขยายฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น เพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการระบบชำระเงิน เพราะทุกอย่างถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ

โดย KTC Link Pay คือบริการที่จะช่วยให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณสามารถรับชำระเงินโดยการสร้างลิงก์ หรือ QR Code และไม่ว่าคุณจะพูดคุยกับลูกค้าผ่าน TikTok, Facebook, Instagram หรือแพลตฟอร์มไหน ๆ ก็สามารถส่งลิงก์ชำระเงินให้ลูกค้าได้ทันที ทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด

อีกทั้งยังสามารถกำหนดอายุการใช้งานของลิงก์ได้สูงสุดถึง 72 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการนำลิงก์ไปใช้งานที่ไม่พึงประสงค์ ที่สำคัญคือทุกการทำธุรกรรมจะมีการยืนยันด้วยรหัส OTP เพื่อความปลอดภัยทั้งกับร้านค้าและลูกค้า

นอกจากนี้ KTC Link Pay ยังรองรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตจากเครือข่ายชั้นนำทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Visa, Mastercard, JCB และ UnionPay ทำให้ลูกค้าของคุณมีทางเลือกในการชำระเงินที่สะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเต็มจำนวนหรือการผ่อนชำระพิเศษกับบัตรเครดิต KTC

อยากขายของออนไลน์ เริ่มได้วันนี้ แค่เริ่มจากก้าวเล็ก ๆ

พ่อค้าแม่ขายมือใหม่หลาย ๆ คนมักจะรอให้ทุกอย่างพร้อมสมบูรณ์ก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจ แต่ความจริงแล้ว ไม่มีช่วงเวลาใดที่จะพร้อม 100% การเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการลงมือทำจริง และพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นด้วยใจที่พร้อมเรียนรู้ ไม่กลัวความผิดพลาด และพร้อมปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จในการขายของออนไลน์ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลลัพธ์ของการตั้งใจทำงานอย่างสม่ำเสมอ

การมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน การตั้งเป้าหมายที่สมเหตุสมผล และการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าต่อในทิศทางที่ถูกต้อง เพราะทุกธุรกิจใหญ่ ๆ ล้วนเริ่มต้นจากเล็ก ๆ ทั้งสิ้น การขายของออนไลน์ในวันนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนในอนาคต สิ่งที่ต้องทำคือเริ่มต้นวันนี้ เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และไม่หยุดพัฒนาตนเองและร้านค้าของคุณ

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโอกาสเริ่มต้นธุรกิจร้านค้า และกำลังมองหาแนวทางการรับชำระเงินออนไลน์ที่ครบครันและเชื่อถือได้ สมัคร KTC Merchant ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยการรวมเอาความง่าย ความปลอดภัย และความยืดหยุ่นไว้ในบริการเดียว พร้อมสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

ตอบรับทุกบริการ ชำระเงิน ด้วย KTC MERCHANT

สมัครออนไลน์ด้วยตนเอง

ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต
และบัตรกดเงินสด KTC PROUD

QR Code สมัครออนไลน์ด้วยตนเอง
สแกนเพื่อสมัครบัตร
ศึกษาเพิ่มเติม

สมัครออนไลน์
ด้วยตนเอง

ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต
และบัตรกดเงินสด
KTC PROUD

เริ่มสมัครเลย ศึกษาเพิ่มเติม

ลงชื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

ให้คำปรึกษา และอำนวยความสะดวก
ในการสมัครผลิตภัณฑ์ของ KTC

บัตรเครดิต KTC บัตรเครดิต KTC สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน บิ๊กไบค์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน บิ๊กไบค์
บัตรกดเงินสด KTC PROUD บัตรกดเงินสด KTC PROUD สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ KTC พี่เบิ้ม KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน รถยนต์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน มอเตอร์ไซค์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน มอเตอร์ไซค์
บัตรเครดิต KTC บัตรเครดิต KTC บัตรกดเงินสด KTC PROUD บัตรกดเงินสด KTC PROUD สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ KTC พี่เบิ้ม KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน รถยนต์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน บิ๊กไบค์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน บิ๊กไบค์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน มอเตอร์ไซค์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน มอเตอร์ไซค์

