แจกเทคนิคเลี้ยงแมว เลี้ยงอย่างไรให้เจ้าเหมียวมีความสุข
เจ้าของแมวหลาย ๆ คนคงมีความเห็นตรงกันว่าเลี้ยงแมวแล้วมีข้อดีมากมาย เพราะด้วยนิสัยที่ขี้เล่นของแมวจึงช่วยเป็นคลายเหงา บรรเทาความเครียด และทำให้เรามีความสุขได้ ในปัจจุบันการเลี้ยงแมวจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเมื่อน้องแมวมีคุณค่าต่อเรามากมาย เราจึงต้องดูแลเจ้าเหมียวให้ดีเช่นกัน เพื่อให้เหล่าเจ้านายมีความสุข และอยู่กับเราไปได้นาน ๆ
บทความนี้ได้รวบรวมเคล็ดลับต่าง ๆ ที่ช่วยให้คุณเลี้ยงเจ้าเหมียวได้อย่างมีความสุขมาไว้ให้แล้ว จะมีวิธีไหนบ้าง ไปดูกัน
เลือกอ่านตามหัวข้อ
7 เทคนิคเลี้ยงแมว เพิ่มความสุขให้เจ้านายประจำบ้าน
หากใครกำลังวางแผนเลี้ยงแมวอยู่คงต้องศึกษาหาข้อมูลกันพอสมควร เนื่องจากสายพันธุ์แมวนั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแมวไทยอย่าง แมวสลิด แมวไทยสีส้ม แมวไทยขาวมณี รวมถึงแมวไทยมงคลอื่น ๆ และแมวต่างประเทศ เช่น แมวเมนคูน แมวมันช์กิ้น แมวบริติชช็อตแฮร์ แมวสก็อตติชโฟลด์ เป็นต้น ซึ่งแมวพันธุ์เหล่านี้ล้วนมีลักษณะนิสัยเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป
แม้ว่าน้องแมวจะมีหลากหลายสายพันธุ์และมีนิสัยแตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้วก็ยังคงเป็นสัตว์รักอิสระ และมักจะใช้เวลาอยู่กับตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเจ้าเหมียวไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่แต่อย่างใด คนที่เลี้ยงแมวควรดูแลและใส่ใจให้เหล่าเจ้านายมีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ ยิ่งกับการเลี้ยงแมวระบบปิด เช่น การเลี้ยงแมวในคอนโด ที่มีข้อจำกัดทั้งในด้านพื้นที่และสภาพแวดล้อมแล้ว คุณยิ่งต้องทำให้แมวมีความสุขเพื่อสุขภาพจิตที่ดี ซึ่งในวันนี้เราได้รวบรวม 7 วิธีเลี้ยงแมวดี ๆ ให้น้องแมวมีความสุขและสุขภาพดีมาฝากทุกคนกัน
1. หมั่นพาไปหาสัตวแพทย์เป็นประจำสม่ำเสมอ
เริ่มที่เทคนิคเลี้ยงแมวให้มีความสุขเทคนิคแรกที่ทาสแมวควรให้ความสำคัญ คือ การหมั่นพาแมวไปหาสัตวแพทย์เป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าน้องแมวจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และเพื่อไม่ให้พลาดความผิดปกติหรือสัญญาณเตือนโรคร้ายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเจ้าเหมียวได้ เช่น แมวขนร่วงเป็นหย่อม ๆ แมวเป็นเชื้อรา แมวจมูกซีด แมวน้ำลายไหลซึม แมวตาอักเสบ แมวซึมเศร้า หรืออาการอื่น ๆ ที่คุณอาจมองข้ามไปนั่นเอง
หากคุณกำลังมองหาโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกเพื่อพาเจ้าเหมียวไปตรวจสุขภาพ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ : โรงพยาบาลสัตว์ในกรุงเทพ หรือ คลินิกแมว ใกล้ฉัน
2. เตรียมมุมสงบไว้ให้ได้พักผ่อน
นอกจากการพาเหล่าเจ้านายไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำแล้ว เทคนิคเลี้ยงแมวต่อมาคือ การเตรียมมุมสงบไว้ให้เจ้าเหมียวได้พักผ่อน โดยอาจจะเริ่มจากการจัดเตรียมพื้นที่โล่ง ๆ ที่เป็นมุมอันเงียบสงบ เช่น บริเวณใต้ตู้ ใต้เตียง หลังโซฟา หรืออาจนำกล่องลังมาวางไว้แล้วปูทับด้วยที่นอนแมวหรือผ้าห่มนุ่ม ๆ ก็จะช่วยให้เจ้าเหมียวรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังรู้สึกได้รับความรักและความเคารพจากคุณไปพร้อม ๆ กัน เพราะเจ้าเหมียวบางตัวก็มีนิสัยชื่นชอบความสงบ และต้องการความเป็นส่วนตัวนั่นเอง
3. ให้อาหารถูกหลักโภชนาการและมีปริมาณที่เหมาะสม
การให้อาหารถูกหลักโภชนาการและมีปริมาณที่เหมาะสม ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทาสแมวควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก คุณควรให้อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนตรงตามความต้องการของแมวแต่ละช่วงวัย ส่วนเรื่องปริมาณอาหารนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน สำหรับเจ้าเหมียวอายุ 4 เดือน คุณอาจแบ่งการให้อาหารเป็น 3 มื้อต่อวัน แต่เมื่อมีอายุมากกว่า 4 เดือนขึ้นไป อาจลดลงเป็น 2 มื้อต่อวันได้ ทั้งนี้ควรปรึกษาสัตวแพทย์ถึงปริมาณอาหารที่เหมาะสมกับเจ้าเหมียวของคุณด้วย
4. หมั่นแปรงขนเป็นประจำ
การที่คุณหมั่นแปรงขนให้น้องแมวเป็นประจำก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคเลี้ยงแมวที่จะช่วยเพิ่มความสุขให้เจ้าเหมียวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเจ้าเหมียวที่เป็นแมวขนยาวและแมวขนฟู เช่น เปอร์เซีย เมนคูน และแร็กดอลล์ เป็นต้น เพราะการแปรงขนนอกจากจะป้องกันไม่ให้ขนพันกันแล้ว ยังเป็นการขจัดขนส่วนเกินออกไป ซึ่งจะช่วยลดปัญหาก้อนขนอุดตันในลำไส้จากการที่เจ้าเหมียวเลียขนเพื่อทำความสะอาดตนเองได้ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนังของเจ้าเหมียวให้ผลิตน้ำมันออกมาบำรุงเส้นขนให้เงางามอีกด้วย
5. ห้ามลืมดูแลสุขภาพปากและฟัน
เทคนิคเลี้ยงแมวให้มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงที่จะขาดไม่ได้ คือ การใส่ใจดูแลสุขภาพปากและฟันของน้องแมวที่บ้าน โดยการแปรงฟันให้น้องแมวเป็นประจำ เพราะการแปรงฟันจะช่วยลดการสะสมของคราบพลัค หินปูน และแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดโรคในช่องปากของน้องแมวได้ด้วย ทำให้น้องแมวของคุณมีสุขภาพเหงือกและฟันที่แข็งแรงไปอีกหลายปี
6. มีตัวเลือกของเล่นให้ได้เลือกสรร
อีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญสำหรับเลี้ยงแมว เพื่อเป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสต่าง ๆ ของเจ้าเหมียวประจำบ้านที่ถูกเลี้ยงในระบบปิด คือ ของเล่น โดยคุณควรมีตัวเลือกของเล่นให้เจ้าเหมียวของคุณได้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นไม้ตกแมว ลูกบอลฝนเล็บ อุโมงค์แมว หนูไขลาน หรือแม้แต่ของเล่นแมวง่าย ๆ อย่างถุงพลาสติกและกล่องลัง ซึ่งของเล่นเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าเหมียวปลดปล่อยสัญชาตญาณนักล่าออกมา พร้อมทั้งยังช่วยลดความอยากออกไปโลดแล่นในโลกภายนอกได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน
7. มีตัวเลือกของเล่นให้ได้เลือกสรร
มาถึงเทคนิคเลี้ยงแมวเพื่อเพิ่มความสุขให้เจ้าเหมียวประจำบ้านของคุณข้อสุดท้าย และยังเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะการเลี้ยงแมวระบบปิด นั่นคือ อุปกรณ์เลี้ยงแมวอย่างกระบะทรายนั่นเอง โดยการวางกระบะทราย คุณควรวางกระบะทรายไว้ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ง่าย และต้องทำความสะอาดกระบะทรายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพราะเจ้าเหมียวนั้นเป็นสัตว์รักสะอาด และจะไม่ยอมขับถ่ายในกระบะทรายที่สกปรกเด็ดขาด
สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนรับเลี้ยงแมว
การรับเลี้ยงแมวนับเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบมากมาย คุณจะกลายเป็นทั้งครอบครัวและโลกทั้งใบของเจ้าเหมียว ดังนั้นก่อนรับเลี้ยงแมวจากสถานที่ใดก็ตาม คุณควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ให้ดีเสียก่อน
อาการภูมิแพ้
ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยงแมว สิ่งสำคัญที่สุดประการแรกที่คุณควรทำ คือ ทดสอบอาการภูมิแพ้ของตนเองเสียก่อน เนื่องจากสารก่อภูมิแพ้ในน้ำลายและเซลล์ผิวหนังที่ติดมากับขนของเจ้าเหมียวนั้น อาจทำให้คุณเกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการคันตา คันจมูก ไอ จาม น้ำมูกไหล และผื่นขึ้นนั่นเอง ดังนั้นหากคุณวางแผนที่จะเลี้ยงแมวก็ต้องแน่ใจเสียก่อนว่าตนเองไม่มีอาการภูมิแพ้ใด ๆ ไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายต่อตัวคุณเองได้
ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการเลี้ยงแมว
สิ่งที่ต้องพิจารณารองลงมาจากอาการภูมิแพ้ คือ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการเลี้ยงแมว เพราะเมื่อเลี้ยงแมวคุณอาจต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ อยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นค่าอุปกรณ์สำหรับเลี้ยงแมว เช่น ชามอาหาร ของเล่น ที่นอน กระบะทราย และคอนโดแมว ค่าอาหาร ค่าตรวจสุขภาพ ค่าวัคซีน ค่ารักษาพยาบาล ค่าอาบน้ำแมว และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับน้องแมวด้วย
หากคุณกำลังมองหาตัวช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สำหรับน้องแมว ให้บัตรกดเงินสด KTC PROUD เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับคุณ สมัครง่าย รู้ผลอนุมัติไว ไม่ต้องคอยนาน
ระยะเวลาและความสม่ำเสมอ
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญไม่แพ้ข้ออื่นที่คุณควรพิจารณาก่อนเลี้ยงแมวคือ การมีระยะเวลาและความสม่ำเสมอ อย่างที่ทราบกันดีว่าการเลี้ยงแมวเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ คุณจะต้องดูแลเจ้าเหมียวที่คุณเลี้ยงในระยะยาว เนื่องจากแมวมีอายุขัยเฉลี่ยนานถึง 15 ปี เลยทีเดียว
แม้ว่าจะเป็นสัตว์ที่รักอิสระและเลี้ยงง่าย แต่เมื่อคุณได้กลายเป็นครอบครัวของเจ้าเหมียวแล้ว เจ้าเหมียวก็ยังต้องการความสนใจจากคุณที่เป็นเจ้าของ ดังนั้นคุณต้องมีเวลาให้กับเจ้าเหมียวมากพอ มีความอดทนในการเลี้ยงดู และมีความสม่ำเสมอในการเอาใจใส่เจ้าเหมียวของคุณด้วย
ระยะเวลาที่อยู่บ้าน
ระยะเวลาที่คุณอยู่บ้านก็เป็นอีกเรื่องที่ควรพิจารณาก่อนเลี้ยงแมว คุณควรทบทวนเรื่องเวลาและตารางชีวิตของตนเองให้ดี คำนึงถึงการแบ่งเวลามาดูแลน้องแมวอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่คุณจำเป็นต้องออกจากบ้านเป็นเวลานาน คุณอาจต้องมองหาคนดูแลน้องแมวชั่วคราว หรือมองหาสถานที่รับฝากเลี้ยงแมวไว้ในช่วงที่คุณไม่อยู่บ้าน เพราะแม้ว่าน้องแมวจะสามารถอยู่ตามลำพังได้ แต่ยังคงต้องการการดูแลเอาใจใส่จากคุณด้วยเช่นกัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลี้ยงแมว
หลังจากที่ได้รู้เทคนิควิธีเลี้ยงแมวให้มีความสุข รวมถึงสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนรับเลี้ยงแมวแล้ว คุณอาจมีเรื่องที่ยังสงสัยอยู่ เราจึงเตรียมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลี้ยงแมวมาให้คุณได้คลายข้อสงสัยกัน ดังนี้
ทำไมควรเลี้ยงแมวระบบปิด ภายในบ้าน?
เลี้ยงแมวระบบปิดกลายเป็นตัวเลือกที่คนเลี้ยงแมวนิยมกันมาก เพราะนอกจากจะตอบโจทย์เรื่องที่อยู่อาศัยอันมีพื้นที่จำกัดแล้ว เลี้ยงแมวในบ้านยังส่งผลดีต่อความปลอดภัยของเจ้าเหมียวด้วย ทั้งช่วยลดโอกาสบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากโลกภายนอก ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโรคและโรคติดต่อร้ายแรงในแมว ลดโอกาสที่น้องแมวจะสูญหายและไม่กลับมา รวมถึงช่วยให้เจ้าเหมียวอายุยืนขึ้นอันเนื่องมาจากการได้รับความเอาใจใส่จากเจ้าของด้วยนั่นเอง
ควรรับเลี้ยงแมวอายุเท่าไหร่?
