ยุคปัจจุบันคนวัยทำงานส่วนใหญ่คงมีบัตรเครดิตกันถ้วนหน้า เพราะนอกจากจะได้รับความสะดวกสบายในการใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการรูดชำระค่าสินค้าหรือบริการ ทำรายการผ่อนชำระค่าสินค้า หรือกดเงินสด ยังได้รับสิทธิพิเศษและส่วนลดต่างๆ มากมาย และยังทำให้ไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก ช่วยลดความเสี่ยงเงินสูญหาย และมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย
ซึ่งประเภทของบัตรเครดิตก็มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน อย่างเช่นบัตรเครดิตแบบสะสมคะแนน หรือบัตรเครดิตแบบ Cash Back จากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตใบนั้นๆ ใครที่กำลังลังเลว่าจะตัดสินใจสมัครบัตรเครดิตแบบไหนดี เรามาดูกันดีกว่า ว่าบัตรเครดิตแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วเราควรถือบัตรเครดิตแบบไหนดีให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง
จุดเด่นหลักๆ ของบัตรเครดิตแบบสะสมคะแนน และบัตรเครดิตแบบ cash back
สำหรับบัตรเครดิตแบบสะสมคะแนน คือเน้นที่การสะสมคะแนนเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ส่วนใหญ่แล้วการได้รับคะแนนจะมาจากทุกๆ การใช้จ่ายผ่านบัตรฯ 25 บาท ได้รับ 1 คะแนน เพื่อนำไปแลกรับส่วนลด/สินเค้า/บริการต่างๆ เช่น รับส่วนลด 10% เมื่อใช้คะแนนเท่ากับยอดซื้อ หรือใช้ทุกๆ 1,000 คะแนน แลกเป็นส่วนลดการใช้จ่ายได้ 100 บาท
ส่วนบัตรเครดิตแบบ cash back สิทธิประโยชน์ที่เราจะได้รับคือ “เครดิตเงินคืน” โดยส่วนใหญ่จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ หรือขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบัตรเครดิตแต่ละใบ
บัตรเครดิตหนึ่งใบสามารถเป็นได้ทั้งแบบสะสมคะแนนและ cash back รึเปล่า
โดยส่วนใหญ่แล้วบัตรเครดิตหนึ่งใบ จะเน้นสิทธิประโยชน์หลักตามประเภทของบัตร ระหว่างการสะสมคะแนน หรือได้เครดิตเงินคืน (cash back) อย่างใดอย่างหนึ่ง
แต่หากมีโปรโมชั่นที่ให้ Cash Back จากการใช้จ่ายตามที่กำหนด บัตรเครดิตแบบสะสมคะแนน ก็จะสามารถเลือกรับเครดิตเงินคืนแทนหรือใช้คะแนนแลกเป็นเครดิตเงินคืนได้
ข้อดี : ข้อด้อย ของบัตรเครดิตแบบสะสมคะแนน
ข้อดีของบัตรเครดิตแบบสะสมคะแนน คือสมาชิกบัตรสามารถสะสมคะแนนเพื่อไปเลือกใช้แลกรับสิทธิประโยชน์จากโปรโมชั่นที่หลากหลายรูปแบบ เช่น
- แลกรับส่วนลดที่ร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าแฟชั่น สายการบิน หรือแม้แต่โรงพยาบาล เป็นต้น
- แลกรับเป็นสินค้าและบริการที่ร้านค้าต่างๆ โดยเฉพาะร้านอาหารและร้านขนม
- แลกเป็นเครดิตเงินคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิตของตัวเอง
- แลกเป็นเงินทำบุญให้กับมูลนิธิหรือโครงการต่างๆ มากมาย
ในส่วนของการสะสมคะแนน เช่น บัตรเครดิต KTC คือ ทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร 25 บาท ได้รับ 1 คะแนน โดยเปรียบเทียบง่ายๆ จากสิทธิประโยชน์ที่เห็นอยู่ทั่วไปในช่วงที่ไม่มีโปรโมชั่นพิเศษคือ ทุกๆ 1,000 คะแนน เท่ากับ 100 บาท (ซึ่งจะเทียบเท่ากับเงินคืนที่ 0.4%) โดยสะสมคะแนนไว้ใช้เป็นส่วนลดของการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ในครั้งต่อไป ซึ่งในบางครั้งจะมีโปรโมชั่นใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืน ซึ่งอาจได้รับเครดิตเงินคืนมากกว่าบัตรเครดิตแบบ cash back ด้วย ด้วยสิทธิพิเศษที่หลากหลายกว่า จึงทำให้หลายคนเลือกถือบัตรเครดิตแบบสะสมคะแนน มากกว่าบัตรเครดิตแบบ cash back
แต่เนื่องจากการใช้คะแนนสะสมแลกรับสิทธิพิเศษต่างนั้น สมาชิกบัตรจะต้องสะสมคะแนนให้ได้ตามจำนวนที่ระบุอยู่ในโปรโมชั่นก่อน ถึงจะนำไปแลกได้ หรือหากเป็นการนำแลกคะแนนเพื่อรับสินค้า ก็อาจจะไม่ใช่สินค้าที่เราต้องการในขณะนั้น จึงอาจเป็นข้อด้อยเล็กๆ ให้กับบัตรเครดิตประเภทนี้ แต่ทาง KTC มักมีโปรโมชั่น คะแนนน้อยแลกได้เช่นสิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกบัตรเครดิต KTC ที่ McDonald’s เป็นต้น ทำให้ไม่ต้องรอสะสมคะแนนนานเพื่อแลกรับสิทธิพิเศษได้
อย่างไรก็ตาม คะแนนของบัตรเครดิตบางธนาคารหรือบริษัท อาจมีวันหมดอายุ ยิ่งทำให้นอกจากจะต้องรีบสะสมแต้มเพื่อแลกรับสิทธิพิเศษ ยังต้องรีบใช้คะแนนก่อนหมดอายุ แต่หมดห่วงไปได้เลย เพราะคะแนน KTC FOREVER บัตรเครดิต KTC ไม่มีวันหมดอายุ เก็บไว้ใช้ได้ยาวๆกันเลย
ข้อดี : ข้อด้อย ของบัตรเครดิตแบบ Cash Back
บัตรเครดิตแบบ Cash Back โดดเด่นในเรื่อง “เครดิตเงินคืน” ซึ่งส่วนใหญ่จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ โดยอาจจะแบ่งเป็นตามช่วงของยอดรวมการใช้จ่ายในการได้รับเครดิตเงินคืนที่สูงขึ้น หลายคนเลือกบัตรเครดิตประเภทนี้ เนื่องจากมองว่าคุ้มค่าที่ได้เป็นเครดิตเงินคืนเข้าบัญชีบัตรฯ ซึ่งจะลดยอดเรียกเก็บที่ต้องชำระของเดือนนั้นไปเลย อย่างบัตรเครดิต KTC CASH BACK โดยคิดยอดเครดิตเงินคืนที่จะได้รับจากยอดใช้จ่ายในแต่ละรอบบิล และคืนเครดิตในรอบบิลถัดไป
สำหรับบัตรเครดิต KTC CASH BACK จะให้อัตราของเครดิตเงินคืนแบบ ยิ่งใช้ ยิ่งได้คืนมาก คือ
ใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับอัตราเครดิตเงินคืน 0.40%
ใช้จ่ายตั้งแต่ 30,001-80,000 บาท ได้รับอัตราเครดิตเงินคืน 0.60%
ใช้จ่ายตั้งแต่ 80,001 บาทขึ้นไป ได้รับอัตราเครดิตเงินคืน 0.80%
เลือกบัตรเครดิตแบบไหนให้ตอบโจทย์ตัวเรา
เราจะเห็นได้ว่าบัตรเครดิตทั้ง 2 แบบมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของส่วนตัว ซึ่ง KTC มีบัตรทั้ง 2 รูปแบบให้เลือกตามความต้องการ ใครที่กำลังสนใจมองหาบัตรเครดิต KTC คลิก สมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านทางออนไลน์ได้เลย