เกี่ยวกับเรา

  • วิสัยทัศน์ / พันธกิจ
  • ข้อมูลทั่วไป
  • โครงสร้างการถือหุ้นกลุ่มบริษัท
  • โครงสร้างองค์กร
  • คณะกรรมการ
  • คณะผู้บริหาร
  • เลขานุการบริษัท
  • หัวหน้างานกำกับดูแล และหัวหน้างานตรวจสอบภายใน
  • ผู้ควบคุมดูแลการทำบัญชี
  • นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
  • บทความ
  • สมัครงาน / ฝึกงาน

บริการลูกค้า

  • บริการออนไลน์
  • อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
  • คำนวณดอกเบี้ย / ค่าธรรมเนียม
  • ช่องทางการชำระเงิน
  • บริการหักค่าใช้จ่ายรายเดือนอัตโนมัติ
  • ดาวน์โหลด
  • ประกาศบริษัท
  • คำถามที่พบบ่อย
  • แผนผังเว็บไซต์

การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน

  • มิติเศรษฐกิจ
  • มิติสังคม
  • มิติสิ่งแวดล้อม
  • การควบคุมภายในและการบริหารจัดการความเสี่ยง
  • การรับรองมาตรฐานระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสําหรับสารสนเทศ (ISO/IEC 27001:2013)

นักลงทุนสัมพันธ์

  • ข้อมูลสำคัญทางการเงิน
  • ข้อมูลนำเสนอ
  • ข้อมูลสำหรับผู้ถือหุ้น
  • ข้อมูลและกิจกรรมหุ้นกู้
  • นโยบาย
  • ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์

KTC PHONE

02 123 5000
CAC Certified

ดาวน์โหลดแอป

KTC Mobile
KTC Mobile KTC Mobile KTC Mobile
KTC Facebook KTC Twitter KTC Instagram KTC LINE
© 2563 บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ติดตามข่าวสารได้ที่
KTC LINE KTC LINE KTC Facebook KTC Facebook KTC instagram KTC instagram KTC Youtube KTC Youtube KTC TikTok KTC TikTok KTC twitter KTC twitter

EN

TH

KTC LIVE CHAT

Live Chat

KTC LIVE CHAT
สมัครบัตรเครดิต KTC
สมัครกดเงินสด KTC PROUD
ทั้งหมด
โปรโมชั่น
ผลิตภัณฑ์
บทความ
ข่าวประชาสัมพันธ์
0 ผลลัพธ์
คุณกำลังหมายถึง?
    ดูเพิ่มเติม

    ไม่พบผลลัพธ์ที่ค้นหา

    ตรวจสอบคำค้นหาของคุณแล้วลองอีกครั้ง
    ลองค้นหาด้วยคำหลักที่น้อยลง
    ประวัตการค้นหา
    ไม่มีประวัตการค้นหา
    ลบทั้งหมด
    KTC
    ตัวกรองโปรโมชั่น
    หมวดหมู่โปรโมชั่น
    • เลือกทั้งหมด
    • ล้างทั้งหมด
    ประเภทบัตรทั้งหมด
    • เลือกทั้งหมด
    • ล้างทั้งหมด
    เลือกผลิตภัณฑ์

    บัตรเครดิต KTC

    บัตรกดเงินสด KTC PROUD

    สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH

    สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ <span>KTC พี่เบิ้ม</span>

    สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ KTC พี่เบิ้ม

    Filter

    ตัวกรอง

    Search
    www.ktc.co.th ไม่รองรับเบราว์เซอร์ Internet Explorer
    หากดำเนินการต่อ การใช้งานในบางเมนู/รายการอาจไม่สมบูรณ์

    สงวนสิทธิ์ © 2563 บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

    EN

    TH

    Live Chat