“ธุรกิจขายตรง” เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีมานาน เป็นช่องทางในหารายได้ที่มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถทำเป็นอาชีพเสริมจากงานประจำได้ แต่ในปัจจุบันธุรกิจขายตรงอาจถูกสอดไส้ กลายเป็นแชร์ลูกโซ่ หรือกลลวงในการทำธุรกิจ ที่นอกจากจะไม่สร้างรายได้แล้ว ยังอาจทำให้สูญเสียทรัพย์สิน หากใครสงสัยว่าธุรกิจขายตรงแท้จริงแล้วคืออะไร? และควรมีลักษณะอย่างไรถึงจะถูกกฎหมาย KTC รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว
การขายตรง (Direct Selling) เป็นรูปแบบของธุรกิจที่เน้นการขายสินค้าและบริการแก่ลูกค้าโดยตรง
ขายตรงคืออะไร?
ธุรกิจขายตรง (Direct Selling) เป็นรูปแบบของธุรกิจที่เน้นการขายสินค้า และบริการโดยตรงกับลูกค้าหรือผู้บริโภค โดยไม่ผ่านคนกลางหรือร้านค้าปลีก โดยจะอาศัยตัวแทนขาย หรือสมาชิกที่สมัครเข้ามาเป็นเครือข่ายของธุรกิจนั้นๆ ในการจำหน่าย และแนะนำสินค้าให้กับลูกค้า ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น สาธิตการใช้งาน จัดประชุมสัมมนา รวมไปถึงการนำเสนอสินค้าโดยตรงที่บ้าน หรือที่ทำงานของผู้บริโภค
ขายตรงมีกี่ประเภท?
สำหรับธุรกิจขายตรง สามารถแบ่งออกได้ตามรูปแบบการดำเนินงานเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- การขายตรงแบบเดี่ยว หรือขายตรงชั้นเดียว (Single-Level Marketing) การขายตรงแบบเดี่ยวจะมีรูปแบบการขายคือตัวแทนของแบรนด์หรือธุรกิจนั้นๆ ซื้อสินค้าจากแบรนด์ และนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าโดยตรง ซึ่งตัวแทนจะได้รับเงินส่วนแบ่ง หรือกำไรจากราคาซื้อขายของสินค้า หรือบริการดังกล่าว
- การขายตรงแบบเครือข่าย หรือขายตรงแบบหลายชั้น (Multi-Level Marketing) สำหรับการขายตรงแบบเครือข่าย จะเน้นที่การสร้างทีมขายหรือสร้างเครือข่ายในการขาย โดยจะเข้าร่วมเครือข่ายได้ ต้องทำการสมัครสมาชิกเป็นตัวแทนขายก่อน ซึ่งเมื่อสมาชิกในเครือข่ายขายสินค้าได้ ก็จะได้รับค่าตอบแทนที่เรียกว่า “คอมมิชชั่น” การขายตรงแบบเครือข่ายนี้ ยังเปิดโอกาสให้สามารถดึงลูกค้าเข้ามาเป็นตัวแทนขายด้วยได้ โดยผู้ขายก็จะได้รับค่าตอบแทนที่มากขึ้นนั่นเอง
ขายตรงถูกกฎหมายหรือไม่ และควรมีลักษณะอย่างไร?
ในประเทศไทยการขายตรงถือเป็นธุรกิจถูกกฎหมาย และสามารถดำเนินการได้เหมือนกับธุรกิจทั่วไป ซึ่งธุรกิจขายตรงที่ถูกกฎหมาย ควรมีลักษณะดังนี้
- มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะขายสินค้า การดำเนินธุรกิจจะต้องเน้นไปที่การขายสินค้า ไม่ใช่การสมัครสมาชิก หรือเพื่อขยายเครือข่ายตัวแทน
- มีสินค้าคุณภาพสูง และมีความหลากหลาย สินค้าที่ขายจะต้องมีคุณภาพ และสามารถขายตัวเองได้ รวมถึงควรมีสินค้าให้เลือกหลากหลายประเภท เพื่อตอบสนองการความต้องการของลูกค้าในตลาดได้
- มีการรับประกันสินค้า และบริการหลังการขาย สินค้าทุกชิ้นจะต้องมีการรับประกันสินค้า หรือบริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆ
- ราคาขายเหมาะสมกับคุณภาพ ราคาขายจะต้องมีความเหมาะสมกับคุณภาพ และอยู่ในมาตรฐานของสินค้าประเภทนั้นๆ
- มีการฝึกอบรมการขายและการสาธิตสินค้า ธุรกิจขายตรงจะต้องมีการอบรมการขาย และการสาธิตสินค้าให้กับตัวแทน เพื่อให้ตัวแทนมีความรู้และความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการอย่างแท้จริง
- การแจกสินค้าทดลอง มีการแจกสินค้าทดลองให้กับตัวแทน เพื่อให้เกิดการใช้งานจริง และสามารถแนะนำ รวมถึงให้ข้อมูลสินค้าแก่ลูกค้าได้อย่างถูกต้อง
ข้อดี - ข้อเสียของธุรกิจขายตรง
ในธุรกิจทุกรูปแบบมักมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน สำหรับธุรกิจขายตรง ควรเรียนรู้ให้รอบคอบก่อนลงทุนเสมอ โดยสามารถสรุปข้อดีและข้อเสียของธุรกิจขายตรงได้ดังนี้
- ข้อดี
- ใช้เงินลงทุนต่ำการร่วมลงทุนในธุรกิจขายตรง ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง อาจเริ่มต้นเพียงหลักร้อยหรือหลักพันเท่านั้น และยังสามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้ โดยไม่เบียดเบียนงานหลัก
- มีความยืดหยุ่นในการทำงานด้วยเพราะเป็นอาชีพอิสระ ดังนั้นจึงมีความยืดหยุ่นในการทำงานสูง สามารถเลือกเวลาในการทำงานได้ตามต้องการ
- ยิ่งขยัน ยิ่งเติบโตด้วยรายได้หลักมาจากยอดขายสินค้า ดังนั้นหากมีความสามารถร่วมกับความขยันในการทำงาน ก็จะทำให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
- ช่วยพัฒนาทักษะในการเจรจา และการบริหารทรัพยากรบุคคลเนื่องจากเป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะการพูดคุยเจรจาเพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้า จึงสามาถรถช่วยเพิ่มเทคนิคของทักษะการเจรจาต่อรอง รวมไปถึงการบริหารลูกทีมคนอื่นๆ เพื่อให้สามารถทำยอดขายได้ตามเป้า
- ข้อเสีย
- รายได้ไม่แน่นอน เนื่องจากรายได้มาจากยอดขายสินค้า ดังนั้นหากช่วงไหนขายสินค้าได้น้อย ก็จะทำให้มีรายได้น้อยลงไปด้วย และไม่สามารถคาดคะเนได้
- เสี่ยงต่อการถูกหลอกเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ด้วยลักษณะการดำเนินธุรกิจที่คล้ายกับธุรกิจแชร์ลูกโซ่ บางครั้งอาจเกิดความเข้าใจผิดและเข้าร่วมลงทุนไปโดยไม่ตั้งใจได้
- การดำเนินธุรกิจในระยะยาวอาจไม่แน่นอน ด้วยลักษณะของธุรกิจที่ต้องเน้นการพูดคุย และรักษาฐานลูกค้าในการซื้อสินค้า ดังนั้นหากไม่มีทักษะในการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า ก็อาจทำให้ลูกค้าหยุดซื้อสินค้าได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจและรายได้
การดำเนินธุรกิจขายตรงอาจมีความคล้ายคลึงกับแชร์ลูกโซ่จึงควรระมัดระวัง
ข้อควรรู้ก่อนก้าวเข้าสู่ธุรกิจขายตรง
ด้วยลักษณะการดำเนินงานของธุรกิจขายตรงที่มีความคล้ายคลึงกับธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ในบางครั้งจึงมักถูกนำไปใช้เพื่อแฝงตัวให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ในช่วงต้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่เต็มตัวในภายหลัง ซึ่งผู้ที่สนใจจะเข้าสู่ธุรกิจขายตรง ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบก่อนเข้าร่วม โดยมีข้อสังเกตเบื้องต้น ดังนี้
- ให้ผลตอบแทนเกินจริงหากธุรกิจขายตรงดังกล่าว มีการโฆษณาถึงรายได้ที่สูงเกินจริง ไม่สมเหตุสมผล เพื่อดึงดูดให้คนสนใจเข้าร่วม หรือสามารถสร้างรายได้จำนวนมากภายในเวลาสั้นๆ ได้ อาจพิจารณาได้ว่าเป็นการหลอกลวง หรือเข้าข่ายธุรกิจแชร์ลูกโซ่
- เรียกเก็บค่าเข้าร่วม หรือลงทุนที่สูงในบางครั้งอาจมีการเรียกเก็บค่าสมาชิก หรือค่าแรกเข้าในการร่วมลงทุน ซึ่งไม่ควรมีมูลค่าที่สูงเกินความจำเป็น รวมถึงการเสนอขายให้ซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก เพื่อรับราคาพิเศษ หรือโปรโมชั่นในการขาย
- บังคับให้มีการสต็อกสินค้าเกินความต้องการหากธุรกิจขายตรงที่กำลังสนใจ มีการบังคับให้สต็อกสินค้าเกินความจำเป็น หรือบังคับให้ตัวแทนต้องซื้อสินค้าจำนวนมากเพื่อรักษาสิทธิ์ และสถานะของตัวแทน อาจเข้าข่ายมิจฉาชีพ เนื่องจากธุรกิจขายตรงที่ดีต้องไม่บังคับให้ตัวแทนซื้อ หรือสต็อกสินค้าที่มากกว่าความต้องการของลูกค้า
ในยุคสมัยที่ใครๆ ต่างก็ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ทำให้ค่านิยมการทำงานของคนในสังคมเปลี่ยนไป แน่นอนว่ารวมถึงธุรกิจแชร์ลูกโซ่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากใครที่กำลังวางแผนเข้าสู่วงการธุรกิจขายตรง ควรศึกษาและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนลงทุน เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพ นอกจากจะไม่สร้างรายได้แล้ว ยังอาจเกิดความเสียหายได้ด้วย การหาช่องทางเพื่อทำอาชีพเสริม อาจมองหาอาชีพฟรีแลนซ์ที่เริ่มต้นได้ด้วยตัวเอง เช่น การค้าขายออนไลน์ หรือการทำนายหน้า Affiliate ที่ไม่เสี่ยงต่อการถูกชักจูงหรือหลอกลวงจากธุรกิจแชร์ลูกโซ่ และหากต้องการเงินลงทุน บัตรเครดิต KTC สามารถนำไปชำระค่าสินค้าเพื่อเริ่มต้นธุรกิจได้ และยังสามารถเปลี่ยนวงเงินคงเหลือในบัตรฯ เป็นเงินสดโอนเข้าบัญชี หรือเบิกถอนจากตู้ ATM ได้ ถือเป็นช่องทางที่ปลอดภัยกว่า นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำมากมาย รวมถึงคะแนน KTC FOREVER ที่สามารถใช้แลกรับเป็นเครดิตเงินคืนได้ สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ สมัครง่าย ไม่ต้องไปธนาคาร
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC