รถสตาร์ทไม่ติด หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยของคนใช้รถ แต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า อาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม เกิดจากอะไร และมีสัญญาณเตือนอะไรบ้างที่เรารู้ก่อนได้ เดี๋ยววันนี้ KTC เราจะมาอธิบายถึงปัญหาแบตเตอรี่เสื่อม พร้อมกับวิธีดูแบตเตอรี่รถยนต์หมดอายุให้เอง
เลือกอ่านตามหัวข้อ
แบตเตอรี่เสื่อม เกิดจากสาเหตุอะไร
อาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานปกติ หรือปัจจัยภายนอก ก็ตาม แต่สาเหตุหลัก ๆ จะมีดังนี้
- อายุการใช้งาน : แบตเตอรี่รถยนต์ทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 2 - 5 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพ และการดูแลรักษา เพราะเมื่อใช้งานไปนาน ๆ ประสิทธิภาพก็จะลดลงตามปกติจนเก็บประจุไฟไม่อยู่
- สภาพอากาศร้อนจัด : ความร้อนเป็นศัตรูตัวร้ายของแบตเตอรี่ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอากาศร้อน ยิ่งทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น
- การใช้งานหนัก : การเปิดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถมาก ๆ เช่น แอร์ เครื่องเสียง ไฟหน้า โดยที่เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงาน จะทำให้แบตเตอรี่ต้องจ่ายไฟมากเกินไป
- น้ำกลั่นแห้ง : สำหรับแบตเตอรี่แบบเติมน้ำได้ หากปล่อยให้น้ำกลั่นแห้งจนเกินไป จะทำให้แผ่นธาตุเสียหาย และเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
- การติดตั้งอุปกรณ์เสริม : การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติมในรถ เช่น กล้องติดรถยนต์ เครื่องเสียงขนาดใหญ่ อาจทำให้แบตเตอรี่ต้องทำงานหนักขึ้นจนเสื่อมเร็วขึ้น
อาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเป็นอย่างไร
โดยปกติแล้ว เมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม ก็มักจะมีสัญญาณเตือนให้เรารู้ล่วงหน้า แต่หลายคนอาจจะไม่เคยสังเกต หรือจับผิดอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับรถ จึงทำให้รู้ตัวอีกทีรถก็สตาร์ทไม่ติดไปซะแล้ว เดี๋ยวเราจะมาบอกสัญญาณเตือนที่ควรระวังให้เอง หลัก ๆ จะมีดังนี้
รถสตาร์ตติดยากขึ้น
อาการแบตเตอรี่เสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุดคือ รถสตาร์ทติดยากขึ้น โดยเฉพาะในตอนเช้า หรือเมื่อจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากเสียงสตาร์ทที่เบาลงกว่าปกติ และต้องบิดกุญแจหลายครั้งกว่ารถจะติด หรือไฟหน้าปัดกะพริบ หรือหรี่ลงขณะสตาร์ทรถ หากพบอาการเหล่านี้ แสดงว่าแบตเตอรี่อาจเริ่มเสื่อมแล้ว ควรรีบนำไปตรวจเช็ก และเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ในการใช้งานทันที
อุปกรณ์ไฟฟ้าติด ๆ ดับ ๆ
เมื่อแบตเตอรี่เสื่อม การจ่ายไฟให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ในรถจะไม่สม่ำเสมอ ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้จากไฟแผงหน้าปัดกะพริบ หรือติด ๆ ดับ ๆ โดยที่ระบบเครื่องเสียงเปิดไม่ติด หรือดับไปเอง และไฟในห้องโดยสารสว่างไม่เต็มที่ อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อเครื่องยนต์ทำงานที่รอบต่ำ หรือเมื่อเปิดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างพร้อมกัน
ความสว่างของไฟหน้าลดลง
ไฟหน้ารถเป็นอีกตัวบ่งชี้ที่ดีของสภาพแบตเตอรี่ หากสังเกตว่าไฟหน้ารถเราสว่างน้อยลงกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟหรี่ ไฟเลี้ยว หรือไฟตัดหมอกก็ตาม แสดงว่าแบตเตอรี่อาจไม่สามารถจ่ายไฟได้เพียงพอ และควรรีบตรวจสอบ เพราะความสว่างของไฟหน้าที่ลดลง นอกจากจะเป็นสัญญาณของแบตเตอรี่เสื่อมแล้ว ยังอาจส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ช่วงกลางคืนอีกด้วย
กระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง
กระจกไฟฟ้าเป็นอีกส่วนที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ค่อนข้างมาก เมื่อแบตเตอรี่เสื่อม กระจกจะเลื่อนขึ้นลงช้ากว่าปกติ และมีเสียงฝืดขณะกระจกทำงาน หรือบางครั้งกระจกอาจค้างจนขึ้นลงไม่สุด ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นตอนเครื่องยนต์ดับอยู่ และเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
แตรรถเสียงเบาลง
แตรรถก็เป็นอีกอุปกรณ์ที่ใช้ไฟจากแบตเตอรี่โดยตรง หากแบตเตอรี่เสื่อม เสียงแตรอาจเบาลงกว่าปกติ หรือบางครั้งแตรอาจไม่ดังเลย โดยเฉพาะเมื่อเครื่องยนต์ดับ ถ้าพบอาการเหล่านี้ ควรรีบนำรถไปตรวจเช็กแบตเตอรี่โดยเร็ว เพราะแตรเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับความปลอดภัยบนท้องถนน การมีแตรที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น
วิธีดูแบตเตอรี่รถยนต์หมดอายุจากวันที่ผลิต
นอกจากการสังเกตอาการผิดปกติแล้ว เราต้องไม่ลืมวันที่ผลิตของแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน โดยปกติแล้ว แบตเตอรี่รถยนต์จะมีรหัสวันที่ผลิตติดอยู่บนตัวแบตเตอรี่ ซึ่งมักจะเป็นตัวเลข หรือตัวอักษรผสมตัวเลข โดยตัวเลขสองตัวแรกมักจะบอกเดือน และปีที่ผลิต เช่น "0522" หมายถึงผลิตเดือนพฤษภาคม ปี 2022 นั่นเอง
อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ทั่วไป
โดยทั่วไปแล้ว แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานประมาณ 2 - 5 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น คุณภาพของแบตเตอรี่ สภาพการใช้งาน และการดูแลรักษา จึงทำให้กะระยะเวลาที่แน่นอนไม่ได้ และต้องหมั่นสังเกตอาการอย่างที่เราได้แนะนำไปเป็นประจำ
สรุปบทความ แบตเตอรี่เสื่อมในรถยนต์ เกิดจากอะไรได้บ้าง
หวังว่าทุกคนน่าจะรู้กันแล้วว่า สัญญาณแบตเตอรี่เสื่อมนั้นมีอะไรบ้าง พร้อมกับวิธีดูแบตเตอรี่รถยนต์หมดอายุ ที่เราได้แนะนำกันไป ซึ่งน่าจะช่วยคลายความกังวลให้กับใครหลายคนได้ เพราะจะได้ไม่ต้องเสี่ยงใช้รถแบบสตาร์ทไม่ติดเมื่ออยู่ข้างนอก ส่วนใครที่มีรถแต่กำลังขาดสภาพคล่องทางการเงิน KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ช่วยคุณได้ เพราะเรามีวงเงินก้อนใหญ่ สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก และยังมีบริการ พี่เบิ้ม Delivery ในการเดินทางไปประเมินสภาพรถให้ถึงหน้าบ้าน ที่สำคัญยังอนุมัติไว รับเงินก้อนได้ทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน และผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน โดยสามารถเลือกรับบัตรกดเงินสด KTC พี่เบิ้ม ไว้ใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินได้อย่างอุ่นใจ หากไม่มีการกดใช้ก็ไม่เสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด*
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21%-24% ต่อปี*