หลายคนอาจคุ้นกับคำว่า “ประกันภัยรถยนต์” แต่ยังไม่เคยได้ยิน “ประกันอะไหล่รถยนต์” อย่างชัดเจน จริง ๆ แล้ว ประกันชนิดนี้เป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับเจ้าของรถที่ต้องการความมั่นใจมากขึ้นหลังหมดระยะประกันศูนย์ โดยเฉพาะรถมือสองหรือรถที่ผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่ง แต่ประกันอะไหล่รถยนต์ที่ว่านี้คืออะไรกันแน่? คุ้มครองครอบคลุมชิ้นส่วนใดของรถยนต์บ้าง? และประกันอะไหล่รถยนต์ที่ไหนดี? บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ประกันอะไหล่รถยนต์ คืออะไร?
ประกันอะไหล่รถยนต์ คือกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกแบบมาเพื่อมอบความคุ้มครองเพิ่มเติมให้กับเจ้าของรถยนต์ โดยจะเน้นไปที่การช่วยแบ่งเบาภาระ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ ของรถยนต์ที่เกิดการชำรุดเสียหายจากการใช้งานตามปกติ ไม่ใช่จากอุบัติเหตุ โดยคุ้มครองหลังจากระยะเวลาการรับประกันคุณภาพจากผู้ผลิตรถยนต์ตามมาตรฐาน หรือประกันศูนย์ได้สิ้นสุดลงแล้ว
ประกันอะไหล่รถยนต์ต่างจากประกันรถยนต์ไหม?
ประกันภัยรถยนต์ทั่วไปจะเน้นคุ้มครองอุบัติเหตุ หรือความเสียหายจากภายนอก แต่ประกันอะไหล่รถยนต์จะเน้นความคุ้มครองภายในตัวรถ เช่น เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบส่งกำลัง ระบบไฟฟ้า เป็นต้น ดังนั้น ประกันอะไหล่รถยนต์จึงตอบโจทย์สำหรับรถมือสองที่เริ่มมีการสึกหรอของชิ้นส่วนจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือผู้ใช้รถป้ายแดงที่ต้องการลดความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่จากการซ่อมรถ โดยเฉพาะรถที่หมดประกันศูนย์
ประกันอะไหล่รถยนต์ คุ้มครองอะไรบ้าง?
ความคุ้มครองของประกันอะไหล่รถยนต์ขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เลือกซื้อ, บริษัทประกันภัย, อายุและรุ่นของรถยนต์ โดยทั่วไปแล้วประกันอะไหล่รถยนต์มักจะให้ความคุ้มครองชิ้นส่วนหลักของรถยนต์ ได้แก่
- เครื่องยนต์ครอบคลุมชิ้นส่วนสำคัญ เช่น ลูกสูบ ปะเก็น ฝาสูบ เป็นต้น ซึ่งหากมีอาการเครื่องยนต์สั่น หรือกำลังตก อาจต้องซ่อมในจุดนี้
- ระบบเกียร์ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ รวมถึงคลัตช์ เฟือง และเพลาขับ
- ระบบไฟฟ้าเช่น กล่อง ECU เซ็นเซอร์ และระบบสตาร์ทรถ เป็นต้น
- ระบบเบรกและพวงมาลัยเช่น ปั๊มเบรก คาลิเปอร์ หรือแร็คพวงมาลัย เป็นต้น
- ระบบกรองและหล่อลื่น บางประกันครอบคลุมถึงไส้กรองน้ำมันเครื่องซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
แม้ว่ายางเปอร์เซ็นต์ หรือชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานทั่วไป เช่น ผ้าเบรกหรือยางรถ จะไม่อยู่ในความคุ้มครองของประกันอะไหล่รถยนต์ แต่ก็เป็นสัญญาณที่ควรพิจารณาว่าถึงเวลาปรับปรุงสภาพรถ และอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการมองหาประกันประเภทนี้ไว้รองรับค่าใช้จ่ายในอนาคต
ประกันอะไหล่รถยนต์จำเป็นไหม รถแบบไหนที่ควรทำ?
