รวมหนี้เป็นก้อนเดียว ทางออกที่ดีที่สุดของปัญหาหนี้เสีย
หลายคนที่มีไลฟ์สไตล์หรูหรา แต่รายได้กลับสวนทางกับรายจ่าย ก็มักจะมีปัญหาตามมาจากการใช้จ่ายเกินกำลังจนก่อให้เกิดหนี้ก้อนใหญ่และดอกเบี้ยที่ทบต้นทบดอกจนหมุนเงินไม่ทันและไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้ กลายเป็นวิกฤติทางการเงินที่ส่งผลเสียตามมามากมาย
ใครที่มีหนี้สินอยู่หลายก้อนและกำลังหาทางออกเพื่อลดภาระหนี้ที่มีอยู่ การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวเป็นอีกทางเลือกในการแก้ไขวิกฤติทางการเงินที่น่าสนใจ ซึ่งในบทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจของการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวมาฝากทุกคนกัน การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวจะมีข้อดีอย่างไรบ้าง ไปติดตามข้อมูลกันเลย
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวคืออะไร ใครบ้างที่ควรรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียว
- วิธีการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวมีกี่รูปแบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร
- เพราะอะไรถึงต้องรวมหนี้? สำรวจสาเหตุที่ต้องรวมหนี้เป็นก้อนเดียว
- การเตรียมตัวก่อนรวมหนี้เป็นก้อนเดียว
- รวม 5 ข้อดีของการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว
- ข้อจำกัดของการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวมีอะไรบ้าง ศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจรวมหนี้
- หากรวมหนี้เป็นก้อนเดียวแล้ว เราสามารถค้างชำระหนี้ได้หรือไม่?
- ทำอย่างไรหากไม่อยากเป็นหนี้อีกในอนาคต
- สรุปรวมหนี้เป็นก้อนเดียว วิธีการแก้ไขปัญหาของคนมีสารพัดหนี้ที่ต้องศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจกู้
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวคืออะไร ใครบ้างที่ควรรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียว
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว หมายถึง การกู้ยืมเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินหนึ่ง เพื่อชำระหนี้จากธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น ๆ ที่เป็นหนี้อยู่ ซึ่งเป็นการนำสินเชื่อและหนี้ประเภทต่าง ๆ ที่มีอยู่มารวมไว้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่ง โดยขอสินเชื่อรวมหนี้ที่เป็นสินเชื่อถูกกฎหมายกับทางธนาคารนั้น ๆ และนำมาปิดหนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน รวมไปถึงหนี้นอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวในลักษณะนี้จะทำให้เรามีหนี้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินเพียงแห่งเดียว ซึ่งจะช่วยให้อัตราดอกเบี้ยลดลง และยังเป็นวิธีปลดหนี้สำหรับคนที่มีหนี้หลาย ๆ ก้อนอีกด้วย
วิธีการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวมีกี่รูปแบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวนั้นมีวิธีการรวมหนี้อยู่หลายรูปแบบ แต่ละแบบจะแตกต่างกันไปตามประเภทหนี้ที่เรามี รวมไปถึงธนาคารที่เราต้องการจะรวมหนี้ไปไว้ โดยจะมีวิธีการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว 3 วิธีดังต่อไปนี้
1. รวมหนี้เป็นก้อนเดียวภายในสถาบันการเงินเดียวกัน
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวไม่จำกัดเฉพาะหนี้ต่างสถาบันการเงินเท่านั้น แต่ยังสามารถรวมหนี้เป็นก้อนเดียวภายในสถาบันการเงินเดียวกันได้เช่นกัน เป็นวิธีการรวมหนี้ประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรผ่อนสินค้า, หนี้บัตรกดเงินสด, สินเชื่อส่วนบุคคล, หนี้ผ่อนคอนโด รวมไปถึงหนี้รายย่อยอื่น ๆ ไปรวมไว้กับหนี้สินเชื่อวงเงินสูงเพียงก้อนเดียว
2. รวมหนี้เป็นก้อนเดียวโดยโอนจากสถาบันการเงินหนึ่งไปอีกสถาบันการเงินหนึ่ง
กรณีที่เป็นหนี้กับหลายสถาบันการเงิน เราสามารถรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียวแล้วโอนไปยังสถาบันการเงินใดสถาบันการเงินหนึ่ง เพื่อผ่อนชำระหนี้ทั้งหมดกับสถาบันการเงินเดียว เช่น การโอนหนี้บัตรเครดิตจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ไปรวมกับหนี้บ้านของสถาบันการเงินอีกแห่งหนึ่ง เป็นต้น
3. รวมหนี้เป็นก้อนเดียวโดยโอนหนี้จากสถาบันการเงินที่มีไปเริ่มที่สถาบันการเงินใหม่
การรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียวกันด้วยวิธีนี้ เป็นการโอนหนี้สินรายย่อยประเภทอื่น ๆ รวมไปถึงหนี้บ้าน ไปรวมไว้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ที่ไม่เคยมีหนี้ด้วยมาก่อน
เพราะอะไรถึงต้องรวมหนี้? สำรวจสาเหตุที่ต้องรวมหนี้เป็นก้อนเดียว
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวเป็นทางออกที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีปัญหาผิดนัดชำระหนี้อีกทั้งยังช่วยรักษาประวัติข้อมูลเครดิตของเราได้ เพราะหากไม่สามารถชำระหนี้เดิมให้ตรงกำหนด ทางเจ้าหนี้อาจคิดค่าบริการติดตามทวงถามหนี้ ค่าผิดนัดชำระหนี้หรืออาจร้ายแรงจนถึงขั้นถูกตัดสินให้เป็นบุคคลล้มละลายได้
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวเป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษาเครดิตบูโรของเราไว้ เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำธุรกรรมทางการเงินหรือขอสินเชื่อในอนาคต เพราะธุรกรรมทางการเงินนั้นจำเป็นต้องใช้ประวัติการชำระหนี้เป็นเงื่อนไขในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ การที่เรามีประวัติผิดนัดชำระหนี้จึงส่งผลกระทบโดยตรงกับการถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน
การเตรียมตัวก่อนรวมหนี้เป็นก้อนเดียว
ใครที่ต้องการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว เรามีวิธีการเตรียมตัวก่อนรวมหนี้มาฝาก การเตรียมตัวเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวได้อย่างรอบคอบมากขึ้น ซึ่งการเตรียมตัวก่อนรวมหนี้เป็นก้อนเดียวมีวิธีการดังต่อไปนี้
1. เช็กความสามารถของตนเองในการชำระหนี้
ก่อนจะทำการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวแล้วโอนไปยังธนาคารอื่น เราควรจะต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ในแต่ละเดือนของตัวเองก่อน โดยคำนวณจากรายได้ทั้งหมดที่ได้รับหักกับรายจ่ายที่จำเป็น เป้าหมายเพื่อให้เรารู้ว่าจะมีเงินเหลือสำหรับชำระหนี้เท่าไหร่ในแต่ละเดือน
2. ทำรายการหนี้ทั้งหมดที่เรามี
หลังจากพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของตัวเองแล้ว เราควรรวบรวมรายการหนี้ทั้งหมดที่เรามี โดยรวมยอดบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อต่าง ๆ ทั้งดอกเบี้ยและยอดหนี้ทั้งหมด การทำรายการหนี้ทั้งหมดจะช่วยให้เราสามารถวางแผนการชำระหนี้ได้อย่างถูกต้อง
3. เลือกสถาบันการเงินและสินเชื่อที่ใช่ พร้อมหาวิธีการลดรายจ่ายและดอกเบี้ย
หลังจากรวบรวมรายการหนี้ทั้งหมดและทราบยอดหนี้ที่ต้องการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวแล้ว เราควรจะต้องหาสถาบันการเงินและสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการ โดยต้องพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่าง ๆ ในการผ่อนชำระ เพื่อให้การรวมหนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้วิธีการบริหารหนี้สินที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือความมีวินัยในการชำระหนี้ให้ตรงเวลา และการใช้จ่ายอย่างมีสติไม่ก่อหนี้ใหม่ เพียงแค่นี้เราก็จะสามารถปลดหนี้ที่มีได้แล้ว
รวม 5 ข้อดีของการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว
การรวมยอดหนี้ให้เป็นก้อนเดียวนั้นมีข้อดีอีกหลายข้อที่เราอาจจะคิดไม่ถึง ซึ่งบทความนี้ก็ได้รวบรวมข้อดีของการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวมาฝากทุกคนแล้ว การรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียวจะมีข้อดีอะไรบ้างไปดูกันเลย
1. ทำให้เรารู้จำนวนหนี้ที่เราต้องจ่ายทั้งหมด
การรวมหนี้ไว้ที่เดียวจะช่วยให้เรารู้จำนวนหนี้ที่แท้จริง รวมไปถึงสามารถคำนวณหนี้ที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน ซึ่งจะช่วยให้เราวางแผนการชำระหนี้ในแต่ละเดือน และยังเป็นการป้องกันปัญหาการลืมชำระหนี้ได้ เนื่องจากได้ทำการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวเรียบร้อยแล้ว
2. มีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง
ก่อนการกู้รวมหนี้เราควรจะต้องศึกษาเงื่อนไขและดอกเบี้ยของแต่ละสินเชื่ออย่างละเอียด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนบุคคลบางสินเชื่อมักจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดหรือบัตรเครดิต โดยส่วนใหญ่แล้วอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนบุคคลจะอยู่ที่ปีละ 25% ดังนั้นก่อนตัดสินใจกู้สินเชื่อทุกครั้งเราควรจะต้องเปรียบเทียบดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างละเอียด
3. ทำให้รู้ระยะเวลาการผ่อนหนี้ที่แน่นอน
การรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียวจะช่วยให้เรารู้ระยะเวลาในการผ่อนชำระที่แน่นอน เพราะเมื่อเรารวมหนี้มาไว้กับสถาบันการเงินหรือธนาคารใดธนาคารหนึ่งแล้ว ก็ย่อมมีเงื่อนไขในการผ่อนชำระที่แต่ละธนาคารกำหนดไว้ จำนวนระยะเวลาการผ่อนที่แน่นอนก็จะช่วยทำให้เราปิดหนี้ได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย
4. จำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือนจะต่ำลง
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวจะช่วยให้จำนวนเงินที่ผ่อนชำระในแต่ละเดือนลดลง เช่น หากเรามีหนี้บัตรเครดิต 3 ใบ รวมเป็นเงินทั้งหมด 140,000 บาท และชำระหนี้ขั้นต่ำ 10% เราก็จะต้องชำระเดือนละ 14,000 บาท แต่ถ้าหากเรารวมหนี้บัตรเครดิตทั้ง 3 ใบไปยื่นกู้สินเชื่อเงินก้อนจากทางธนาคารด้วยอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก 25% ต่อปี และผ่อนชำระทั้งหมด 36 เดือน เราก็จะสามารถผ่อนชำระเพียงเดือนละ 5,566 บาท ซึ่งน้อยกว่าการชำระขั้นต่ำถึงเกือบ 3 เท่า
5. มีเงินหมุนในชีวิตประจำวันมากขึ้น
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวจะช่วยทำให้จำนวนเงินในการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนลดลง เมื่อหักลบกับรายได้ต่อเดือนเราก็จะมีเงินหมุนในชีวิตประจำวันมากขึ้น ส่งผลให้เราสามารถวางแผนการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
ข้อจำกัดของการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวมีอะไรบ้าง ศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจรวมหนี้
นอกจากข้อดีแล้ว การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวก็ยังมีข้อจำกัดหรือข้อควรคำนึงที่ทุกคนควรจะศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียว โดยข้อจำกัดของการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวมีดังต่อไปนี้
1. มีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนบุคคลจะสูงกว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิต
ก่อนการกู้รวมหนี้เราควรจะต้องศึกษาเงื่อนไขและดอกเบี้ยของแต่ละสินเชื่ออย่างละเอียด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนบุคคลบางสินเชื่อมักจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดหรือบัตรเครดิต โดยส่วนใหญ่แล้วอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนบุคคลจะอยู่ที่ปีละ 25% ดังนั้นก่อนตัดสินใจกู้สินเชื่อทุกครั้งเราควรจะต้องเปรียบเทียบดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างละเอียด
2. ต้องจ่ายดอกเบี้ย 2 ต่อ
ในการรวมหนี้บัตรเครดิตให้เป็นก้อนเดียว เราจะต้องรวมยอดหนี้บัตรเครดิตทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าปรับมายื่นกู้สินเชื่อส่วนบุคคลใหม่และเมื่อได้เงินก้อนมาทำการปิดหนี้ทั้งหมดเราก็จะต้องชำระดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลซ้ำอีกครั้ง ดังนั้น ก่อนการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวเราจึงควรศึกษาและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลาย ๆ สถาบันการเงิน เพื่อพิจารณาว่าสินเชื่อใดที่เหมาะสำหรับการนำมาปิดหนี้มากที่สุด
หากรวมหนี้เป็นก้อนเดียวแล้ว เราสามารถค้างชำระหนี้ได้หรือไม่?
ถึงแม้ว่าเราจะรวมหนี้เป็นก้อนเดียวแล้ว แต่ถ้าหากยังไม่มีวินัยในการชำระเงินคืนก็จะทำให้เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้ที่มีอยู่ได้ ดังนั้นวินัยในการชำระเงินคืนให้ตรงเวลายังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้ แต่ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงทำให้เราไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ทันเวลาก็สามารถลงทะเบียนรวมหนี้เป็นก้อนเดียวกับรัฐบาลหรือเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างถูกวิธีได้เช่นกัน
ทำอย่างไรหากไม่อยากเป็นหนี้อีกในอนาคต
หลังจากที่เราแก้ไขปัญหาหนี้ด้วยการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวเรียบร้อยแล้ว เราควรจะต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ที่มากเกินความสามารถในการผ่อนชำระ เพราะหนี้เหล่านั้นนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาเงินไม่พอใช้แล้วก็ยังสร้างความเครียด ความวิตกกังวล และยังทำให้เสียประวัติข้อมูลเครดิตอีกด้วย โดยการป้องกันหนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตดังมีวิธีดังต่อไปนี้
-
ใช้บัตรเครดิตเท่าที่จำเป็น โดยควรเลือกใช้บัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยถูก ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีและได้สิทธิประโยชน์ในการสะสมแต้ม
-
จ่ายยอดค้างชำระบัตรเครดิตให้หมดทุกเดือน หลีกเลี่ยงการชำระค่าบัตรเครดิตแบบขั้นต่ำ เพราะทำให้เราไม่สามารถปิดหนี้บัตรเครดิตได้และยังทำให้เราต้องชำระดอกเบี้ยให้กับทางสถาบันการเงินอีกด้วย
-
ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง โดยต้องระวังไม่ให้มีภาระหนี้ต่อเดือนเกิน 50% ของรายได้ เพราะจะทำให้ไม่มีเงินออม และยังกระทบกับค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
-
เรียนรู้การออม รวมไปถึงวิธีเก็บเงินต่าง ๆ เพื่อให้มีเงินพอใช้ในช่วงเวลาที่มีปัญหา
สรุปรวมหนี้เป็นก้อนเดียว วิธีการแก้ไขปัญหาของคนมีสารพัดหนี้ที่ต้องศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจกู้
การรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียวนั้นเป็นทางออกของคนที่มีหนี้หลายก้อนและไม่สามารถชำระหนี้ได้ แต่การรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียวก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดเช่นเดียวกัน ดังนั้นก่อนการตัดสินใจรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียวเราควรจะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียด แต่อย่างไรก็ตามวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ดีที่สุดคือการวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบและการมีวินัยทางการเงิน เพราะช่วยให้เราสามารถปลดหนี้ได้และยังช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวได้อีกด้วย
ใครที่มีหนี้หลายก้อนจนเกิดปัญหาหมุนเงินไม่ทันและอยากรวมหนี้เป็นก้อนเดียวแต่ไม่รู้ว่ามีธนาคารไหนให้บริการสินเชื่อบ้าง ขอแนะนำ สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด KTC PROUD ที่โดดเด่นด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดอยู่ที่ 19.99% ต่อปี* และสูงสุดอยู่ที่ 25% ต่อปี นอกจากนี้ยังสมัครได้ง่ายเพียงแค่มีรายได้ต่อเดือน 12,000 บาทก็สามารถสมัครบัตรกดเงินสด KTC PROUD ได้แล้ว ทั้งนี้การใช้บัตรกดเงินสดปิดหนี้ก็ควรจะต้องคำนึงถึงความสามารถในการผ่อนชำระและควรกู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหวเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ซ้ำแบบเดิม
สมัครบัตรกดเงิน ช่วยรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ประหยัดดอกเบี้ยได้มากกว่า
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมพิเศษ สำหรับเงินกู้ก้อนแรกที่โอนเข้าบัญชี 50,000 บาทขึ้นไป และเลือกผ่อนชำระรายเดือน (12-60 เดือน) รายการเบิกถอนอื่นจะคิดอัตราดอกเบี้ยฯ 20%-25% ต่อปี