โปรโมชั่น 
บริการท่องเที่ยว
ช้อปสินค้าออนไลน์
เข้าสู่ระบบ
แนวทางรับมือกับการทำงาน ลดการเปลี่ยนงานบ่อย
ชีวิตการทำงานเป็นการใช้ชีวิตของตนเองอย่างเต็มตัว หลายคนต้องพึ่งพาตนเอง และเลือกงานที่เหมาะกับตนเองมากที่สุด แต่บ่อยครั้งการทำงานก็พบอุปสรรคและจบลงที่การเปลี่ยนงาน หากทำซ้ำเรื่อย ๆ จนเป็นคนเปลี่ยนงานบ่อยจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ได้ หากถามว่าการเปลี่ยนงานบ่อยแปลกไหม ถือว่าไม่แปลก เพราะแต่ละคนมีแนวคิดการทำงานต่างกัน แต่ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนงาน ควรหาทางแก้ไขปัญหาที่พบเจอก่อน หากไม่ได้จึงค่อยเปลี่ยนงานเป็นทางเลือกสุดท้าย
เลือกอ่านตามหัวข้อ
เหตุผลที่ทำให้คนอยากออกจากงาน
การที่มนุษย์เงินเดือนอยากออกจากงาน เหตุผลหลัก ๆ ที่มักพบคือ การมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ไม่ชอบเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชา ไม่เห็นโอกาสในการเติบโตในสายงานและองค์กร รวมถึงการได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าจากบริษัทอื่น ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่สูงขึ้น มั่นคงกว่าเดิม หรือเงินเดือนที่มากขึ้น แต่งานวิจัยของ CEB Workforce Surveys & Analytics ได้วิเคราะห์เจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้คนออกจากงาน ไม่เพียงเฉพาะสาเหตุ แต่ยังลึกไปถึงช่วงเวลาว่าเมื่อใดที่พนักงานรู้สึกอยากออกจากงาน
Kropp หัวหน้า HR ของ CEB กล่าวว่าเมื่อเกิดการเปรียบเทียบจุดมุ่งหมายของตนเองกับคนอื่นที่อยู่ในกลุ่มก้อนเดียวกัน จะทำให้พนักงานเริ่มคิดถึงเรื่องอาชีพการงานขอตนเอง จุดหมายที่ตั้งไว้ระหว่างการทำงานและเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ มีผลการวิจัยระบุว่าคนจะคิดเรื่องหางานใหม่ในช่วงวันครบรอบการทำงานของตนเองประมาณ 6% - 9% และในช่วงวันเกิดครบรอบ 40 หรือ 50 ถือเป็นช่วงวัยที่ทำงานมาแล้วระยะหนึ่งมีอัตราการมองหางานใหม่ประมาณ 12% เหตุผลหลักก็เพราะคนช่วงวัยนี้จะเริ่มหันมามองชีวิตการทำงานและประเมินตนเองถึงผลลัพธ์ที่ผ่านมา พวกเขามีโอกาสที่จะย้ายงานหากไม่พอใจในชีวิตการทำงานในปัจจุบันของตนเอง นอกจากนั้นการพบปะกับเพื่อน เช่น งานเลี้ยงรุ่น จะทำให้สัดส่วนการหางานเพิ่มขึ้น 16% ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากการเปรียบเทียบกับคนที่อาจจะจบจากที่เดียวกัน ทำงานสายเดียวกัน หรือมีความโดดเด่นในด้านเดียวกัน หากการเปรียบเทียบไม่เป็นดังที่หวัง โอกาสที่คนจะเปลี่ยนงานก็สูง เพื่อหาความหมายและคุณค่าในการทำงานของตนเอง
เหตุผลหลัก ๆ ที่คนเปลี่ยนงานก็เพื่อรับสิ่งที่ดีกว่า ซึ่งลึก ๆ มาจากความรู้สึกว่างานที่กำลังทำอยู่มีข้อเปรียบเทียบบางอย่าง โอกาสที่คนจะออกจากงานมากที่สุดจะเป็นช่วงใกล้วันครบรอบทำงาน วันสิ้นปี หรือวันเกิด แต่ปัจจุบันการทำงานมีทิศทางที่จะพบกับคนที่เปลี่ยนงานบ่อย หรือที่เรียกว่า Job Hopper กลุ่มคนเหล่านี้จะมองการทำงานในมุมมองที่ต่างออกไป การทำงานไม่ใช่เพียงความมั่นคงและเงินเดือน แต่มีเรื่องของสุขภาพและ Mental Health มาเกี่ยวข้องด้วย
ทิศทางของ Job Hopper ในปัจจุบัน
Job Hopper เป็นคำที่มีบทบาทมากในปัจจุบัน หมายถึง คนที่เปลี่ยนงานบ่อย ๆ ไม่ได้ประจำอยู่บริษัทใดบริษัทหนึ่งนาน ๆ ซึ่งผลการศึกษาจาก Oliver Wyman บริษัทด้านการจัดการของอเมริกาที่สำรวจความคิดเห็นของหนุ่มสาววัย 18 – 25 ปี จำนวน 10,000 คนใน US และ UK พบว่าคนยุคใหม่ในกลุ่มนี้พร้อมที่จะมองหางานใหม่ ๆ หากงานที่ทำอยู่ไม่ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิ์ที่พึงได้เพียงพอ แม้กระทั่งผู้ที่ภักดีต่อองค์กรก็ยังมองหางานใหม่อยู่เสมอ และในกลุ่มที่บอกว่าภักดีก็มีมากถึง 70% ที่มองหางานใหม่ แสดงว่าคนยุคใหม่หรือผู้ที่เติบโตในเจน Z ให้ความสำคัญกับสวัสดิการมากกว่าการแค่มีงานทำ และไม่ปิดโอกาสในการหางานใหม่ ๆ ให้ตนเอง นอกจากนั้น 85% ของกลุ่มสำรวจยังมองว่าการทำงานแบบไฮบริด หรือทำงานระยะไกลเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่าการนั่งประจำในออฟฟิศ คนยุคใหม่มองว่าการเปลี่ยนงานบ่อยทำให้รู้ว่าตัวเองชอบทำอะไร เพื่อให้สามารถหาอาชีพในอนาคต ไม่ตกงานได้ง่ายขึ้น
การเปลี่ยนงานบ่อยหรือ Job Hopper ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ก็ต้องมีการวางแผนทางการเงินเอาไว้ด้วย ซึ่งในการทำงานควรมีเงินเก็บอย่างน้อย 10% ของเงินเดือนเป็นประจำทุกเดือน เพื่อความอุ่นใจ รวมถึงมีตัวช่วยด้านการเงินอย่างบัตรกดเงินสดที่สามารถรูด โอน กด ผ่อนได้อย่างง่ายดาย เพราะชีวิตมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดได้ตลอด การมีบัตรกดเงินสดติดกระเป๋าไว้จึงเพิ่มความอุ่นใจในการใช้เงินได้มากขึ้น
สมัครบัตรกดเงินสด เตรียมพร้อมทุกค่าใช้จ่ายในการทำงาน
ถึงแม้จะกล่าวว่าการเปลี่ยนงานบ่อย ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนงานบ่อยก่อนตัดสินใจเปลี่ยนงานด้วย ควรถามตัวเองให้แน่ใจว่าต้องการเปลี่ยนงานจริง ๆ ก่อนยื่นใบลาออก
ทำไมจึงไม่ควรเปลี่ยนงานบ่อย
การเปลี่ยนงานบ่อยส่งผลต่อการเรียนรู้ที่จะไม่ต่อเนื่อง
การเปลี่ยนงานบ่อยส่งผลกระทบต่อหลายอย่าง โดยผลกระทบหลัก ๆ ที่คนเปลี่ยนงานบ่อยต้องเจอ ได้แก่
- เปลี่ยนงานบ่อย สัมภาษณ์งานผ่านยาก เนื่องจากแต่ละองค์กรย่อมอยากได้คนที่ทำงานด้วยได้นาน ๆ คนที่เปลี่ยนงานบ่อยจะถูกมองว่าอยู่ไม่ทน
- ต้องส่งประกันสังคมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพใหม่ โดยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลาออกแล้วจะเท่ากับขาดจากการเป็นสมาชิกเลย ซึ่งจริง ๆ กองทุนเหล่านี้มีแนวทางในการคงสภาพสมาชิกเอาไว้ แล้วไปยังบริษัทใหม่ได้ แต่มนุษย์เงินเดือนหลายคนไม่รู้ และปล่อยให้กองทุนขาดไป
- ความก้าวหน้าน้อย เพราะองค์กรจะมองผลงานระยะยาว การทำงานแล้วเปลี่ยนงานบ่อย ๆ จะมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งหรือขึ้นเงินเดือนน้อย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายขององค์กรด้วย
- ขาดประสบการณ์และทักษะต่อเนื่อง เพราะงานบางอย่างต้องใช้การฝึกฝนเป็นเวลานาน การเปลี่ยนงานบ่อยจะทำให้การฝึกฝนขาดช่วง ทำให้การเรียนรู้งานลำบากกว่าเดิม
- ไม่มีหลักประกันว่าที่ใหม่จะดีกว่าที่เก่า การลาออกและเปลี่ยนงานไปเรื่อย ๆ อาจจะไม่เจอองค์กรที่ดีเท่าที่แรกที่ทำงานด้วยก็ได้
การลาออกเป็นการตัดสินใจของลูกจ้าง หากตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะออก และมองว่าการเปลี่ยนงานเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่าลืมวางแผนการออกจากงาน การหางานใหม่ รวมถึงเช็กเงินชดเชยประกันสังคม กรณีลาออก เอาไว้ด้วย
การเตรียมพร้อมในช่วงหางานใหม่
- เตรียมสภาพจิตใจ – ช่วงลาออกใหม่ ๆ จะเป็นช่วงที่หลายคนหลงทาง รู้สึกไร้คุณค่า ต้องเตรียมใจให้พร้อม รับกับทุกสถานการณ์
- เตรียมค่าใช้จ่ายในช่วงหางาน – การลาออกจากงานหมายความว่าจะไม่มีเงินเดือนจากงานประจำ จึงควรเตรียมค่าใช้จ่าย และตัวช่วยทางการเงิน เช่น บัตรกดเงินสดเอาไว้ด้วย และไม่ควรปล่อยให้ตนเองใช้จ่ายเกินตัว
- เตรียมความพร้อมหางานใหม่ – หลังจากลาออกจากงานให้เริ่มต้นสมัครงานอย่างจริงจัง เพื่อให้ได้งานใหม่เร็วที่สุด
การเปลี่ยนงานใหม่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะการเปลี่ยนงานมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องคำนึงถึง ข้อดีคือการเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานใหม่ ๆ เจอผู้คนใหม่ และเกิดการเรียนรู้ใหม่ ๆ รวมไปถึงเป็นโอกาสในการเติบโตอีกขั้นทั้งในเรื่องตำแหน่งและเงินเดือน ในขณะที่ข้อเสียคือการทำงานที่เดิมได้นานจะเสริมสร้างประสบการณ์ เพิ่มความก้าวหน้าในงานเดิม และเป็นการรักษาสวัสดิการระยะยาวเอาไว้ได้ ก่อนเปลี่ยนงานควรพิจารณาดูว่าเปลี่ยนงานบ่อยแค่ไหนถึงเหมาะสมในแต่ละปี อย่างน้อยควรทำงานในแต่ละที่ให้เพียงพอต่อการเรียนรู้ และเพื่อเป็นการวางแผนเผื่ออนาคตที่ยังไม่รู้ ควรมีช่องทางในการใช้จ่ายที่คุ้มค่า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บัตรกดเงินสด เป็นตัวเลือกที่ดีในปัจจุบันในการเพิ่มความอุ่นใจในยามต้องใช้เงินด่วน บัตรกดเงินสดเป็นไอเทมที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนมาก คนทำงานที่อยากวางแผนการเงินในอนาคตจึงควรสมัครบัตรกดเงินสดเอาไว้สักใบ แล้วการใช้จ่ายจะสนุกและคุ้มค่ามากขึ้น
อ้างอิงข้อมูลจาก: Harvard Business Review, Insider
บัตรกดเงินสด ตัวช่วยด้านการเงินในช่วงหางานใหม่
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี
