คนมีรถคงเคยได้ยินคำว่า “ค่าเสื่อมราคารถยนต์”กันมาบ้างใช่ไหมครับ แต่เคยสงสัยไหมว่า ค่าเสื่อมราคาที่ว่ามันคืออะไร แล้วมันมีผลยังไงกับชีวิตเรา โดยเฉพาะถ้าเราคิดจะขายรถ หรือเอารถไปใช้งานทางการเงิน?
วันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจเรื่อง ค่าเสื่อมราคารถยนต์แบบง่าย ๆ พร้อมสอนวิธีคำนวณคร่าว ๆ ที่คุณทำได้เอง ไม่ต้องใช้สูตรอะไรให้ยุ่งยากเลย
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ค่าเสื่อมราคารถยนต์ คืออะไร?
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า รถยนต์เป็นทรัพย์สินที่ “ลดมูลค่า” ตามกาลเวลา ไม่ว่าจะใช้มากหรือน้อยก็ตาม การที่มูลค่าลดลงเรื่อย ๆ แบบนี้เรียกว่าค่า “เสื่อมราคา” หรือ Depreciationนั่นเอง
ค่าเสื่อมราคาสำคัญอย่างไร?
- มีผลตอนขายรถหรือแลกรถมือสอง
- ใช้เป็นข้อมูลวิเคราะห์ต้นทุนถ้าเอารถไปทำธุรกิจ
- ส่งผลต่อวงเงินสินเชื่อที่เอารถไปค้ำประกัน เช่น รถแลกเงิน
วิธีคำนวณค่าเสื่อมราคารถยนต์เบื้องต้น
โดยทั่วไปค่าเสื่อมราคารถยนต์จะคำนวณจากราคาซื้อ - ราคาปัจจุบัน โดยพิจารณาจากอายุรถและสภาพการใช้งาน
สูตรง่าย ๆ ที่ใช้กันทั่วไป
ค่าเสื่อม = ราคาซื้อ x อัตราเสื่อมต่อปี x จำนวนปีที่ใช้
ตัวอย่าง
ซื้อรถมาในราคา 800,000 บาท
รถมีอัตราเสื่อมเฉลี่ยประมาณ 15% ต่อปี
ใช้มาแล้ว 3 ปี
ค่าเสื่อม = 800,000 x 15% x 3 = 360,000 บาท
ดังนั้นมูลค่ารถเหลือประมาณ 440,000 บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าเสื่อมราคารถยนต์
1. ยี่ห้อและรุ่นของรถ
รถบางยี่ห้อ เช่น Toyota หรือ Honda มีราคามือสองดีกว่า เพราะตลาดต้องการสูง
2. อายุการใช้งาน
ยิ่งเก่ามูลค่ายิ่งลด โดยเฉพาะ 3 ปีแรกจะเสื่อมเยอะที่สุด
3. ระยะทางการใช้งาน
รถที่วิ่งเยอะมักจะมีราคาขายต่อถูกลง เพราะมีโอกาสซ่อมแซมเยอะ
4. ประวัติการชนหรืออุบัติเหตุ
มีประวัติชนหนัก ราคาจะตกทันที แม้สภาพจะดูดีแค่ไหนก็ตาม
5. การดูแลรักษา
รถที่ดูแลดี เปลี่ยนของเหลวตรงเวลา มักมีราคาดีกว่าแน่นอน
รถใหม่ ค่าเสื่อมเร็วแค่ไหน?
หลายคนไม่รู้ว่า รถใหม่ ค่าเสื่อมปีแรกอาจพุ่งสูงถึง 20-30%เลยทีเดียว! เพราะแค่ขับออกจากโชว์รูม ราคาก็ร่วงลงทันที
- ปีแรก: เสื่อมเฉลี่ย 20-30%
- ปีที่ 2-5: เฉลี่ย 10-15% ต่อปี
- หลังปีที่ 5: ชะลอตัวลง แต่ยังเสื่อมอยู่เรื่อย ๆ
ทำอย่างไรให้รถเสื่อมราคาน้อยที่สุด?
- หมั่นล้างรถและดูแลภายนอกให้สะอาด
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและของเหลวตามระยะ
- อย่าดัดแปลงรถหรือแต่งรถมากเกินไป
- เก็บสมุดรับประกันและประวัติการซ่อมไว้ครบถ้วน
- พยายามอย่ามีประวัติการชนหรือซ่อมหนัก
ค่าเสื่อมราคากับการขายรถหรือใช้ขอสินเชื่อ
ค่าเสื่อมราคาช่วยให้เราประเมินมูลค่าปัจจุบันของรถได้ ซึ่งมีประโยชน์มากใน 2 เรื่อง
1. ตอนขายรถ
จะช่วยให้ไม่ตั้งราคาสูงเกินจริง และเข้าใจว่าทำไมเต็นท์รถถึงตีราคาน้อยกว่าที่คาด
2. ตอนขอสินเชื่อรถแลกเงิน
ถ้ารู้มูลค่าปัจจุบัน ก็จะคำนวณได้ว่าควรได้วงเงินประมาณเท่าไหร่
หากคนมีรถต้องการเงินด่วน KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ช่วยได้
รถยนต์ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่ยังใช้เป็นเครื่องมือทางการเงินได้อีกด้วย หากคุณเข้าใจ “ค่าเสื่อมราคารถยนต์”คุณจะรู้ว่ารถที่คุณมีอยู่นั้น ยังสามารถสร้างมูลค่าต่อได้ในวันที่เงินขาดมือ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ช่วยคุณได้ด้วยบริการสินเชื่อวงเงินสูงสุด 100% ไม่ว่าจะเป็นรถปลอดภาระหรือยังผ่อนอยู่ ก็สมัครง่ายได้ทุกอาชีพ อีกทั้งยังมีบริการ พี่เบิ้ม Delivery ไปทำรายการให้ถึงหน้าบ้าน อนุมัติไวใน 1 ชม. รับเงินก้อนได้ทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน และผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน โดยสามารถเลือกรับบัตรกดเงินสด KTC พี่เบิ้ม ไว้ใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินได้อย่างอุ่นใจ หากไม่มีการกดใช้ก็ไม่เสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด
กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร
เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
*วงเงินอนุมัติเป็นไปตามความสามารถในการชำระหนี้และราคาประเมินมูลค่ารถ
*อนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที เมื่อเอกสารครบถ้วนถูกต้องและโอนเงินเข้าบัญชีกรุงไทยหรือบัญชีพร้อมเพย์
*กรณีรถยนต์ติดไฟแนนซ์ อนุมัติและโอนเงินหลังจากกรรมสิทธิ์ในรถเป็นชื่อผู้กู้เรียบร้อยแล้ว
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21%-24% ต่อปี