ในการก่อสร้างบ้านหรืออาคาร สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การออกแบบก็คือการควบคุมงบประมาณ เพื่อป้องกันปัญหางบประมาณบานปลายและค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด การใช้ BOQ คือหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้การบริหารจัดการต้นทุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ BOQ ว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่องานก่อสร้าง และคำนวณอย่างไรให้แม่นยำมากที่สุด
BOQ คืออะไร
BOQ ย่อมาจากคำว่า Bill of Quantities ดังนั้น BOQ คือ เอกสารแสดงรายละเอียดปริมาณวัสดุและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง โดยจะระบุรายการวัสดุ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการก่อสร้างทั้งหมด ซึ่ง BOQ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ควบคุมงบประมาณ และช่วยให้เจ้าของโครงการสามารถวางแผนการใช้เงินในการก่อสร้างได้
BOQ กับ ปร.4 ต่างกันอย่างไร
แบบฟอร์ม ปร.4 คือ แบบฟอร์มแสดงรายการ ปริมาณงาน และราคา ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันกับ BOQ (Bill of Quantities) เพราะทั้งสองใช้ในการแสดงรายละเอียดปริมาณงานและราคาของงานก่อสร้าง แต่ BOQ มักใช้เป็นชื่อเรียกในงานภาคเอกชน ขณะที่ ปร.4 เป็นแบบฟอร์มทางราชการที่กำหนดมาโดยเฉพาะสำหรับการยื่นในโครงการภาครัฐ
ประโยชน์ของ BOQ
- ช่วยให้เจ้าของโครงการทราบต้นทุนก่อสร้างล่วงหน้า
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดงบประมาณก่อสร้างบานปลาย
- ใช้ในการตรวจงานและมาตรฐานวัสดุได้
- ใช้ในการเปรียบเทียบราคากลางของวัสดุและงานก่อสร้างอื่นๆ ได้
- ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบราคาจากผู้รับเหมาแต่ละรายได้ง่ายขึ้น
- ใช้เป็นหลักฐานสำหรับขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการก่อสร้าง
BOQ เหมาะสำหรับทั้งผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาในการตรวจสอบความถูกต้องของค่าใช้จ่าย
ใครเป็นคนออกใบ BOQ
โดยปกติแล้ว BOQ จะถูกจัดทำโดยสถาปนิก วิศวกร หรือบริษัทที่ปรึกษาด้านการก่อสร้าง เพื่อให้มั่นใจว่าเอกสารมีความถูกต้องและสามารถนำไปใช้งานได้จริง อย่างไรก็ตาม ผู้รับเหมาบางรายก็สามารถจัดทำ BOQ ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของโครงการ
การถอด BOQ คืออะไร
การถอด BOQ คือ กระบวนการแยกแยะและคำนวณปริมาณวัสดุ อุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างตามแบบแปลนและข้อกำหนดของโครงการ โดยการถอด BOQ จะช่วยให้ทราบรายละเอียดต้นทุนที่แม่นยำขึ้น ลดความเสี่ยงของงบประมาณบานปลาย และช่วยให้เจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการสามารถวางแผนการเงินล่วงหน้าได้
BOQ มีความสำคัญต่อการสร้างบ้าน หรืองานก่อสร้างอย่างไร
BOQ คือเอกสารที่มีความสำคัญอย่างมากในการสร้างบ้านหรืองานก่อสร้าง เนื่องจากช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้
ช่วยควบคุมงบประมาณ
การจัดทำ BOQ ช่วยทำให้เจ้าของโครงการสามารถทราบล่วงหน้าว่าค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ แม้ว่าอาจไม่ใช่ตัวเลขสุทธิ แต่ก็ทำให้สามารถวางแผนการเงินล่วงหน้าได้
ลดปัญหาการขาดงบประมาณ
BOQ จะทำให้ทราบถึงปริมาณงานและราคาที่ต้องใช้จริงๆ จึงช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาการขาดงบประมาณระหว่างการดำเนินงาน ที่อาจทำให้โครงการต้องหยุดชะงักหรือไม่สามารถเสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดเวลา
ช่วยในการเจรจากับผู้รับเหมา
BOQ เป็นเอกสารที่แสดงรายละเอียดการคำนวณค่าใช้จ่ายและปริมาณงานที่ชัดเจน เจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการเปรียบเทียบราคาและเจรจากับผู้รับเหมาได้ และช่วยให้สามารถต่อรองราคา หรือขอปรับแก้ไขงบประมาณได้ตามความเหมาะสม
ใช้เป็นเอกสารอ้างอิงในการเบิกจ่ายเงินกู้
หากเจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการต้องการขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการก่อสร้าง BOQ จะเป็นเอกสารสำคัญที่ธนาคารใช้ในการประเมินและอนุมัติเงินกู้ โดยสามารถใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงในการเบิกจ่ายเงินกู้ เพื่อให้แน่ใจว่าการก่อสร้างจะเป็นไปตามแผนและไม่เกินงบประมาณที่กำหนด
BOQ คำนวณอย่างไร
การคำนวณ BOQ เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญ โดยมีรายละเอียดขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
-
แบ่งหมวดหมู่งาน
การคำนวณ BOQ เริ่มต้นด้วยการแบ่งงานออกเป็นหมวดหมู่หลักๆ เช่น งานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม งานไฟฟ้า งานประปา และหมวดหมู่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการทั้งหมด เพื่อให้สามารถคำนวณรายละเอียดได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
-
วัดขนาดพื้นที่เพื่อกำหนดปริมาณวัสดุที่ต้องใช้
วัดขนาดพื้นที่จากหน้างานจริงหรือคำนวณจากแบบแปลน เพื่อคำนวณปริมาณวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง เช่น จำนวนคิวปูนที่จะใช้ ปริมาณเหล็กที่ต้องใช้ จำนวนกระเบื้องที่ต้องปู จำนวนท่อที่จะใช้ในงานประปา
-
กำหนดราคาต่อหน่วย
หลังจากได้ปริมาณวัสดุแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการกำหนดราคาต่อหน่วย ซึ่งราคานี้อาจได้มาจากการสำรวจราคาตลาดหรือราคาที่ผู้รับเหมาประเมิน โดยราคานี้จะคำนวณจากต้นทุนจริงของวัสดุนั้นๆ เช่น ราคาปูนต่อคิว ราคาของเหล็กต่อตัน ราคากระเบื้องต่อแผ่น หรือราคาวัสดุอื่นๆ ที่ใช้ในการก่อสร้าง
-
คำนวณต้นทุนรวม
เมื่อได้ปริมาณวัสดุและราคาต่อหน่วยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการคำนวณต้นทุนรวม โดยนำ ปริมาณวัสดุ x ราคาต่อหน่วย = ราคาวัสดุที่ต้องใช้ เช่น หากใช้ปูน 10 คิว และราคาปูนคิวละ 1,000 บาท ต้นทุนสำหรับปูนก็จะเป็น 10,000 บาท ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เห็นต้นทุนรวมของวัสดุทุกชนิดในการก่อสร้าง
-
รวมค่าแรงและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
นอกจากต้นทุนวัสดุแล้ว ค่าจ้างแรงงานและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ต้องคำนวณรวมเข้าไปด้วย เช่น ค่าจ้างผู้รับเหมา ค่าขนส่งวัสดุ ค่าใช้จ่ายในการจัดการอื่นๆ ซึ่งการคำนวณค่าแรงจะต้องคำนึงถึงจำนวนชั่วโมงงานและอัตราค่าจ้างแรงงานต่อชั่วโมง หรืออัตราค่าจ้างรวมสำหรับงานทั้งโครงการ โดยผู้รับเหมาแต่ละรายก็จะคิดค่าแรงไม่เท่ากัน อีกทั้งไม่มีราคามาตรฐานด้วย แต่โดยส่วนใหญ่จะประมาณนี้
- งานขนาดเล็กหรืองานง่าย: ราคาไม่เกิน 50 บาทต่อหน่วย
- งานขนาดปานกลางหรืองานทั่วไป : ราคาไม่เกิน 120 บาทต่อหน่วย
- งานขนาดใหญ่หรืองานยาก : ราคาไม่เกิน 500 - 1,000 บาทต่อหน่วย
ข้อดีของการทำ BOQ
การจัดทำ BOQ เป็นขั้นตอนสำคัญในงานก่อสร้างที่ช่วยให้เจ้าของโครงการและผู้รับเหมาเข้าใจรายละเอียดของต้นทุนทั้งหมดของโครงการ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเสร็จสมบูรณ์ โดย BOQ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้การคำนวณต้นทุนชัดเจนขึ้น แต่ยังมีข้อดีที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานก่อสร้างให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เช่น
ช่วยลดต้นทุนส่วนเกิน
การทำ BOQ ช่วยให้เราสามารถคำนวณต้นทุนที่แน่นอนได้ก่อนการเริ่มงานก่อสร้าง โดยการคำนวณนี้จะครอบคลุมทั้งวัสดุและค่าแรงที่ต้องใช้ ซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมของต้นทุนทั้งหมดอย่างชัดเจนก่อนที่จะเริ่มดำเนินการจริง โดยการทราบต้นทุนที่แม่นยำนั้นจะช่วยให้เราสามารถปรับแผนการเงินได้ตามความเหมาะสมและหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้
ช่วยทำให้การจ่ายเงินมีระบบ
BOQ ช่วยทำให้การจ่ายเงินเป็นระบบมากขึ้น เพราะมีการกำหนดแบ่งจ่ายตามความคืบหน้าของโครงการตามที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ซึ่งทำให้ทั้งเจ้าของโครงการและผู้รับเหมามีความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับสถานะของโครงการ และช่วยป้องกันการจ่ายเงินล่วงหน้าหรือการจ่ายเกินงบประมาณที่ตั้งไว้
ช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน
BOQ ช่วยสร้างความโปร่งใสในกระบวนการก่อสร้าง เนื่องจากการกำหนดราคาต่อหน่วยและการคำนวณต้นทุนทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ชัดเจน ซึ่งช่วยลดโอกาสในการโกงหรือการตีราคาวัสดุและค่าแรงที่ไม่เป็นธรรม โดยเจ้าของโครงการสามารถตรวจสอบได้ว่าราคาที่ผู้รับเหมาตีหรือเสนอมีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร
ช่วยให้การก่อสร้างเสร็จตรงตามแผนที่วางไว้
เมื่อมีการจัดทำ BOQ และกำหนดงบประมาณอย่างละเอียด เจ้าของโครงการจะสามารถติดตามความคืบหน้าของงานได้ง่ายขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าโครงการจะเสร็จตามกำหนดเวลา โดยไม่ต้องเผชิญกับปัญหางบประมาณบานปลาย หรือการเบิกจ่ายที่ไม่ตรงตามแผนที่วางไว้
การทำ BOQ จึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบริหารโครงการก่อสร้าง ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงาน พร้อมทั้งช่วยให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความโปร่งใส
หากคุณกำลังวางแผนสร้างบ้าน ซ่อมแซมบ้าน หรือตกแต่งบ้าน และต้องการความสะดวกในการจัดการงบประมาณและการชำระเงิน บัตรเครดิต KTC คือหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นใช้ชำระค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าติดตั้งโซลาร์เซลล์ ค่าเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ
หากสนใจสามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านออนไลน์ได้ง่ายๆ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสะดวกในการจัดการการเงินและการใช้จ่ายต่างๆ พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมายจากบัตรเครดิต
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC
แหล่งข้อมูลอ้างอิงที่นำมาใช้
- https://www.ddproperty.com/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2/boq-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%93-15166
- https://fis.rmutr.ac.th/wp-content/uploads/2013/02/rmutr_fis_circular306.pdf
- http://www.tatc.ac.th/external_newsblog.php?links=4597
- https://invent.skru.ac.th/legal/boq.pdf