เมื่อครอบครัวใหญ่ขึ้น ความต้องการต่างๆ อาจมากขึ้น เวลาอยากได้ของชิ้นใหญ่ ทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง แต่มีเงินสดไม่เพียงพอต่อการซื้อในครั้งเดียว หรือไม่ต้องการควักกระเป๋าทุ่มเงินก้อนจ่ายซื้อในทีเดียว การเลือกวิธีผ่อนชำระแต่ได้ของมาใช้ก่อน หรือแบบที่หลายคนเรียกว่า “การเช่าซื้อ” ดูเป็นทางออกที่ดี แล้วสัญญาเช่าซื้อ คืออะไร มีเกณฑ์อะไร ทรัพย์สินที่เช่าซื้อได้มีอะไรบ้าง ? ครั้งนี้ KTC มีคำตอบ
สัญญาเช่าซื้อ คืออะไร? แตกต่างจากลีสซิ่งอย่างไร
หากดูตามความหมายแบบตรงตัว สัญญาเช่าซื้อ คือการมีสัญญา “เช่า” เพื่อจะ “ซื้อขาย” ในอนาคต ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 ระบุความหมายว่า “เช่าซื้อ” คือสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่า และให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้นหรือว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิ์แก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว
หมายความว่า หากเราเป็นผู้เช่าซื้อ เราสามารถนำทรัพย์สินนั้นมาใช้สอยได้ก่อน โดยมีข้อตกลงว่าเราจะผ่อนชำระค่างวดให้แก่เจ้าของทรัพย์สิน หรือผู้ให้เช่าซื้อ โดยกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นๆ หรือเจ้าของตัวจริงตามกฎหมาย ยังอยู่ที่เจ้าของเดิม จนกว่าเราจะจ่ายจะเงินค่างวดครบตามสัญญา ทรัพย์สินนั้นจึงตกมาอยู่ในกรรมสิทธิ์ของเราโดยสมบูรณ์ เช่น สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ทั้งรถใหม่ มือสอง รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือการเช่าซื้อบ้าน ห้องชุด หรือคอนโดมีเนียม ที่มีให้เห็นมากขึ้นในปัจจุบัน
สัญญาเช่าซื้อ แตกต่างกับลีสซิ่ง ตรงไหน
- กรรมสิทธิ์สินทรัพย์:
- เช่าซื้อ: ผู้เช่าซื้อต้องการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ในระยะยาว
- ลีสซิ่ง: สินทรัพย์ยังคงเป็นของผู้ให้เช่า จนกว่าจะเลือกซื้อ
- ค่าใช้จ่าย:
- เช่าซื้อ: ผู้เช่าซื้อรับผิดชอบค่าเสื่อม, ดอกเบี้ย, และค่าประกัน
- ลีสซิ่ง: ผู้เช่ารับผิดชอบแค่ค่าเช่ารายเดือน
- ลดหย่อนภาษี:
- เช่าซื้อ: ลดหย่อนภาษีจากค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ย
- ลีสซิ่ง: ลดหย่อนภาษีจากค่าเช่ารายเดือน
- เหมาะกับธุรกิจ:
- เช่าซื้อ: ธุรกิจที่ต้องการเป็นเจ้าของสินทรัพย์
- ลีสซิ่ง: ธุรกิจที่ต้องการหักค่าใช้จ่ายเพื่อภาษี
- ระยะเวลาสัญญา:
- เช่าซื้อ: ประมาณ 2-5 ปี
- ลีสซิ่ง: ประมาณ 3-5 ปี
เกณฑ์ในการทำสัญญาเช่าซื้อมีอะไรบ้าง ?
ก่อนร่างสัญญาเช่าซื้อ ทั้งสองฝ่ายควรคำนึงถึงหลักเกณฑ์สำคัญต่างๆ เพื่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายและไม่เกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง ซึ่งเกณฑ์ในการทำสัญญาเช่าซื้อมีดังนี้
- ทรัพย์ที่นำมาเช่าซื้อต้องเป็นทรัพย์ที่ซื้อขายกันได้ตามกฎหมาย เช่น รถยนต์ ห้องชุด บ้าน
- ผู้ให้เช่าซื้อ ต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของทรัพย์ เพราะกฎหมายไม่อนุญาตให้นำทรัพย์ของผู้อื่นมาให้เช่าซื้อ
- ผู้ให้เช่าซื้อจะต้องนำทรัพย์ให้ผู้เช่าซื้อใช้ประโยชน์
- ผู้ให้เช่าซื้อให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์นั้นๆ แก่ผู้เช่าซื้อ หรือให้ทรัพย์นั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เช่าซื้อ โดยไม่สามารถยึดคืนหรือยกเลิกระหว่างสัญญา เว้นแต่เป็นกรณีที่ผู้เช่าซื้อไม่ชำระค่างวดติดต่อกันเกิน 2 งวด หรือไม่จ่ายเงินตามตกลง
- ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ชำระค่างวดเป็นงวดๆ ตามที่ตกลงในสัญญาจนครบจำนวน
- สัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือ และมีการลงลายมือชื่อของทั้งสองฝ่าย จะทำด้วยวาจาไม่ได้ เพราะจะตกเป็นโมฆะหรือไม่มีผลตามกฎหมาย
ประโยชน์ของการเช่าซื้อ ?
- ไม่ต้องจ่ายเงินก้อน แต่เป็นการทยอยผ่อนจ่ายค่างวดรายเดือนที่คงที่ (Fixed Monthly Payments) แต่ได้ใช้ทรัพย์นั้นตั้งแต่ทำสัญญา
- ไม่ต้องเสียค่าเช่าไปฟรีๆ เพราะผู้เช่ามีโอกาสเป็นเจ้าของทรัพย์สิน หลังผ่อนชำระครบตามเงื่อนไข
- มีระยะเวลาผ่อนชำระที่ยืดหยุ่น โดยทั่วไปมีระยะเวลาผ่อนชำระที่ยืดหยุ่น และมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสินเชื่อส่วนบุคคล
- มีโอกาสเปลี่ยนใจและประเมินความสามารถทางการเงินได้ คือหากเราทำการเช่าซื้อและจ่ายค่างวดไปสักพักแล้วรู้สึกว่าจ่ายไม่ไหว ก็สามารถคืนทรัพย์นั้นได้ โดยไม่มีภาระมากมายติดตัวเหมือนการซื้อขายและจดจำนองในระยะยาว
การเช่าซื้อเหมาะกับใคร ?
การเช่าซื้อเหมาะกับคนที่อยากได้ของชิ้นใหญ่ ทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง แต่มีเงินสดไม่เพียงพอต่อการซื้อในครั้งเดียว หรือไม่ต้องการใช้เงินเก็บ เงินก้อนในทีเดียว เนื่องจากอาจเล็งเห็นช่องทางทำกำไรจากการนำเงินก้อนนั้นไปลงทุนกับสิ่งอื่นมากยิ่งกว่า และยังเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่อยากขอสินเชื่อจากธนาคาร คนที่กู้ไม่ผ่าน คนที่เคยมีประวัติการชำระเงินที่ไม่ค่อยดี หรือคนที่ไม่มีสลิปเงินเดือน ให้มีโอกาสได้ผ่อนชำระ และเมื่อชำระค่าเช่าซื้อครบตามจำนวนก็ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้น
สัญญาเช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อมีสิทธิ์ในการใช้ทรัพย์สินนั้นตั้งแต่ช่วงเริ่มสัญญา แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของจนกว่าจะชำระเงินครบ
ทรัพย์สินที่เช่าซื้อได้มีอะไรบ้าง ?
ตัวอย่างทรัพย์สินที่มีการทำสัญญาเช่าซื้อ ได้แก่
- รถยนต์ ทั้งรถใหม่หรือมือสองเป็นทรัพย์สินที่พบได้บ่อยที่สุดของสัญญาเช่าซื้อ โดยผู้เช่าสามารถใช้รถยนต์ได้ทันที และชำระเงินในระยะเวลาที่ตกลงไว้ จนกว่าจะครบจำนวนที่ตกลงกันไว้
- บ้าน ห้องชุด คอนโดมีเนียม การเช่าซื้อบ้าน ห้องชุด หรือคอนโดมีเนียม มีให้เห็นมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเจ้าของโครงการ หรือเจ้าของห้องชุด คอนโดมีเนียม จะเพิ่มตัวเลือกการให้ทดลองเช่าอยู่ โดยจ่ายค่าเช่าและทำสัญญาเพิ่มเติมระบุให้สามารถเปลี่ยนเงินค่าเช่าที่จ่ายมาแล้วเป็นเงินดาวน์ได้ในอนาคต หากอยากซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น
นอกจากนี้ สัญญาเช่าซื้อยังสามารถใช้ได้กับทรัพย์สินหลายประเภท เช่น จักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า โฮมเธียเตอร์ เครื่องมือเครื่องจักรในการทำธุรกิจ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก อุปกรณ์ไอที และเฟอร์นิเจอร์ ที่มักจะมีสัญญาเช่าซื้อในกรณีที่ผู้บริโภคต้องการใช้สินค้าทันที และชำระเงินในรูปแบบผ่อนชำระตามระยะเวลาที่ตกลงกัน
อ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่าการเช่าซื้อนั้นมีเงื่อนไขที่ค่อนข้างยืดหยุ่นและเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริโภคมากพอสมควร แต่อาจต้องระมัดระวังเลือกผู้ให้เช่าซื้อที่เชื่อถือได้ เพื่อป้องกันการขายทรัพย์ให้บุคคลที่สามโดยที่ผู้เช่าซื้อไม่รู้ตัว และควรศึกษาเงื่อนไขการผิดนัดชำระที่อาจทำให้เสียค่าปรับ หรือแม้กระทั่งการยึดทรัพย์สิน ดังนั้น ยังมีทางเลือกที่ปลอดภัย อุ่นใจมากกว่า อย่างบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ที่ทำกับสถาบันการเงินซึ่งเชื่อถือได้ ใครยังไม่มีก็สามารถเลือกสมัครบัตรที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และมาพร้อมสิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกมากมาย หากสนใจสมัครบัตรเครดิต สามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านทางออนไลน์ ได้เลย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC