ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “เงิน” มีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ดังนั้นการวางแผนการเงินที่ดีจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น รวมไปถึงการเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อประเภทต่างๆ ที่สามารถช่วยเหลือเราในยามฉุกเฉิน หรือเมื่อต้องการเงินทุนหมุนเวียน
KTC จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ "สินเชื่อหมุนเวียน" และ “สินเชื่อเงินสด” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ไว้ประกอบการตัดสินใจ เผื่อในอนาคตคุณอาจจำเป็นต้องเลือกใช้สินเชื่อเหล่านี้นั่นเอง
สินเชื่อหมุนเวียน คืออะไร?
สินเชื่อหมุนเวียน (Revolving Credit) คือ วงเงินสินเชื่อที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินอนุมัติให้ลูกค้าสามารถเบิกใช้ได้ตามความต้องการ ภายในวงเงินที่กำหนด และเมื่อชำระคืนบางส่วนแล้วก็จะได้รับวงเงินกลับคืนมาใช้ได้อีก โดยอัตราดอกเบี้ยก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารหรือสถาบันการเงินเป็นผู้กำหนด
ยกตัวอย่างประเภทสินเชื่อหมุนเวียน
- บัตรเครดิต (Credit Card) : เป็นสินเชื่อหมุนเวียนที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการได้ทั้งในและต่างประเทศ
- สินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคล (Personal Loan) : สินเชื่อเงินก้อนที่ให้ลูกค้าเบิกถอนเงินสดมาใช้ได้ตามต้องการภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ หรือบุคคลค้ำประกัน
- สินเชื่อหมุนเวียนเพื่อธุรกิจ หรือ สินเชื่อหมุนเวียนคู่ค้า (Supply Chain Finance) : ออกแบบมาสำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ โดยมีสถาบันการเงินเข้ามาเป็นตัวกลางในการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ขายและผู้ซื้อ โดยผู้ขายสินค้าหรือบริการ สามารถนำใบแจ้งหนี้ (Invoice) ไปขายในอัตราลด ซึ่ง บริษัททำการขายใบแจ้งหนี้ที่ยังไม่ได้รับการชำระให้กับสถาบันการเงิน เพื่อรับเงินสดทันทีในอัตราที่น้อยกว่ามูลค่าเต็มของใบแจ้งหนี้ โดยสถาบันการเงินจะเป็นผู้รับความเสี่ยงในกรณีที่ลูกค้าไม่ชำระเงินตามใบแจ้งหนี้เต็มจำนวนและบริษัทไม่ต้องรับความเสี่ยงในกรณีที่ลูกค้าไม่ชำระเงิน
สำหรับบริษัทที่ขายใบแจ้งหนี้ในอัตราลดก็ได้รับเงินสดไปหมุนเวียนธุรกิจได้ทันที โดย ไม่ต้องรอรับเงินตามเครดิตเทอมตามกำหนดปกติ ส่วนลูกค้าก็จะเปลี่ยนมาจ่ายเงินให้กับสถาบันการเงินที่รับซื้อใบแจ้งหนี้จากผู้ขายมาไว้แล้ว ทั้งนี้อัตราลดเป็นอัตราที่พิจารณาจากเครดิตของผู้ซื้อสินค้า หากผู้ซื้อสินค้ามีเครดิตดี ผู้ขายก็ยิ่งขายใบแจ้งหนี้ได้ในราคาดีตามไปด้วยตามเครดิตของผู้ซื้อ
สินเชื่อหมุนเวียน เมื่อจ่ายแล้วนำเงินกลับมาใช้ได้เรื่อยๆ ส่วนสินเชื่อเงินสดเป็น เงินก้อนใหญ่ครั้งเดียวตามจำนวนที่ยื่นขอกู้
สินเชื่อหมุนเวียน VS สินเชื่อเงินสด แตกต่างกันอย่างไร
สินเชื่อหมุนเวียนและสินเชื่อเงินสดเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งสินเชื่อทั้งสองประเภทนี้ ก็มีลักษณะเฉพาะ รวมถึงข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นการทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างสินเชื่อทั้งสองประเภทนี้ จะช่วยให้ผู้บริโภคอย่างเรา สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสมกับความต้องการและสถานการณ์ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลักษณะ |
สินเชื่อหมุนเวียน |
สินเชื่อเงินสด |
วงเงิน |
วงเงินหมุนเวียน เบิกถอนได้เท่าที่ต้องการภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ เมื่อชำระคืนแล้วจะได้ วงเงินกลับมาใช้ได้อีก |
ได้รับเงินก้อนครั้งเดียวตามจำนวนที่ขอกู้และได้รับอนุมัติ |
เหมาะกับใคร |
เหมาะกับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวทางการเงิน เสริมสภาพคล่องทางการเงินบางช่วงเวลา หรือมีรายจ่ายไม่แน่นอน |
เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้เงินก้อนใหญ่ครั้งเดียว เป็นการกู้ระยะยาว เช่น ซื้อรถ ปรับปรุงบ้าน |
การเบิกถอน |
สามารถเบิกถอนได้หลายครั้งตามต้องการ ภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ ผ่านบัตรเครดิต ตู้ ATM หรือแอปพลิเคชัน |
จะได้รับโอนเข้าบัญชีธนาคารที่ระบุไว้ หรือได้รับเช็คสั่งจ่ายในนามผู้กู้ |
ความยืดหยุ่น |
มีความยืดหยุ่นสูง สามารถเบิกใช้และชำระคืนได้ตามต้องการ ขั้นต่ำตามที่กำหนด |
มีความยืดหยุ่นน้อยกว่า เนื่องจากมีตารางการชำระเงินที่กำหนดไว้แน่นอน |
การคิดดอกเบี้ย |
คิดเฉพาะยอดที่ใช้จริง |
คิดจากยอดเงินกู้ทั้งหมด |
การชำระคืน |
สามารถเลือกชำระเต็มจำนวนเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย หรือชำระขั้นต่ำตามกำหนดได้ |
ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนเป็นงวดๆ ในจำนวนที่เท่ากันทุกเดือน มีระยะเวลากำหนดชำระที่แน่นอน |
ระยะเวลาการชำระคืน |
ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดแน่นอน สามารถใช้ได้ต่อเนื่องตราบเท่าที่ยังชำระตามเงื่อนไข |
มีกำหนดระยะเวลาการชำระคืนที่แน่นอน เช่น 12, 24, 36 เดือน |
สินเชื่อหมุนเวียนกับสินเชื่อเงินสด มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร
สินเชื่อหมุนเวียน
ข้อดี :
- สามารถเบิกใช้เงินได้ตามต้องการภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ และสามารถชำระคืนได้ตามสะดวก โดยต้องไม่ต่ำกว่าที่ขั้นต่ำกำหนด
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้
- คิดดอกเบี้ยเฉพาะยอดที่ใช้จริง ทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย เมื่อเทียบกับการกู้เงินก้อน
- สามารถใช้เป็นเงินสำรองในยามฉุกเฉินได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการขออนุมัติใหม่ทุกครั้ง
- วงเงินจะกลับมาเมื่อชำระเงินคืน
- สะดวก รวดเร็ว เบิกถอนเงินสดได้ที่ตู้ ATM ทั่วไป
ข้อเสีย :
- ความยืดหยุ่นในการใช้และชำระเงิน อาจนำไปสู่การขาดวินัยทางการเงิน ทำให้เกิดภาระหนี้สะสมได้ง่าย
- อาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการกดเงินสด ค่าธรรมเนียมบัตรรายปี
สินเชื่อเงินสด
ข้อดี :
- ได้รับเงินก้อนทันที เหมาะสำหรับการใช้จ่ายที่ต้องการเงินจำนวนมากในคราวเดียว เช่น การซื้อสินทรัพย์หรือการลงทุน
- มีกำหนดการผ่อนชำระที่แน่นอน ช่วยให้วางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น
- มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสินเชื่อหมุนเวียน
- เหมาะกับค่าใช้จ่ายที่ทราบจำนวนแน่นอน ช่วยให้สามารถกู้เงินได้พอดีกับความต้องการ ไม่เสี่ยงต่อการกู้เกินความจำเป็น
- บางสถาบันการเงินอาจเสนอช่วงปลอดดอกเบี้ยในช่วงแรก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
ข้อเสีย :
- ไม่สามารถเบิกใช้เพิ่มเติมได้หากต้องการเงินมากกว่าที่กู้ไว้
- มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการดำเนินการขอสินเชื่อแต่ละครั้ง
- มีค่าปรับหากไม่สามารถชำระตามกำหนด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประวัติเครดิตได้
- หากต้องการเงินเพิ่ม ต้องผ่านกระบวนการขออนุมัติใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจใช้เวลาพอสมควร
- หากต้องการชำระหนี้ทั้งหมดก่อนครบกำหนด บางสถาบันการเงินอาจมีการคิดค่าธรรมเนียมด้วย
ทั้งนี้ ก่อนจะเลือกใช้สินเชื่อประเภทใดก็ตาม ควรเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการ รูปแบบการใช้จ่าย และสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละบุคคลรวมถึงควรพิจารณารายละเอียดต่างๆ อย่างรอบคอบและมีวินัยในการชำระคืนด้วย เพื่อประโยชน์สูงสุดทางการเงินของตนเองนั่นเอง
สำหรับใครที่สนใจสมัครบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินและเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นกิน เที่ยว ช้อป สามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งบัตรเครดิตยังใช้ซื้อสินค้าและบริการได้ทั้งในและต่างประเทศ ไม่มีค่าธรรมเนียม และทักการใช้จ่าย 25 บาท จะได้รับคะแนน KTC FOREVER 1 คะแนน สามารถนำไปแลกส่วนลด และสิทธิประโยชน์มากมาย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC