เมื่อพูดถึงระบบช่วงล่างรถยนต์ หลายคนน่าจะนึกถึงความนุ่มนวลในการขับขี่เป็นหลัก แต่เมื่อถามว่าระบบช่วงล่างรถยนต์มีอะไรบ้าง คนส่วนใหญ่น่าจะตอบกันไม่ถูก และอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาการช่วงล่างพังมีเสียงแบบไหน และมาจากอะไหล่ชิ้นส่วนไหนบ้าง เดี๋ยววันนี้ KTC เราจะมาอธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ ให้ทุกคนฟังกันเอง
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ระบบช่วงล่างรถยนต์ คืออะไร
ระบบช่วงล่างรถยนต์ คือ ส่วนประกอบทั้งหมดที่อยู่ใต้ตัวถังรถยนต์ ซึ่งทำหน้าที่รองรับน้ำหนักของตัวรถ และเชื่อมต่อระหว่างตัวถังกับล้อรถ จึงทำให้ระบบช่วงล่างมีความสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัย และความสบายในการขับขี่ โดยหน้าที่หลัก ๆ ของระบบช่วงล่างรถยนต์ ได้แก่
ช่วยรองรับน้ำหนักตัวรถ
หน้าที่แรกที่ระบบช่วงล่างทำก็คือ รับน้ำหนักทั้งหมดของตัวรถ ด้วยการกระจายน้ำหนักลงสู่ล้อทั้งสี่อย่างสมดุล จึงช่วยให้รถสามารถทรงตัวได้ดีบนถนน ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางโค้ง โดยเฉพาะตอนที่ต้องบรรทุกสัมภาระ หรือผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก
ช่วยรองรับแรงสั่นสะเทือน
เมื่อรถวิ่งบนถนนที่ขรุขระ หรือเป็นหลุมเป็นบ่อ ระบบช่วงล่างจะทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทก และลดแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น จึงช่วยให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารเกิดอาการเมื่อยล้าน้อยลง โดยไม่รู้สึกถึงความไม่เรียบของพื้นผิวถนนมากนัก นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องชิ้นส่วน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของรถจากแรงกระแทก ทำให้รถมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นด้วย
ช่วยในการทรงตัวของรถ
ระบบช่วงล่างมีส่วนสำคัญในการควบคุมการทรงตัวของรถ โดยเฉพาะในขณะเข้าโค้ง เร่ง หรือเบรก ช่วยให้ล้อทั้งสี่สัมผัสกับพื้นถนนได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าสภาพถนนจะเป็นแบบไหน จึงช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการลื่นไถลหรือพลิกคว่ำได้มากขึ้น
ช่วงล่างรถยนต์ มีอะไรบ้าง
ระบบช่วงล่างรถยนต์จะประกอบด้วยชิ้นส่วนหลายอย่าง ที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้รถวิ่งได้อย่างนุ่มนวล และปลอดภัยมากขึ้น หรือที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินว่าช่วงล่างแน่น ขับแล้วรู้สึกมั่นใจมากขึ้นนั่นเอง โดยชิ้นส่วนหลัก ๆ ของช่วงล่าง จะมีดังนี้
- โช้คอัพ (Shock Absorber) : ทำหน้าที่ดูดซับแรงสั่นสะเทือน และควบคุมการเคลื่อนไหวของสปริง
- สปริง (Spring) : รับน้ำหนักของตัวรถ และช่วยให้รถกลับสู่ระดับปกติหลังจากผ่านพื้นที่ขรุขระ
- ปีกนกหรือคันชัก (Control Arm) : เชื่อมต่อระหว่างโครงรถกับชุดล้อ ควบคุมการเคลื่อนที่ของล้อในแนวตั้ง
- ลูกหมาก (Ball Joint) : ช่วยให้ล้อหน้าสามารถหมุนและเลี้ยวได้
- เหล็กกันโคลง (Stabilizer Bar) : ลดการเอียงของตัวรถขณะเข้าโค้ง
- บูชยาง (Bushing) : ลดการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนระหว่างชิ้นส่วนโลหะ
- ยางรองแท่นเครื่อง (Anti-Vibration Mounts) : ลดแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์สู่ตัวถังรถ
- ชุดเพลาขับ (Drive Shaft) : ส่งกำลังจากเกียร์ไปยังล้อ
ช่วงล่างรถยนต์ มีกี่แบบ
ช่วงล่างรถยนต์นั้นมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งแต่ละแบบจะมีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันไป การเลือกใช้จึงขึ้นอยู่กับประเภทของรถ วัตถุประสงค์การใช้งาน และงบประมาณเป็นหลัก โดยช่วงล่างแต่ละประเภทจะแตกต่างกัน ดังนี้
