หลายคนคงคุ้นเคยกับสินเชื่อโอนเล่มรถยนต์ หรือ จำนำทะเบียนรถ กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เวลาที่ต้องการเงินด่วน หมุนเงินไม่ทัน หรืออยากได้เงินก้อนไปทำอะไรสักอย่าง รถยนต์ของเราสามารถเป็นตัวช่วยสำคัญได้ แต่เอ๊ะ...ทำไมถึงต้อง "โอนเล่ม" ด้วยนะ แล้วมันคืออะไรกันแน่?
บทความนี้ เราจะมาดูกันว่าสินเชื่อโอนเล่มรถยนต์มีกี่รูปแบบ ถ้าไม่มีเล่มทะเบียนจะขอสินเชื่อได้ไหม จำเป็นต้องมีผู้ค้ำประกันหรือเปล่า และยังมีเรื่องอะไรอีกบ้างที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจ เพราะการทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้จะช่วยให้คุณเลือกสินเชื่อที่เหมาะกับตัวเองที่สุด และหมดห่วงเรื่องปัญหาที่อาจตามมาในอนาคต ใครอยากรู้คำตอบแบบเคลียร์ ๆ ต้องอ่านเลย!
โอนเล่มรถยนต์ เปลี่ยนเจ้าของคืออะไร
โอนเล่มรถยนต์ หรือเรียกเป็นภาษาทางการว่า การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ เป็นการเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ในรถคันดังกล่าวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งการโอนกรรมสิทธิ์มักทำในหลายกรณี เช่น การซื้อขายรถยนต์มือสอง การรับรถยนต์เป็นมรดก หรือแม้กระทั่งการขอสินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่มทะเบียน ซึ่งเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินด่วน แต่ยังคงมีรถเก็บไว้ใช้งานได้ตามปกติ
โอนเล่มรถยนต์มีกี่แบบ
หลายคนอาจคิดว่าการโอน เล่มทะเบียนรถเป็นเรื่องยุ่งยากและซับซ้อน แต่แท้จริงแล้วการโอนเล่มมี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ การโอนเล่มรถยนต์แบบโอนตรงและแบบโอนลอย ซึ่งทั้งคู่ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณาแตกต่างกันออกไป
โอนเล่มรถยนต์แบบโอนตรง
การโอนเล่มรถยนต์แบบโอนตรง คือวิธีที่ผู้โอน และผู้รับโอน ไปดำเนินการที่กรมการขนส่งทางบกพร้อมกันทั้งสองฝ่าย วิธีนี้ค่อนข้างชัวร์ที่สุด เพราะสามารถตรวจสอบเอกสารและดำเนินการได้ทันที มีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำตลอดกระบวนการ ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลถูกต้องและไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถนัดวันเวลาไปทำเรื่องพร้อมกันได้ทั้งคู่
โอนเล่มรถยนต์แบบโอนลอย
การโอนเล่มรถยนต์แบบโอนลอย คือการที่ผู้โอน เซ็นเอกสารการโอนล่วงหน้าไว้ให้ผู้ซื้อ โดยที่ผู้ซื้อยังไม่ต้องไปดำเนินการที่กรมการขนส่งทางบกทันที หรือมอบหมายให้ผู้รับโอนดำเนินการให้ในภายหลัง วิธีนี้จะเหมาะกับกรณีที่ผู้ซื้อกับผู้ขายไม่สะดวกไปทำเรื่องพร้อมกัน ข้อดีคือสะดวกและรวดเร็วในขั้นตอนการซื้อขาย แต่ผู้ซื้อจะต้องรีบดำเนินการโอนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดตามมาได้
เอกสารสำคัญที่ใช้โอนเล่มรถยนต์
การโอนรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องเตรียมเอกสารการโอนรถให้พร้อมตั้งแต่แรก จะได้ไม่เกิดความยุ่งยากวุ่นวาย ส่วนจะเลือกการโอนตรงหรือโอนลอยก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน สำหรับเอกสารที่ใช้ประกอบการโอนรถแต่ละรูปแบบ มีดังนี้
เอกสารสำหรับโอนรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบก
- ใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือสมุดจดทะเบียนรถยนต์ตัวจริง
- สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของคนเก่าและเจ้าของคนใหม่ (หากเจ้าของคนเก่าไม่สามารถเดินทางไปยังกรมขนส่งทางบกได้ สามารถเซ็นใบมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้)
- สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
- แบบคำขอโอนและรับโอน ที่มีลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนแล้ว
เอกสารสำหรับโอนรถยนต์แบบโอนลอย
- ใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือสมุดจดทะเบียนรถยนต์ตัวจริง
- สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของคนเก่า และเจ้าของคนใหม่
- สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
- แบบคำขอโอนและรับโอน ที่มีลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนแล้ว
- หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบ
เอกสารสำหรับโอนรถยนต์ในรูปแบบมรดกตกทอด
- ใบคู่มือจดทะเบียนรถ หรือสมุดจดทะเบียนรถยนต์ตัวจริง
- แบบคำขอโอนและรับโอน ที่มีลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนแล้ว
- หลักฐานการได้มาของรถ เช่น สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
- สำเนาใบมรณะบัตรเจ้าของรถ และคำสั่งศาลหรือพินัยกรรมพร้อมสำเนา
- หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ
โอนเล่มรถยนต์ทำที่ไหนได้บ้าง?
หากเป็นการโอนเล่มรถยนต์ ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถเดินทางไปดำเนินเรื่องตามเขตพื้นที่ของตัวเองได้ที่สำนักงานขนส่งทั้ง 5 แห่งที่ตั้งกระจายตัวอยู่ทั่วกรุงเทพ ได้แก่
- สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 : บางขุนเทียน
- สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 : ตลิ่งชัน
- สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 3 : สุขุมวิท
- สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 4 : หนองจอก
- สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5 : จตุจักร
ส่วนการโอนรถที่จดทะเบียนในต่างจังหวัด สามารถดำเนินการที่สำนักงานขนส่งประจำจังหวัดที่รถคันนั้นจดทะเบียน โดยอ้างอิงตามที่ระบุไว้ในคู่มือจดทะเบียน
ขั้นตอนการโอนเล่มรถยนต์
เมื่อเตรียมเอกสารการโอนเล่มรถยนต์เปลี่ยนเจ้าของครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว สามารถดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ตามขั้นตอนเหล่านี้ได้เลย
- นำรถยนต์เข้ารับการตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่งที่รถคันนั้นจดทะเบียน
- แจ้งความประสงค์ในการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ พร้อมแนบเอกสารและชำระค่าธรรมเนียมที่ถูกเรียกเก็บ
- รอรับเล่มทะเบียนรถ พร้อมใบเสร็จรับเงิน
ค่าธรรมเนียมโอนเล่มรถยนต์
มาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่าค่าธรรมเนียมโอนรถยนต์ 2568 กี่บาท โดยค่าธรรมเนียมจะเท่ากันไม่ว่าจะเป็นการโอนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร หรือเขตพื้นที่ต่างจังหวัด โดยจะมีรายละเอียดดังนี้
- ค่าธรรมเนียมในการโอนรถยนต์ 100 บาท
- ค่าคำขอในการโอนรถยนต์ 5 บาท
- ค่าเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ 200 บาท (ในกรณีที่อยากเปลี่ยน)
- ค่าเปลี่ยนทะเบียนเล่มรถยนต์ 100 บาท (ในกรณีที่ชำรุดเสียหาย)
- ค่าอากรแสตมป์ 500 บาท ต่อการประเมินราคารถยนต์ 100,000 บาท
โอนรถข้ามจังหวัดทำได้ไหม?
การโอนรถยนต์ข้ามจังหวัดสามารถทำได้ แต่มีขั้นตอนเพิ่มเติมเล็กน้อย โดยคุณจะต้องแจ้งย้ายรถจากจังหวัดเดิมไปจังหวัดที่คุณต้องการโอนกรรมสิทธิ์ก่อน จากนั้นจึงจะสามารถดำเนินการโอนเปลี่ยนเจ้าของได้ที่สำนักงานขนส่งของจังหวัดปลายทาง
ปัจจุบันสามารถแจ้งย้ายรถที่จังหวัดปลายทางได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสำนักงานขนส่งที่รถคันนั้นจดทะเบียนไว้ แต่รถยนต์จะต้องไม่มีภาษีค้างชำระ และต้องยื่นคำขอล่วงหน้าก่อนวันครบกำหนดเสียภาษีไม่น้อยกว่า 30 วัน
แค่โอนเล่มรถยนต์ ก็มีเงินก้อนไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉินได้
การโอนเล่มรถยนต์นอกจากจะมีไว้เพื่อการซื้อ-ขายรถยนต์ หรือการส่งต่อรถยนต์เป็นมรดกอย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว การขอสินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่ม ก็จะช่วยให้เจ้าของรถมีเงินไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน หรือขาดสภาพคล่องได้เช่นกัน โดยที่รถยังคงมีใช้ตามปกติ ด้วยบริการ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ไม่ว่ารถยังผ่อนอยู่ หรือรถปลอดภาระแล้วก็กู้ได้ ในวงเงินสูงสุด 100% อาชีพไหนก็สมัครได้ อีกทั้งยังมีบริการ พี่เบิ้ม Delivery ไปทำรายการให้ถึงหน้าบ้าน อนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน และผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน
กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร
เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
*วงเงินอนุมัติเป็นไปตามความสามารถในการชำระหนี้และราคาประเมินมูลค่ารถ
*อนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที เมื่อเอกสารครบถ้วนถูกต้องและโอนเงินเข้าบัญชีกรุงไทยหรือบัญชีพร้อมเพย์
*กรณีรถยนต์ติดไฟแนนซ์ อนุมัติและโอนเงินหลังจากกรรมสิทธิ์ในรถเป็นชื่อผู้กู้เรียบร้อยแล้ว
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21%-24% ต่อปี