คุณสามารถรับเลี้ยงแมวได้ทุกช่วงวัย เพราะเจ้าเหมียวแต่ละช่วงวัยก็มีข้อดีต่างกัน สำหรับลูกแมวควรมีอายุ 12 สัปดาห์ เพราะคุณสามารถฝึกน้องแมวได้ง่ายกว่าช่วงวัยอื่น หากเป็นแมวที่โตเต็มวัยก็ควรมีอายุไม่เกิน 10 ปี เพราะคุณจะได้เห็นนิสัยและบุคลิกที่ชัดเจนของเจ้าเหมียวว่าเข้ากับคุณได้หรือไม่ อีกทั้งเจ้าเหมียวในช่วงวัยนี้ยังมีสุขภาพดีที่สุดอีกด้วย ส่วนเจ้าเหมียวสูงวัยนั้น จะไม่ค่อยซุกซนและชอบอยู่ติดบ้านมากกว่า ดังนั้นคุณจึงสามารถคลายความกังวลเรื่องความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง
สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อพาน้องแมวตัวใหม่เข้าบ้าน
หากคุณเลี้ยงแมวตัวใหม่ สิ่งแรกที่คุณควรทำเมื่อพาน้องแมวเข้าบ้าน คือ การทำให้น้องแมวรู้สึกปลอดภัย ตลอดจนให้เวลาน้องแมวได้ปรับตัวให้คุ้นเคยกับบ้านหลังใหม่และคุณที่เป็นเจ้าของ เพราะน้องแมวอาจรู้สึกกังวล ประหม่า และไม่คุ้นชินในช่วงแรก ที่สำคัญคืออย่าลืมเตรียมอาหารและน้ำสะอาดไว้เจ้าเหมียวตัวใหม่ของคุณด้วย
น้องแมวตัวใหม่จะใช้เวลาปรับตัวนานแค่ไหน?
โดยปกติแล้วเมื่อคุณรับเลี้ยงแมวตัวใหม่ เจ้าเหมียวอาจใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับบ้านใหม่อย่างน้อย 2-3 วัน ทั้งนี้อาจมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับตัวของเจ้าเหมียว ซึ่งอาจทำให้ใช้เวลานานกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็น อายุเจ้าเหมียว พฤติกรรมของคุณ รวมถึงการเลี้ยงดูที่เจ้าเหมียวได้รับก่อนมาอยู่กับคุณด้วย ดังนั้นคุณควรอดทนรอจนกว่าเจ้าเหมียวจะคุ้นชินกับคุณและบ้านหลังใหม่ด้วยตัวเอง
สรุป เลี้ยงแมวให้มีความสุข เรื่องง่าย ๆ ที่คนเลี้ยงแมวควรรู้
แม้น้องแมวจะเป็นสัตว์เลี้ยงง่ายด้วยนิสัยที่รักอิสระ แต่หากคุณตัดสินใจเลี้ยงแมวแล้ว ต้องหมั่นดูแลเอาใจใส่ และให้ความรักความอบอุ่นกับเจ้าเหมียวอยู่เสมอ และเพื่อให้เจ้าเหมียวของคุณมีความสุข รวมถึงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เทคนิคทั้ง 7 ที่เรานำมาฝากก็เป็นอีกทางเลือกที่คุณสามารถนำไปทำตามได้
สำหรับใครที่มีแพลนกำลังจะเลี้ยงแมว หรือกำลังมองหาอุปกรณ์เพิ่มความสุขให้เจ้าเหมียว ไม่ว่าจะเป็นคอนโดแมว บ้านแมว ตะกร้าแมว ของเล่นแมว หรือของใช้แมวอื่น ๆ อย่าลืมนึกถึงบัตรกดเงินสด KTC PROUD อีกหนึ่งสินเชื่อถูกกฎหมายของคนที่ต้องการเงินด่วนทันใจ ไว้เป็นตัวช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายให้เจ้าเหมียวที่คุณรัก
บัตรกดเงินสด KTC PROUD กดเงินสดผ่านตู้ ATM ทั่วไทย หรือโอนเงินผ่านแอปพลิเคชัน KTC Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง ก็สามารถรับเงินได้ทันที โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม เงินเดือนเริ่มต้น 12,000 บาท ก็สมัครได้ สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ : รายละเอียดบัตรกดเงินสด
ตอบโจทย์ทุกการใช้จ่าย สมัครบัตรกดเงินสด KTC PROUD ทางออนไลน์ได้ที่นี่
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี