หากใครกำลังแพลนที่จะสมัครบัตรเอาไว้ใช้งานสักใบสองใบ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัตร ATM ดี รวมถึงคนที่กำลังค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับบัตรแต่ละแบบ ทั้งความแตกต่าง การใช้งาน หรือแม้แต่โปรโมชั่นที่จะได้ เนื่องจากแต่ละบัตรมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน ไม่ต้องไปนั่งค้นหาข้อมูลให้วุ่นวาย เพราะในบทความนี้เราจะมาสรุปความแตกต่างว่า บัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตร ATM แตกต่างกันยังไง แล้วจะเลือกเปิดใช้งานบัตรไหนดีนะ?
บัตร ATM สามารถใช้กดเงินสด และโอนเงินระหว่างบัญชีจากเงินใบบัญชีธนาคารที่ตู้ ATM
บัตร ATM คืออะไร และใช้ยังไง ?
บัตร ATM เป็นบัตรที่ออกให้โดยธนาคาร โดยออกให้กับผู้ที่เปิดบัญชีเงินฝาก ซึ่งบัตร ATM สามารถใช้ทำธุรกรรมทางการเงินได้ทั้งการถอนเงิน และการโอนเงินระหว่างบัญชีจากเงินฝากในบัญชีธนาคาร โดยบัตร ATM จะใช้งานได้กับตู้ ATM ของธนาคาร ซึ่งสามารถใช้บัตร ATM ที่ตู้ ATM ต่างธนาคารได้ แต่อาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบัตร โดยบัตร ATM จะเน้นการถอนเงินสดเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้จ่ายออนไลน์ หรือใช้ชำระค่าสินค้าและบริการได้
บัตรเดบิต (Debit card) สามารถใช้ชำระค่าสินค้า บริการ และกดเงินสดจากเงินในบัญชีธนาคาร ATM ได้
บัตรเดบิตคืออะไร และใช้ยังไง ?
บัตรเดบิต หรือ Debit Card เป็นบัตรที่ออกโดยธนาคารและผูกกับบัญชีเงินฝากของผู้ใช้งาน สามารถใช้กดเงินสดได้ ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ รวมถึงการชำระสินค้าและบริการที่ร้านค้าที่มีเครื่องรับชำระ แต่การใช้บัตรเดบิต เงินจะถูกหักออกจากบัญชีของคุณโดยตรง อย่างเช่น มีเงินอยู่ในบัญชีที่ผูกกับบัตรเดบิตอยู่ 1,000 บาท แล้วใช้ซื้อของมูลค่า 500 บาท เงินในบัญชีของคุณก็จะเหลือ 500 บาท แต่ถ้าไม่มีเงินสดอยู่ในบัญชี บัตรเดบิตจะไม่สามารถใช้งานได้ นอกจากนี้บัตรเดบิตยังมีบริการที่เหมือนกับบัตร ATM คือสามารถทำธุรกรรม เช่น เบิกถอนเงินสดได้
ข้อดีของบัตรเดบิตไม่ใช่แค่การใช้รูดซื้อของได้เท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้มีบัตรเดบิตหลายประเภทที่มาพร้อมกับโปรโมชั่นมากมาย เช่น การคุ้มครองอุบัติเหตุ ค่ารักษาสำหรับอุบัติเหตุ และส่วนลดมากมาย โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบัตรนั้นๆ
บัตรเครดิตช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ โดยไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก ทั้งยังสามารถใช้จ่ายได้ทั่วโลก
บัตรเครดิตคืออะไร บัตรเครดิตใช้ยังไง ?
บัตรเครดิต หรือ Credit Card คือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีวงเงินในบัตรออกโดยธนาคารหรือสถาบันการเงิน ซึ่งธนาคารจะเป็นผู้กำหนดวงเงินบัตรเครดิตให้คุณ สามารถใช้จ่ายชำระค่าสินค้าและบริการได้ตามร้านค้า ห้างสรรพสินค้า หรือการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และชำระเงินเมื่อถึงวันครบกำหนดชำระ ถ้าหากว่าชำระล่าช้าหรือชำระไม่เต็มจำนวนตามยอดที่ต้องชำระจะต้องเสียค่าดอกเบี้ยตามเงื่อนไข ซึ่งบัตรเครดิต KTC มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ และมีโปรโมชั่นที่แตกต่างกันออกไป ถ้าใครไม่อยากเสียดอกเบี้ย แนะนำให้ชำระยอดแบบเต็มจำนวนและตรงตามกำหนดเวลา โดยข้อดีของการใช้บัตรเครดิต นอกเหนือจากการใช้จ่ายด้วยวงเงินที่ได้รับ ยังมีสิทธิประโยชน์ และโปรโมชั่นมากมาย ทั้งผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน, คะแนนสะสมเพื่อแลกรับสิทธิพิเศษต่างๆ และส่วนลดมากมายครอบคลุมทุกหมวดการใช้จ่าย
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างบัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตร ATM
รายละเอียด |
บัตร ATM |
บัตรเดบิต |
บัตรเครดิต |
กดเงินสดได้ |
✓ |
✓ |
✓ |
ชำระสินค้าแทนเงินสด |
✖ |
✓ |
✓ |
ค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสด |
ฟรี |
ฟรี |
3% และ VAT 7% |
วงเงินใช้จ่าย |
ตามยอดเงินในบัญชี |
ตามยอดเงินในบัญชี |
ตามวงเงินที่ได้รับ |
ดอกเบี้ย |
ไม่มี |
ไม่มี |
16% ต่อปี หากชำระไม่เต็มจำนวน |
โปรโมชั่น |
ไม่มี |
ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบัตร |
ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบัตร |
กำหนดคุณสมบัติผู้สมัคร |
✖ |
✖ |
✓ |
คะแนนสะสม |
✖ |
✖ |
✓ |
จุดเด่นของบัตรเครดิต KTC คือคะแนนสะสม เพื่อใช้แลกรับส่วนลด มากมาย โดยจะได้รับ 1 คะแนน KTC FOREVER เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตทุกๆ 25 บาท หรือจะใช้แลกไมล์สายการบิน หรือคะแนนในเครือโรงแรมชั้นนำได้ สำหรับคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวบัตรเครดิต KTC X – AGODA WORLD REWARDS MASTERCARD ยังสามารถใช้คะแนน KTC FOREVER 800 คะแนน = 100 บาท AgodaCash ซึ่งมาพร้อมกับโปรโมชั่นส่วนลดสำหรับที่พักต่างๆ ให้เลือกมากมาย พร้อมรับคะแนน KTC FOREVER สูงสุด x3 เมื่อใช้จ่ายในหมวดร้านอาหาร ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยวในประเทศไทย และการใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศตามเงื่อนไขที่กำหนด ใครสนสมัครบัตรเครดิต KTC ก็เข้าไปกรอกรายละเอียด พร้อมสมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ได้เลย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC