ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทั้งหมดล้วนเป็นภาระทางการเงินที่หลายคนต้องเผชิญ หลายครัวเรือนเริ่มรู้สึกถึงความตึงเครียดทางการเงิน และจำเป็นต้องมองหาทางออกฉุกเฉินเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ซึ่งก็ไม่แปลกที่หลายคนจะเริ่มหันมาพิจารณาการกู้เงินฉุกเฉินในรูปแบบต่าง ๆ หนึ่งในนั้นก็คือ “การกดเงินสดจากบัตรเครดิต”
ในขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดคำถามที่ว่า การกดเงินสดจากบัตรเครดิตเป็นทางเลือกที่ช่วยบริหารค่าครองชีพได้จริง? หรือกลับกันจะเป็นการสร้างภาระหนี้ก้อนใหญ่ให้ตนเองอย่างไม่คาดคิด ในบทความนี้ KTC จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของการกดเงินสดจากบัตรเครดิต เพื่อให้คุณเข้าใจข้อดี ข้อเสีย และวิธีใช้อย่างชาญฉลาด ก่อนตัดสินใจใช้เป็นเครื่องมือทางการเงิน
ทำความเข้าใจ “กดเงินสดจากบัตรเครดิต” คืออะไร
การกดเงินสดจากบัตรเครดิต คือ การที่เราใช้บัตรเครดิตของเราไปเบิกถอนเงินสดออกมาจากตู้ ATM หรือทำรายการผ่านช่องทางอื่น ๆ ที่สถาบันการเงินกำหนด เช่น แอปพลิเคชันของสถาบันการเงิน การเบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิตเสมือนกับการถอนเงินสดจากบัญชีออมทรัพย์ แต่ต่างกันตรงที่เงินสดที่ได้มานั้น ไม่ใช่เงินของเรา แต่เป็นเงินที่เรา “กู้ยืม” จากธนาคาร/สถาบันการเงินภายใต้วงเงินบัตรเครดิตที่ได้การอนุมัติ
ความแตกต่างระหว่างการกดเงินสดกับการรูดบัตรเครดิตซื้อของทั่วไป
ความแตกต่างระหว่างการเบิกถอนเงินสดกับการรูดบัตรเครดิตซื้อของทั่วไปก็คือ เมื่อรูดบัตรเครดิตซื้อสินค้าหรือบริการ จะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย สูงสุดที่ 45 วัน ในการชำระตามยอดที่รูดไป
หากชำระไม่เต็มจำนวนแต่ยังชำระตรงเวลาตามใบแจ้งยอดค่าใช้จ่าย จะต้องเสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี ซึ่งดอกเบี้ยจะเริ่มคำนวณตั้งแต่วันที่ทำรายการ โดยจะแยกคำนวณดอกเบี้ยออกเป็น 2 ส่วน คือ ดอกเบี้ยเงินต้น ของวันที่บันทึกรายการถึงวันก่อนวันชำระเงิน 1 วัน และดอกเบี้ยค้างชำระ ของวันที่ชำระขั้นต่ำจนถึงวันสรุปยอดบัญชีถัดไป
สำหรับการกดเงินสดจากบัตรเครดิต เมื่อเริ่มเบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิต หรือโอนเงินจากบัตรเครดิต จะเริ่มคิดดอกเบี้ยทันทีตั้งแต่วันที่กดเงินสดออกมาจนถึงวันก่อนวันชำระ 1 วัน นอกจากนี้ ยังมีค่าธรรมเนียมในการเบิกถอนเงินสด 3% ของยอดที่เบิกถอน + ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ของค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสดี สำหรับทุกครั้งที่มีการเบิกถอนกดเงินสด
กดเงินสดจากบัตรเครดิตได้เท่าไหร่
จำนวนเงินสดที่สามารถเบิกถอนจากบัตรเครดิตได้นั้น ขึ้นอยู่กับยอดวงเงินคงเหลือ ณ ขณะนั้นในบัตรเครดิต โดยแต่ละสถาบันการเงินก็จะมีเงื่อนไขในการกดเงินสดแตกต่างกันไป บางสถาบันการเงินอนุมัติให้กดเงินสดจากบัตรเครดิตได้เต็มวงเงินของยอดคงเหลือ แต่ในบางสถาบันการเงินก็ไม่อนุมัติให้สมาชิกผู้บัตรเครดิตกดเงินได้เต็มวงเงินที่เหลือ สำหรับบัตรเครดิต KTC สามารถเบิกถอนเงินสดได้เต็ม 100% ของวงเงินคงเหลือในขณะนั้น สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท/วัน ผ่านเครื่อง ATM และสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/วัน ผ่านแอป KTC Mobile
ความสะดวกและข้อจำกัดของการกดเงินสดจากบัตรเครดิต
ความสะดวกของการกดเงินสดจากบัตรเครดิตก็คือ สมาชิกบัตรเครดิตสามารถเข้าถึงเงินสดได้ทันทีในยามจำเป็น โดยไม่ต้องยื่นเอกสารให้ยุ่งยาก หรือเสียเวลา แต่ข้อจำกัดที่สำคัญคือ บางสถาบันกำหนดว่า ไม่สามารถกดเงินสดได้เต็มวงเงินบัตรเครดิตทั้งหมด อีกทั้งยังต้องเสียค่าธรรมเนียมในการกดเงินสด และจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ด้วย
ข้อดีของการกดเงินสดจากบัตรเครดิต
การกดเงินสดจากบัตรเครดิตช่วยอำนวยความสะดวกสบาย และตอบโจทย์ความต้องการในยามจำเป็น ถือเป็นเครื่องมือบริหารค่าครองชีพได้อย่างดีเยี่ยม
- การเข้าถึงเงินสดได้ทันทีในยามฉุกเฉิน
ข้อดีที่สำคัญที่สุดก็คือ การเป็นตัวช่วยทางการเงินในยามจำเป็น เพราะเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์เร่งด่วนที่ต้องใช้เงินสดทันที เช่น การจ่ายค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน หรือซ่อมแซมบ้านที่เสียหายกะทันหัน การกดเงินสดจากบัตรเครดิตเพื่อมาใช้จ่ายเป็นทางเลือกที่รวดเร็วและสะดวกที่สุด
- ทางเลือกช่วยลดความกดดันเรื่องค่าครองชีพชั่วคราว
สำหรับคนบางกลุ่มที่ประสบปัญหาหมุนเงินไม่ทันในแต่ละเดือน หรือรายได้ในเดือนนั้น ๆ ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย และต้องการเงินสดออกมาเพื่อใช้จ่ายทั่วไปในชีวิตประจำวัน บัตรเครดิตที่สามารถกดเงินสดออกมาได้จะช่วยประคองสถานการณ์ได้ชั่วคราว เพื่อให้มีเวลามองหาลู่ทางแก้ปัญหา และวางแผนการเงินต่อไป
- การไม่ต้องใช้เอกสารหรือเครดิตในการขอกู้เงินเหมือนสินเชื่อทั่วไป
การกดเงินสดจากบัตรเครดิตแตกต่างจากการขอสินเชื่อส่วนบุคคลตรงที่การขอสินเชื่อจะต้องผ่านกระบวนการอนุมัติ ตรวจสอบเอกสาร และเช็กเครดิตบูโร ซึ่งใช้เวลานาน การกดเงินสดจากบัตรเครดิตนั้น สามารถทำได้ทันที เมื่อคุณยังมีวงเงินเหลืออยู่ในบัตรเครดิต
ข้อเสียและความเสี่ยงที่ต้องรู้
สิ่งที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องและชัดเจนก่อนตัดสินใจกดเงินสดจากบัตรเครดิตก็คือ ข้อเสียและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าการใช้รูดซื้อสินค้า
ดอกเบี้ยจากการกดเงินสดมักจะอยู่ในอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด สำหรับบัตรเครดิต KTC อัตราดอกเบี้ยคิดเป็น 16% ต่อปี ตั้งแต่วันที่ทำรายการและเริ่มคิดทันทีตั้งแต่วันที่กดเงินสดออกมา นอกจากนี้ ยังมีค่าธรรมเนียมการกดเงินสด คิดเป็น 3% ของยอดที่กดเงินสด และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ของค่าธรรมเนียมกดเงินสด
- ระยะเวลาผ่อนชำระที่สั้นและอาจสร้างภาระหนี้สูง
โดยทั่วไปแล้ว ยอดการกดเงินสดจะถูกรวมเข้ากับยอดหนี้บัตรเครดิตที่คุณต้องชำระคืนในรอบบิลถัดไป หากคุณชำระเพียงยอดขั้นต่ำ ยอดหนี้และดอกเบี้ยก็จะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณต้องแบกภาระหนี้ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
- ความเสี่ยงการติดเครดิตบูโร หากชำระไม่ตรงเวลา
หากคุณไม่สามารถชำระคืนหนี้บัตรเครดิต ได้ตรงตามกำหนดเวลา ประวัติการชำระหนี้ของคุณจะถูกบันทึกลงในเครดิตบูโร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโอกาสในการขอสินเชื่ออื่น ๆ ในอนาคต เช่น สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อรถ
- ผลกระทบต่อการวางแผนการเงินในระยะยาว
การต้องจ่ายดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมที่สูง และภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้เงินที่คุณมีถูกใช้ไปกับการชำระหนี้แทนที่จะสามารถนำไปเก็บออม หรือลงทุน ส่งผลให้เสียโอกาสในการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
วิธีกดเงินสดจากบัตรเครดิตอย่างปลอดภัยและคุ้มค่า
หากจำเป็นต้องใช้จ่ายด้วยเงินสด แต่ไม่มีเงินสำรองมากเพียงพอ การเบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิตเป็นทางเลือกที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วมากที่สุด เพียงแต่จะต้องใช้อย่างชาญฉลาดและใช้ในยามจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมก่อนกดเงินสด
ก่อนเริ่มกดเงินสดจากบัตรเครดิต ควรศึกษาเงื่อนไขการชำระหนี้ อัตราดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น จากสถาบันการเงินที่ให้บริการบัตรเครดิต เพื่อให้คุณสามารถคำนวณภาระหนี้ที่จะเกิดขึ้นได้
วางแผนการชำระเงินคืนให้ชัดเจน
ควรกำหนดแผนการชำระคืนที่เป็นไปได้จริง โดยพยายามชำระคืนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และดีที่สุดคือการชำระคืนเต็มจำนวน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยและระยะเวลาในการเป็นหนี้
ใช้ในสถานการณ์จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
การเบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิตควรเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ไม่ควรใช้กดเงินสดเพื่อนำมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือแก้ปัญหาการเงินระยะยาว เพราะจะยิ่งเพิ่มพูนปัญหาทางการเงินให้หนักขึ้น
เปรียบเทียบกับทางเลือกอื่น เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
ก่อนกดเงินสดจากบัตรเครดิต ควรลองพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ ที่อาจมีต้นทุนถูกกว่า หรือสร้างภาระน้อยกว่า เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ หรือแม้แต่การปรึกษาสถาบันการเงินเพื่อขอคำแนะนำในการปรับโครงสร้างหนี้
ต้องการกดเงินสดจากบัตรเครดิต แต่ไม่มีรหัส ควรทำอย่างไร
นับเป็นปัญหาหลัก ๆ ที่กวนใจผู้ถือบัตรเครดิตหลายคนไม่น้อย แม้โดยทั่วไปแล้ว ทางสถาบันการเงินผู้ให้บริการบัตรเครดิตจะส่งรหัสกดเงินสดมาให้ พร้อมบัตรเครดิต แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลาย ๆ คนก็อาจจะหลงลืมรหัสกดเงินสดของตน หรืออาจทำเอกสารแจ้งรหัสสูญหาย ทำให้ไม่สามารถกดเงินจากบัตรเครดิตได้ และหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น สมาชิกบัตรเครดิต KTC สามารถโทร. ติดต่อได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 เพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหา และอำนวยความสะดวกสบายให้คุณสามารถกดเงินสดได้รวดเร็วมากขึ้น โดยการเบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิต KTC มี 2 วิธี ดังนี้
- เบิกถอนเงินสดด้วยบัตรเครดิตจากตู้ ATM
- เบิกถอนเงินสดด้วยบัตรเครดิต ผ่านแอปพลิเคชัน KTC Mobile
กดเงินสดจากบัตรเครดิต ช่วยค่าครองชีพได้จริงหรือ
เมื่อทราบแล้วว่าบัตรเครดิตสามารถกดเงินสดออกมาได้จริง คำถามสำคัญก็คือ การกดเงินสดจากบัตรเครดิตสามารถช่วยบริหารค่าครองชีพได้จริงหรือไม่ ซึ่งคำตอบก็จะขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละบุคคล และวิธีการบริหารจัดการเงิน
สถานการณ์ที่การกดเงินสดช่วยบรรเทาค่าครองชีพได้
หากคุณมีเหตุจำเป็นฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินสดจำนวนเล็กน้อย และคุณมั่นใจว่าจะสามารถชำระคืนได้เต็มจำนวนในรอบบิลถัดไป การกดเงินสดจากบัตรเครดิตอาจเป็นทางออกชั่วคราวที่ช่วยให้คุณผ่านพ้นวิกฤตไปได้โดยไม่สร้างภาระดอกเบี้ยมหาศาล
สถานการณ์ที่อาจทำให้ปัญหาค่าครองชีพรุนแรงขึ้น
หากคุณเบิกถอนเงินสดเพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเป็นประจำ ทั้งยังไม่สามารถชำระคืนได้เต็มจำนวน หรืออาจชำระได้เพียงขั้นต่ำ พฤติกรรมในลักษณะนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างวงจรหนี้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ดอกเบี้ยที่สูงลิ่วจะทำให้หนี้สินยิ่งพอกพูน และค่าครองชีพที่สูงอยู่แล้วก็จะมีแต่ยิ่งสูงขึ้น
ทั้งนี้ การกดเงินสดจากบัตรเครดิตเป็นทางเลือกที่มอบความสะดวกในการเข้าถึงเงินสดในยามฉุกเฉิน แต่ขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่สูง รวมถึงความเสี่ยงในการสร้างภาระหนี้ก้อนใหญ่ หากไม่มีแผนบริหารจัดการเงินที่ดี
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ พยายามสร้างกองทุนสำรองฉุกเฉินไว้ใช้ในยามจำเป็น โดยควรจะต้องมีเงินสำรองไว้อย่างน้อย 3 - 6 เท่าของเงินเดือน และจะต้องวางแผนการชำระคืนที่ชัดเจน รัดกุม และทำได้จริง
บัตรเครดิตคือเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์ แต่หากใช้อย่างไม่ระมัดระวังก็จะก่อให้เกิดปัญหาทางการเงินตามมามากมาย การทำความเข้าใจและใช้อย่างชาญฉลาด คือหนทางสู่ความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า ทั้งยังได้รับความคุ้มค่าทุกการใช้จ่ายกับคะแนน KTC FOREVER ที่สะสมได้ไม่จำกัดและไม่มีวันหมดอายุ
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC