เมื่อเทรนด์รักษาสุขภาพกำลังมาแรง การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางทำเงิน ที่ใครก็สามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เยอะเหมือนการปลูกผักแบบใช้ดิน แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่า ผักไฮโดรโปนิกส์ คืออะไร มีวิธีปลูกกี่แบบ และต้องเก็บผักอย่างไรไม่ให้ขม เดี๋ยววันนี้ KTC เรามีข้อมูลดี ๆ มาฝากกัน
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ผักไฮโดรโปนิกส์ คืออะไร ทำไมน่าลงทุน
ไฮโดรโปนิกส์ คือ วิธีการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน แต่ใช้น้ำที่ผสมธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชแทน ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้พืชเติบโตได้เร็วกว่าการปลูกในดิน ใช้น้ำน้อยกว่า และสามารถควบคุมปริมาณธาตุอาหารได้ อีกทั้งยังใช้พื้นที่น้อย สามารถปลูกได้ตลอดปีโดยไม่ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ที่สำคัญยังมีความต้องการในตลาดสูงจากเทรนด์ดูแลสุขภาพในปัจจุบัน
ข้อดีของการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
- ประหยัดน้ำ : ใช้น้ำน้อยกว่าการปลูกแบบดั้งเดิมถึง 70-90%
- ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง : ลดความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้าง
- ควบคุมคุณภาพได้ง่าย : สามารถปรับสูตรธาตุอาหารให้เหมาะสมกับพืชแต่ละชนิด
- ผลผลิตสูง : พืชเติบโตเร็ว และให้ผลผลิตมากกว่าการปลูกในดิน
- ปลูกได้ทุกที่ : ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่กว้าง สามารถปลูกในเมืองหรือพื้นที่จำกัดได้
- สะอาดและถูกสุขอนามัย : ลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของเชื้อโรคในดิน
ผักไฮโดรโปนิกส์ มีอะไรบ้าง
ผักไฮโดรโปนิกส์ที่นิยมปลูกมีหลากหลายชนิด แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผักที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น เติบโตเร็ว และเป็นที่ต้องการของตลาด
ตัวอย่างผักไฮโดรโปนิกส์ที่นิยมปลูก ได้แก่
- ผักสลัด (เช่น กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค บัตเตอร์เฮด)
- ผักกาดหอม
- คะน้า
- ผักโขม
- กวางตุ้ง
- ผักบุ้ง
- สะระแหน่
- โหระพา
- กะเพรา
- ต้นหอม
- ผักชี
วิธีปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในกล่องโฟม
การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในกล่องโฟม เป็นวิธีที่ง่ายและเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะใช้อุปกรณ์น้อย ลงทุนต่ำ และสามารถทำได้ในพื้นที่จำกัด ซึ่งจะมีขั้นตอน ดังนี้
1. เตรียมอุปกรณ์
- กล่องโฟมขนาด 60x40 ซม.
- ฟองน้ำสำหรับเพาะเมล็ด
- เมล็ดพันธุ์ผัก
- สารละลายธาตุอาหาร A และ B
- ถ้วยปลูก
- แผ่นโฟมเจาะรู
2. เพาะเมล็ด
- นำฟองน้ำมาตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาด 1x1 นิ้ว
- เจาะรูตรงกลางฟองน้ำ แล้วหยอดเมล็ด 1 - 2 เมล็ดลงไป
- นำฟองน้ำใส่ถาดเพาะ รดน้ำให้ชุ่ม
- ปิดฝาถาดเพาะและวางในที่ร่ม รอประมาณ 3 - 5 วันจนเมล็ดงอก
3. เตรียมกล่องปลูก
- เจาะรูที่ก้นกล่องโฟมสำหรับระบายน้ำ
- ตัดแผ่นโฟมให้พอดีกับปากกล่อง และเจาะรูสำหรับใส่ถ้วยปลูก
- ผสมสารละลายธาตุอาหาร A และ B ตามอัตราส่วนที่กำหนด เทลงในกล่องโฟม
4. ย้ายต้นกล้าลงกล่องปลูก
- เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2 - 3 ใบ ให้ย้ายลงถ้วยปลูก
- นำถ้วยปลูกใส่ลงในรูที่เจาะไว้บนแผ่นโฟม
- ให้รากของต้นกล้าสัมผัสกับสารละลายธาตุอาหาร
5. ดูแลรักษา
- วางกล่องปลูกในที่ที่ได้รับแสงแดด 6 - 8 ชั่วโมงต่อวัน
- ตรวจสอบระดับน้ำและค่า pH ของสารละลายสม่ำเสมอ
- เติมสารละลายธาตุอาหารเมื่อระดับน้ำลดลง
- สังเกตอาการผิดปกติของพืช เช่น ใบเหลือง หรือเกิดโรค
วิธีปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบง่าย ๆ ที่ระเบียงคอนโด
สำหรับคนที่อาศัยในคอนโด และมีพื้นที่จำกัด การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ที่ระเบียงก็เป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งวิธีปลูกจะมีดังนี้
1. เลือกพื้นที่ปลูก
- หาพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 4 - 6 ชั่วโมงต่อวัน
- ควรเป็นพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
2. เลือกระบบปลูก
- ระบบ DFT (Deep Flow Technique) เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด
- ใช้ท่อ PVC หรือรางน้ำฝนทำเป็นรางปลูก
3. เตรียมอุปกรณ์
- รางปลูก
- ปั๊มน้ำขนาดเล็ก
- สารละลายธาตุอาหาร
- ถ้วยปลูก และฟองน้ำสำหรับเพาะเมล็ด
4. เพาะเมล็ดและย้ายต้นกล้า
- นำฟองน้ำมาตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาด 1x1 นิ้ว
- เจาะรูตรงกลางฟองน้ำ แล้วหยอดเมล็ด 1 - 2 เมล็ดลงไป
- นำฟองน้ำใส่ถาดเพาะ รดน้ำให้ชุ่ม
- ปิดฝาถาดเพาะ และวางในที่ร่ม รอประมาณ 3 - 5 วันจนเมล็ดงอก
5. ดูแลรักษาา
- ตรวจสอบการทำงานของปั๊มน้ำสม่ำเสมอ
- เปลี่ยนสารละลายธาตุอาหารทุก 1-2 สัปดาห์
- ป้องกันแมลงศัตรูพืชโดยใช้วิธีธรรมชาติ เช่น ปลูกพืชไล่แมลง
วิธีปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในน้ำนิ่ง
การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในน้ำนิ่งเป็นอีกวิธีที่ง่าย และเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะไม่ต้องใช้ปั๊มน้ำ จึงประหยัดต้นทุนลงไปอีก โดยวิธีปลูกจะมีดังนี้
1. เตรียมภาชนะ:
- ใช้กะละมัง หรือถังพลาสติกขนาดใหญ่
- ตัดแผ่นโฟมให้พอดีกับปากภาชนะ และเจาะรูสำหรับใส่ถ้วยปลูก
2. เตรียมสารละลายธาตุอาหาร
- ผสมสารละลายธาตุอาหาร A และ B ตามอัตราส่วนที่กำหนด
- เทลงในภาชนะให้มีความลึกประมาณ 15-20 ซม.
3. เพาะเมล็ดและย้ายต้นกล้า
- นำแผ่นโฟมมาตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาด 1x1 นิ้ว
- เจาะรูตรงกลางแผ่นโฟม แล้วหยอดเมล็ด 1 - 2 เมล็ดลงไป
- นำใส่กะละมังเพาะ รดน้ำให้ชุ่ม
- ปิดฝาถาดเพาะและวางในที่ร่ม รอประมาณ 3 - 5 วันจนเมล็ดงอก
4. ดูแลรักษา
- เปลี่ยนสารละลายธาตุอาหารทุก 7 - 10 วัน
- ตรวจสอบค่า pH และ EC ของสารละลายสม่ำเสมอ
เก็บผักไฮโดรโปนิกส์อย่างไรไม่ให้ขม
การเก็บเกี่ยวผักไฮโดรโปนิกส์อย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ได้ผักที่มีรสชาติดี ไม่ขม ซึ่งมีวิธีการดังนี้
- เก็บเกี่ยวในช่วงเวลาที่เหมาะสม : ควรเก็บผักในช่วงเช้าหรือเย็น เพราะอากาศเย็นจะทำให้ผักสดกว่า
- เก็บตามอายุการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม : แต่ละชนิดผักจะมีอายุการเก็บเกี่ยวที่แตกต่างกัน เช่น ผักสลัด ควรเก็บในช่วงประมาณ 30 - 45 วัน
- หยุดให้ปุ๋ยก่อนเก็บเกี่ยว : ควรหยุดให้ปุ๋ยประมาณ 3 - 5 วันก่อนเก็บเกี่ยว เพื่อลดการสะสมของไนเตรทในผัก
- ใช้วิธีตัดแทนการถอน : ควรใช้กรรไกรหรือมีดคม ๆ ตัดผักแทนการถอนทั้งต้น เพื่อลดการช้ำของผัก
- แช่น้ำเย็นทันทีหลังเก็บ : หลังเก็บผักควรแช่ในน้ำเย็นทันทีประมาณ 15 - 30 นาที เพื่อลดความร้อน และทำให้ผักสดกรอบ
- เก็บรักษาอย่างเหมาะสม : ควรเก็บผักในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 - 10 องศาเซลเซียส และควรขายภายใน 3 - 5 วัน
สรุปบทความ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ขายอย่างไรให้มีแต่กำไร
เป็นอย่างไรกันบ้าง กันแนวทางการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในทุกแบบ ที่แม้แต่คนไม่รู้ว่าผักไฮโดรโปนิกส์ คืออะไร ก็สามารถปลูกเป็นอาชีพได้ พร้อมวิธีเก็บเกี่ยวให้ผักไม่ขมแบบครบ ๆ และนำไปต่อยอดเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักกันได้เลย ส่วนใครที่กำลังขาดเงินทุน อยากจะได้เงินสักก้อนไว้ทำธุรกิจ หากคุณมีรถ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน คือคำตอบ เพราะเรามีวงเงินก้อนใหญ่ สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก โดยมีบริการ พี่เบิ้ม Delivery ในการเดินทางไปประเมินสภาพรถให้ถึงหน้าบ้าน ที่สำคัญยังอนุมัติไว รับเงินก้อนได้ทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน และผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน อีกทั้งยังเลือกรับบัตรกดเงินสด KTC พี่เบิ้ม ไว้ใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินได้อย่างอุ่นใจ หากไม่กดใช้ก็ไม่เสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด*
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21%-24% ต่อปี*