ช่วงล่างรถยนต์แบบตายตัว
ช่วงล่างแบบนี้มักพบในรถกระบะ หรือรถบรรทุก เพราะเป็นระบบที่แข็งแรงทนทาน รองรับน้ำหนักได้มาก แต่อาจให้ความนุ่มนวลในการขับขี่น้อยกว่าแบบอื่น ซึ่งข้อดีคือซ่อมบำรุงง่าย ราคาไม่แพง เหมาะกับการใช้งานหนัก แต่อาจไม่เหมาะกับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความนุ่มนวลสูง
ช่วงล่างรถยนต์แบบอิสระ
ช่วงล่างแบบอิสระพบได้ในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั่วไป ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่สูง ควบคุมรถได้แม่นยำ โดยเฉพาะเมื่อเข้าโค้ง หรือขับบนถนนขรุขระ เพราะล้อทั้ง 4 ล้อจะแยกกันทำงานอย่างอิสระ จึงไม่เกิดแรงกระแทกส่งไปยังล้ออื่น ๆ แต่ก็จะมีค่าซ่อมบำรุงที่แพงกว่าจากความซับซ้อนเช่นกัน
ช่วงล่างรถยนต์กึ่งอิสระ
ช่วงล่างแบบนี้เป็นการผสมผสานระหว่างแบบตายตัวและแบบอิสระ ที่มักใช้กับล้อหลังของรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า จึงให้ความนุ่มนวล และมีเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีพอสมควร โดยมีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อนมาก จึงทำให้มีน้ำหนักเบา ประหยัดต้นทุนการผลิต อีกทั้งยังประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งด้วย จึงเป็นที่นิยมในรถยนต์ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
อาการช่วงล่างรถยนต์มีปัญหา เป็นอย่างไร
การสังเกตอาการผิดปกติของช่วงล่างรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากปล่อยไว้นานอาจส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ และทำให้เสียค่าซ่อมแพงขึ้นในภายหลังด้วย โดยอาการที่บ่งชี้ว่าช่วงล่างรถยนต์มีปัญหา มีดังนี้
- รถโยก หรือกระดอนมากเกินไปเมื่อขับผ่านพื้นที่ขรุขระ
- มีเสียงดังผิดปกติจากใต้ท้องรถ เช่น เสียงดังกุกกัก เสียงโครม หรือเสียงเอี๊ยด
- พวงมาลัยสั่นผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็วสูง
- รถเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป
- ยางสึกไม่เท่ากัน หรือสึกเร็วผิดปกติ
- รถดึงไปด้านใดด้านหนึ่งขณะขับ
- ระยะการเบรกยาวขึ้นกว่าปกติ
- น้ำมันรั่วซึมบริเวณโช้คอัพ
สรุปบทความ ระบบช่วงล่างรถยนต์ มีอะไรบ้าง ทำไมถึงสำคัญ
ทุกคนน่าจะเห็นได้ว่า ระบบช่วงล่างรถยนต์นั้นซับซ้อนกว่าที่เราคิด และมีความสำคัญอย่างมากในเรื่องของการขับขี่ จึงเป็นอะไรที่ละเลยไม่ได้เด็ดขาดในการหมั่นตรวจเช็ก หรือคอยสังเกตอาการเมื่อมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นกับรถเรา เพราะอาจส่งผลต่อด้านความปลอดภัยในการใช้รถได้ ส่วนใครที่กำลังประสบปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงิน และจำเป็นต้องใช้เงินก้อน KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน อาจเป็นทางออกสำหรับคุณ เพราะเรามีวงเงินก้อนใหญ่ สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังมีบริการ พี่เบิ้ม Delivery ในการเดินทางไปประเมินสภาพรถถึงหน้าบ้าน ที่สำคัญยังอนุมัติไว รับเงินก้อนได้ทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน และผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน โดยสามารถเลือกรับบัตรกดเงินสด KTC พี่เบิ้มไว้ใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินได้อย่างอุ่นใจ หากไม่กดใช้ก็ไม่เสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด*
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21%-24% ต่อปี*