รถที่หมดประกันศูนย์แล้ว
เมื่อรถของคุณพ้นระยะเวลารับประกันจากโรงงานผู้ผลิต ความรับผิดชอบในค่าซ่อมและค่าอะไหล่ที่เกิดจะตกเป็นของคุณทั้งหมด หากโชคไม่ดีเจอชิ้นส่วนสำคัญเสียขึ้นมา ค่าใช้จ่ายอาจสูงมาก การมีประกันส่วนนี้ไว้จะช่วยรับภาระค่าใช้จ่ายตามความคุ้มครองที่ระบุในกรมธรรม์ช่วยให้คุณไม่ต้องควักเงินก้อนโตในคราวเดียว
รถมือสองที่ไม่มีประวัติชัดเจน
การซื้อรถยนต์มือสองมีความเสี่ยงแฝงอยู่เสมอ คุณอาจไม่ทราบประวัติการใช้งานหรือการบำรุงรักษาที่แท้จริง และรถส่วนใหญ่มักจะหมดประกันศูนย์ไปแล้ว หรือในบางกรณีอาจจะเหลือระยะเวลาสั้น ๆ การมีประกันอะไหล่รถยนต์มือสองที่คุ้มครองครอบคลุมในปี 2568 จึงช่วยลดความเสี่ยงจากค่าซ่อมที่อาจเกิดขึ้นกับอะไหล่สำคัญหลังจากซื้อรถมาใช้งานได้ไม่นาน
รถที่ใช้งานทุกวัน หรือวิ่งไกลเป็นประจำ
สำหรับรถที่ใช้งานทุกวัน หรือวิ่งในระยะทางไกลเป็นประจำ มีความเสี่ยงสูงที่อะไหล่จะเสื่อมสภาพเร็วกว่ารถที่ใช้งานน้อย ทำให้มีโอกาสเกิดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่สูงขึ้นได้ การทำประกันอะไหล่รถยนต์จะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดเหล่านี้
นอกจากนี้ ประกันอะไหล่รถยนต์บางแห่งอาจมีบริการเสริมอื่น ๆ เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไกลเป็นประจำ ดังนั้น การพิจารณาทำประกันอะไหล่รถยนต์จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับรถที่ใช้งานหนัก
รถยนต์ยุโรป หรือรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีซับซ้อน
รถยนต์จากฝั่งยุโรป หรือรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีที่ซับซ้อน มักจะมีค่า อะไหล่และค่าแรงในการซ่อมบำรุงที่สูงกว่ารถยนต์ญี่ปุ่น หรือรถยนต์ทั่วไปในท้องตลาด การทำประกันสำหรับรถกลุ่มนี้จึงเป็นการบริหารความเสี่ยงที่ดีเยี่ยม เพราะช่วยจำกัดความเสียหายทางการเงิน
ประกันอะไหล่รถยนต์ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?
ในการทำประกันอะไหล่รถยนต์ ผู้เอาประกันภัยจำเป็นต้องเตรียมเอกสารหลัก ๆ ในการสมัคร มีดังนี้
- สำเนาทะเบียนรถใช้เพื่อยืนยันว่ารถอยู่ในชื่อของผู้ขอทำประกัน และระบุข้อมูล เช่น เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ รุ่นรถ ปีจดทะเบียน
- สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ทำประกัน โดยชื่อ-นามสกุลจะต้องตรงกับชื่อในเล่มทะเบียนรถ
- เอกสารแสดงประวัติการเช็กระยะ/ซ่อมบำรุง (ถ้ามี)บริษัทบางแห่ง อาจขอดูประวัติการเข้าศูนย์หรืออู่ เพื่อพิจารณาว่าสภาพรถอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรับประกันได้หรือไม่
- รูปถ่ายรถรอบคันและเลขไมล์ปัจจุบันเพื่อให้บริษัทประกันเห็นสภาพล่าสุดของรถ และใช้ในการประเมินว่าควรให้ความคุ้มครองในระดับไหน
- เอกสารประกอบอื่น ๆ ตามกำหนด เช่น สัญญาซื้อขาย (ในกรณีเพิ่งซื้อรถมือสอง), หรือหนังสือมอบอำนาจ (หากให้ผู้อื่นดำเนินการแทน)
ประกันอะไหล่รถยนต์ เพื่อความอุ่นใจในทุกการเดินทาง
การเลือกทำประกันอะไหล่รถยนต์ นอกจากจะช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยแล้ว ยังเป็นการยืดอายุการใช้งานของรถด้วย แม้จะมีการวางแผนเรื่องประกันแล้ว บางครั้งชีวิตก็อาจมีเรื่องไม่คาดฝันที่ต้องการเงินก้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง หากคุณต้องการเงินทุนหมุนเวียน การมีรถยนต์รถที่ยังผ่อนอยู่หรือปลอดภาระก็อาจเป็นทางออกได้เช่นกัน
ซึ่งสินเชื่อรถแลกเงิน KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงินก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ บิ๊กไบค์ หรือมอเตอร์ไซค์ ก็สมัครสินเชื่อได้ และจำนำทะเบียนรถแบบไม่ต้องโอนเล่ม ให้วงเงินสูงสุด 100% ทำให้ยังมีรถใช้งานอยู่ อาชีพไหนก็สมัครได้ ไม่ต้องมีคนค้ำ อนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที ทั้งยังผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน โปะปิดได้ไม่มีค่าธรรมเนียม สมัครง่าย ไม่มีวันหยุดเปิดตลอด 7 วัน
กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร
เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
*วงเงินอนุมัติเป็นไปตามความสามารถในการชำระหนี้และราคาประเมินมูลค่ารถ
*อนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที เมื่อเอกสารครบถ้วนถูกต้องและโอนเงินเข้าบัญชีกรุงไทยหรือพร้อมเพย์
*เมื่อวงเงินกู้ 200,000 บาทขึ้นไป สามารถเลือกผ่อนชำระได้นานสูงสุด 84 เดือน
*กรณีรถยนต์ติดไฟแนนซ์ อนุมัติและโอนเงินหลังจากกรรมสิทธิ์ในรถเป็นชื่อผู้กู้เรียบร้อยแล้ว
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21%-24% ต่อปี
กรณีที่รถยังผ่อนไม่หมด สามารถนำมาประเมินวงเงินเบื้องต้นก่อนได้