โลกหมุนเร็วพร้อมเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เช่นเดียวกัน การทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2025 ที่มีความหลากหลายและซับซ้อน จึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ การตลาดที่ตอบโจทย์ นอกจากปัจจัยพื้นฐาน เช่น ความต้องการสินค้าและบริการแล้ว ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันยังมีการใช้เทคโนโลยี และดิจิทัลแพลตฟอร์มในการตัดสินใจซื้อ หรือเลือกใช้บริการมากขึ้น ทำให้แนวทางการสื่อสาร และกลยุทธ์ทางธุรกิจต้องมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว หากธุรกิจใดสามารถเข้าใจ และปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันได้ ก็จะสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้ในระยะยาวได้
พฤติกรรมผู้บริโภค 2025 จะเน้นความสะดวกสบาย และการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น
พฤติกรรมผู้บริโภคมีกี่ประเภท ?
อินไซต์ผู้บริโภค: 4 กลุ่มพฤติกรรมหลักที่นักการตลาดต้องรู้
1.พฤติกรรมการซื้อแบบซับซ้อน (Complex buying behavior)
มักเกิดขึ้นเมื่อต้องการซื้อสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง ราคาแพง เป็นสิ่งที่ไม่ได้ซื้อบ่อย จึงต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด วิเคราะห์ข้อมูล สอบถามคนรอบข้าง และใช้เวลานานในการตัดสินใจซื้อ เช่น บ้าน คอนโดมีเนียม รถยนต์
2.พฤติกรรมการซื้อแบบลดความซับซ้อน (Dissonance-reducing buying behavior)
มักเกิดขึ้นเมื่อต้องการซื้อสินค้าที่มีราคาสูงเช่นเดียวกัน แต่จะรองลงมาจากประเภทแรก มีการหาข้อมูลสินค้า เปรียบเทียบสินค้าหลายๆ แบรนด์ก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ประกันสุขภาพ
3.พฤติกรรมการซื้อแบบเป็นปกตินิสัย (Habitual buying behavior)
เป็นการซื้อสินค้าที่เกิดขึ้นจากความคุ้นเคย โดยสินค้านั้นมีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อ เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค
4.พฤติกรรมการซื้อแบบแสวงหาความหลากหลาย (Variety seeking behavior)
เป็นการตัดสินใจซื้อเมื่อต้องการทดลองสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ในราคาไม่สูง เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ อาหาร ขนม เครื่องดื่ม
พฤติกรรมผู้บริโภคดิจิทัล 2025: เทรนด์ใหม่ โอกาสและความท้าทาย
พฤติกรรมผู้บริโภค 2025 มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ผู้บริโภคได้รับอิทธิพลจากการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้งานผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เติบโตขึ้นอย่างมาก ดังนั้นธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องปรับตัวตามดังนี้
1. Be More Personalized : ไม่ใช่แค่รู้จัก แต่ต้องรู้ใจ
พฤติกรรมผู้บริโภค 2025 มีความต้องการสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล โดยแบรนด์จำเป็นต้องทำให้ประสบการณ์การซื้อสินค้าหรือบริการของลูกค้าแต่ละคนมีความเฉพาะตัว เพราะผู้บริโภคต้องการความรู้สึกว่าแบรนด์ใส่ใจและเข้าใจในความชอบของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำสินค้าที่ตรงกับความชอบส่วนตัว การสร้างประสบการณ์การบริการที่เป็นส่วนตัว การแนะนำสินค้าที่คัดเฉพาะสิ่งที่น่าสนใจ โดยอ้างอิงจากประวัติการค้นหาในแอปพลิเคชันหรือประวัติการสั่งซื้อสินค้าครั้งก่อนๆ หรือแม้แต่การทำโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกค้าแบบส่วนตัว ด้วยการใช้ข้อมูลที่มีในระบบเพื่อเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการในเวลาที่เหมาะสม ฯลฯ เพราะหากผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์ใส่ใจและเข้าใจในความชอบของพวกเขา ผู้บริโภคก็จะรู้สึกพิเศษและเกิดความจงภักดีกับแบรนด์ได้
2.Sustainability is the new ‘Sexy’ : ปรับเพื่อความยั่งยืน
พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันมีการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยผู้บริโภคมักมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ สินค้าที่มาจากวัสดุทดแทน รวมถึงการสนับสนุนแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งในด้านการผลิต การเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยแบรนด์ที่สามารถทำให้ผู้บริโภครับรู้ได้ถึงความพยายามในการดูแลสิ่งแวดล้อมจะได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าเหล่านี้ ซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้
3.E-commerce : สร้างโอกาสทางธุรกิจที่ไม่รู้จบ
พฤติกรรมผู้บริโภค 2025 ที่เห็นได้ชัดก็คือ การซื้อสินค้าและบริการผ่าน ช่องทางออนไลน์ที่ได้กลายเป็นวิธีหลักไปแล้ว ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ได้ทุกที่ทุกเวลา
การช้อปออนไลน์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเลือกซื้อสินค้าที่ต้องการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเลือกดูสินค้า การเปรียบเทียบราคา ที่สามารถทำได้อย่างง่ายดายอีกด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการก็คือ การเลือกแพลตฟอร์มสำหรับการขายสินค้า หากมีเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของตนเองก็ต้องพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้
4.Social Media Influence: ตัวช่วยสำคัญให้ลูกค้า 'ซื้อ' ง่ายขึ้น
โซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องมือที่มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ ของผู้บริโภคในยุคนี้ไปแล้ว โดยผู้บริโภคมักจะค้นหาข้อมูลสินค้าและรีวิวสินค้าจากผู้ที่เคยซื้อหรือเคยใช้มาก่อน ผ่านโซเชียลมีเดียหรือแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook, Instagram, TikTo, Shopee, Lazada โดยเฉพาะการรีวิวจาก Influencer หรือผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์ที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อสินค้า
ทั้งนี้ การสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายและมีแชร์ประสบการณ์การซื้อ การใช้งานจริง สามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแบรนด์หลายๆ จึงแห่งหันมาใช้ Influencer Marketing เป็นเครื่องมือในการสร้างการรับรู้และผลักดันยอดขาย
5.The Power of CX: เมื่อ Customer Experience สำคัญกว่าที่คิด
ลูกค้าทุกคนต้องการประสบการณ์ที่ดีในการซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งไม่เพียงแค่การเลือกซื้อสินค้าที่ตรงใจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสบการณ์การบริการ ตั้งแต่การติดต่อสอบถาม การได้รับข้อมูลสินค้า ไปจนถึงบริการหลังการขายที่มีคุณภาพ การตอบสนองลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ และส่งผลต่อการกลับมาซื้อซ้ำในอนาคตอีกด้วย
นอกจากนี้ บรรยากาศในการช้อปทั้งในออนไลน์และออฟไลน์ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน การสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์ต้องให้ความสำคัญ เพราะถ้าลูกค้าได้รับความสุขจากประสบการณ์การซื้อสินค้า ก็จะกลายเป็นลูกค้าประจำ เกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจในแบรนด์ได้นั่นเอง
พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัลนี้ คาดหวังประสบการณ์ที่มีความพิเศษและตอบสนองความต้องการได้อย่างทันท่วงที การมีระบบบริหารจัดการ CRM และ Digital Loyalty Platformระบบสะสมคะแนน และระบบสมาชิกที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค สามารถให้สิทธิพิเศษและพริวิเลจที่หลากหลาย ตามความสนใจของลูกค้าได้ จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่ามีความคุ้มค่าและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของความต้องการได้อย่างทันที ดังนั้นการปรับตัวตามเทรนด์เหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ยังคงสามารถแข่งขันและเติบโตในตลาดได้
MAAI BY KTC ระบบบริหารจัดการ CRM และ Digital Loyalty Platform ที่มาพร้อมระบบจัดการคะแนน ระบบจัดการ e-Coupon และระบบจัดการข้อมูลสมาชิก ที่จะช่วยให้คุณนำข้อมูลลูกค้ามาต่อยอดทำการตลาดได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการมอบสิทธิพิเศษ โปรโมชั่นพิเศษที่ตรงตามความต้องการและความสนใจของลูกค้าในแต่คนได้
สำหรับธุรกิจใดที่สนใจบริการจาก MAAI BY KTC สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02 123 5678
MAAI BY KTC ตัวช่วยธุรกิจยุคใหม่ ง่าย ครบ จบในที่เดียว