เมื่อถึงหน้าเทศกาลหรือช่วงที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลาย ๆ วัน พี่เบิ้มเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเลือกเดินทางไกลไปยังจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ หรือเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างแน่นอน แต่นอกจากการวางแผนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องใส่ใจแล้ว ก็ยังมีเรื่องของการตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกลที่ห้ามมองข้ามอีกด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าการเดินทางแต่ละครั้งจะมีความปลอดภัย และช่วยให้ทุกคนมีความสุขอย่างเต็มที่ วันนี้พี่เบิ้มได้รวบรวมเอาสิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนที่จะพารถยนต์คู่ใจไปออกทริป จะเป็นมือใหม่หัดขับ หรือมือโปร ก็สามารถทำตามได้ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง!
เช็กสภาพยางรถยนต์ให้พร้อม
ยางรถยนต์ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการเดินทางก็ว่าได้ ดังนั้นพี่เบิ้มจึงอยากแนะนำว่าทุกคนควรทำการตรวจสภาพยางรถยนต์ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง ไม่ว่าจะทำเองง่าย ๆ ด้วยการตรวจสอบดอกยางรถยนต์ รวมถึงสังเกตว่าขณะขับขี่รถยนต์ เกิดอาการส่าย สั่นหรือควบคุมรถยนต์ได้ยากกว่าปกติหรือไม่ หรือเพื่อความอุ่นใจก็สามารถนำรถยนต์ของคุณไปเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบสภาพรถยนต์โดยเฉพาะ เพราะที่ศูนย์ตรวจสภาพจะมีการเช็กสภาพรถยนต์ให้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพยางรถยนต์ ศูนย์ถ่วงล้อ ลมยาง ไปจนถึงเรื่องของการตรวจสอบยางรั่ว ยางซึม นอกจากนี้ยังอาจได้รับคำแนะนำให้เปลี่ยนยางรถยนต์ หากตรวจพบว่าดอกยางเหลือน้อย เพราะอาจส่งผลต่อการขับขี่ในระยะไกลนั่นเองล่ะครับ
เช็กระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ก่อนออกเดินทาง
เมื่อต้องเดินทางไกลและใช้รถยนต์เป็นเวลานานติดต่อกันหลายชั่วโมงต่อวัน สิ่งที่อาจกลายเป็นปัญหาก็คือ ความร้อนของเครื่องยนต์ เพราะมีความร้อนสะสมในขณะที่ใช้งานเครื่องยนต์ติดต่อกันเป็นเวลานาน หากระบบการระบายความร้อนภายในเครื่องยนต์ทำงานได้ไม่ดี ก็สามารถส่งผลโดยตรงกับการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งอาจหยุดการทำงานได้ และส่งผลให้การเดินทางต้องหยุดชะงัก ดังนั้นหนึ่งในสิ่งที่ควรเช็กรถก่อนเดินทางไกลก็คือระบบระบายความร้อน โดยต้องตรวจสอบหม้อน้ำว่ามีรอยรั่วหรือไม่ มีระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อพักและในหม้อน้ำเพียงพอไหม รวมไปถึงการตรวจสอบการทำงานของพัดลมหม้อน้ำและมอเตอร์ด้วย
อย่าลืมทำการตรวจสอบแบตเตอรี่รถยนต์
แบตเตอรี่รถยนต์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ ของการทำงานในระบบต่าง ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วแบตเตอรี่รถยนต์นั้นมักจะใช้งานได้ประมาณ 2 ปี แต่ผู้ขับขี่เองก็ควรตรวจเช็กรถและแบตเตอรีก่อนออกเดินทางไกลทุกครั้ง โดยอาจใช้วิธีสังเกตด้วยตัวเอง จากการใช้โวลต์มิเตอร์วัดไฟแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อช่วยตรวจสอบ ว่าแบตเตอรีเกิดการเสื่อมสภาพหรือหมดอายุหรือไม่ พี่เบิ้มแนะนำว่าสำหรับรถยนต์ที่มีรอบเครื่องยนต์ 1,000 รอบต่อนาที ค่าที่อ่านได้ควรจะต้องอยู่ที่ประ 5-13.8 โวลต์ และสำหรับรถยนต์ที่มีรอบเครื่องยนต์ 2,000-2,500 รอบต่อนาที ควรวัดค่าได้ 8-14.7 โวลต์ หากมีค่าที่แตกต่างออกไปจากนี้ พี่เบิ้มแนะนำว่าให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ครบอายุการใช้งานก็ตาม และอย่าลืมพกน้ำกลั่นติดรถเอาไว้ เพื่อเติมน้ำกลั่นในแบตเตอรี่รถยนต์เป็นประจำ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยทำให้แบตเตอรี่สามารถทำงานได้ดี และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
เช็กการทำงานของระบบไฟในรถยนต์
ระบบไฟในรถยนต์นั้นไม่ได้หมายถึงแค่การทำงานของระบบไฟฟ้าภายในห้องโดยสารเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการใช้งานของระบบส่องสว่างและตัวอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟทั้งหมด เริ่มต้นกันที่ไดชาร์จ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าจากกำลังเครื่องยนต์ พี่เบิ้มแนะนำว่าให้ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอว่าไดชาร์จนั้นยังทำงานได้ปกติไหม หรือต้องเปลี่ยนใหม่ โดยสังเกตได้จากสัญลักษณ์แบตเตอรี่บริเวณหน้าปัดรถยนต์ หากแสดงสัญลักษณ์ก็แสดงว่าการทำงานของระบบไฟเริ่มมีปัญหา หรือสังเกตได้ง่าย ๆ จากการทำงานของแอร์ วิทยุและอุปกรณ์อื่น ๆ ภายในห้องโดยสาร
นอกจากไดชาร์จแล้วก็ยังมีเรื่องของระบบส่องสว่างที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับการขับรถยนต์ทางไกล โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน พี่เบิ้มแนะนำว่าให้ผู้ขับขี่ทุกคนตรวจสอบการทำงานของหลอดไฟทุกหลอดรอบ ๆ คันรถยนต์ รวมถึงการทดลองใช้ไฟต่ำ ไฟสูง ไฟเลี้ยว ไฟเบรกและไฟถอยหลัง เพื่อให้แน่ใจว่าไฟทุกดวงสามารถทำงานได้ตามปกติ หากตรวจเช็กรถตามนี้แล้ว ก็มั่นใจได้เลยว่าทริปนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน
ตรวจสอบอุปกรณ์จำเป็นสำหรับชุดเครื่องมือประจำรถยนต์
ข้อสุดท้ายในการตรวจเช็กรถยนต์ก่อนออกเดินทางไกลก็คือ การตรวจสอบอุปกรณ์จำเป็นที่ควรมีติดรถยนต์ไว้ ไม่ว่าจะเป็นไฟฉาย กล่องเครื่องมือที่ติดมากับรถยนต์ ยางอะไหล่ แม่แรงแบบพกพา สายพ่วงแบตเตอรี่ น้ำมันสำรอง ชุดปฐมพยาบาล รวมถึงที่เติมลมฉุกเฉิน
ตรวจสภาพรถยนต์แล้วพบข้อผิดพลาด ต้องใช้เงินซ่อมก้อนใหญ่ ทำไงดี?
หากใครที่ตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกลแล้วพบข้อผิดพลาดที่ต้องทำการแก้ไขโดยด่วนก่อนออกเดินทาง และต้องใช้เงินก้อนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อยางใหม่ การซ่อมแซมเครื่องยนต์ หรือการเปลี่ยนอะไหล่อื่น ๆ พี่เบิ้มมีตัวช่วยดี ๆ มานำเสนอ นั่นก็คือ “สินเชื่อทะเบียนรถ KTC พี่เบิ้ม” ที่พร้อมให้วงเงินก้อนใหญ่ รู้ผลอนุมัติรวดเร็วทันใจใน 2 ชั่วโมง พร้อมรับเงินทันที หากคุณกำลังมองหาเงินก้อนที่อนุมัติไว บริการด่วนทันใจ ก็สามารถติดต่อพี่เบิ้มได้ที่จุดบริหาร KTC TOUCH ทุกสาขา หรือบริการพี่เบิ้ม Delivery ที่ให้บริการรับสมัครและอนุมัติสินเชื่อถึงที่ หรือคลิกที่นี่เพื่อปรึกษาทีมงานของพี่เบิ้มก่อนได้เลย