รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับป้ายห้ามจอด
การจอดในที่ห้ามจอด คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สภาพการจราจรบ้านเรานั้นติดขัดอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะถนนหนทางที่แคบ หรืออาจจะไม่ได้มีสถานที่จอดรถที่เพียงพอมากนัก จึงทำให้หลายคนมักจะเลือกจอดบริเวณริมถนนกันเสียมากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอยู่ดี แม้โทษในการฝ่าฝืนจะไม่ได้ร้ายแรงก็ตามที ใครที่ยังจำเป็นจะต้องใช้รถในการเดินทางไปทำธุระทุกวัน ลองมาทำความเข้าใจถึงป้ายห้ามจอด ป้ายห้ามหยุดรถ หรือเครื่องหมายห้ามจอดกันให้มากขึ้นดีกว่า เพราะสัญลักษณ์บางอย่างก็ยังมีการอนุโลมให้จอดได้แบบไม่ผิดกฎหมายอยู่เหมือนกัน มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ป้ายจราจร มีกี่ประเภท
ป้ายจราจร แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ป้ายบังคับ ป้ายเตือน และป้ายแนะนำ โดยจะมีความแตกต่างกันไปในการใช้งานตามข้อบังคับของกฎหมายการจราจรทางบก ดังนี้
- ป้ายบังคับ : เป็นป้ายที่บังคับ หรือจำกัดสิทธิ์ให้ผู้ใช้เส้นทางทุกคนต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการสัญจรบริเวณดังกล่าว
- ป้ายเตือน : เป็นป้ายที่ใช้เตือนให้กับผู้ขับขี่ระมัดระวังในการใช้เส้นทางข้างหน้า เช่น ป้ายเตือนถนนลื่น ป้ายเตือนโค้งหักศอก ป้ายเตือนมีทางม้าลาย และอื่น ๆ
- ป้ายแนะนำ : เป็นป้ายที่ให้คำแนะนำถึงเส้นทางด้านหน้าให้กับผู้ขับขี่ เช่น บอกระยะทางของจุดหมาย สถานที่ท่องเที่ยว และเส้นทางที่ใช้เลี่ยงเมือง เป็นต้น
ความหมายของป้ายห้ามจอดรถ
ความหมายของป้ายห้ามจอด คือ ห้ามผู้ขับขี่หยุดจอดรถในบริเวณดังกล่าว เว้นแต่การหยุดรับส่งคน หรือสิ่งของเพียงชั่วคราวเท่านั้น โดยจะมีสัญลักษณ์เป็นวงกลมสีน้ำเงิน ล้อมขอบด้วยสีแดง พร้อมทำมุมขีดเฉียงลงมา 45 องศา
วิธีอ่านป้ายห้ามจอดรถที่พบได้บ่อย
แม้ว่าป้ายห้ามจอด หรือป้ายห้ามหยุดรถ จะเป็นป้ายบังคับที่ให้ผู้ขับขี่ทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดก็ตาม แต่ก็ยังมีการแยกประเภทในการห้ามจอดที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ เพื่อเอื้อประโยชน์ในการสัญจรหรือเดินทางให้กับทุกคนนั้นสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยจะมีสัญลักษณ์กำกับที่แตกต่างกันไป และมีวิธีในการอ่าน จากบนลงล่างดังนี้
ป้ายห้ามจอดตลอดเวลา เว้นวันอาทิตย์
ความหมายของป้ายห้ามจอด หรือป้ายห้ามหยุดรถประเภทนี้ คือ ห้ามจอดตลอดแนวทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์เท่านั้น
ป้ายห้ามจอดเวลา 05.00-22.00 น. เว้นวันหยุดราชการ
ความหมายของป้ายห้ามจอด หรือป้ายห้ามหยุดรถประเภทนี้ คือ ห้ามจอดตลอดแนวทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-22.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการเท่านั้น
ป้ายห้ามจอดวันคี่ เวลา 06.00-20.00 น.
ความหมายของป้ายห้ามจอด หรือป้ายห้ามหยุดรถประเภทนี้ คือ ห้ามจอดตลอดแนวทุกวันคี่ ตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. (วันคี่หมายถึง วันที่ลงท้ายด้วยเลขคี่ เช่น วันที่ 1, 3, 5, 7, 29, 31)
ป้ายห้ามจอดวันคู่ตลอดเวลา เสาร์-อาทิตย์ 05.00-20.00 น.
ความหมายของป้ายห้ามจอด หรือป้ายห้ามหยุดรถประเภทนี้ คือ ห้ามจอดตลอดแนวทุกวันคู่ วันเสาร์-อาทิตย์ ห้ามจอดตลอดแนว ตั้งแต่เวลา 05.00-20.00 น. ทั้งวันคู่ และวันคี่ ส่วนรถ 6 ล้อขึ้นไป ห้ามจอดตลอดแนวทุกวัน
ป้ายห้ามจอดวันคี่ตลอดเวลา วันคู่ 06.00-09.00 น. / 16.00-22.00 น.
ความหมายของป้ายห้ามจอด หรือป้ายห้ามหยุดรถประเภทนี้ คือ ห้ามจอดตลอดแนวทุกวันคี่ตลอด และห้ามจอดตลอดแนวทุกวันคู่ ช่วงเวลา 06.00-09.00 น. และ 16.00-22.00 น.
ป้ายห้ามจอดวันคู่ ฝั่งตรงข้ามวันคี่ 06.00-18.00 น.
ความหมายของป้ายห้ามจอด หรือป้ายห้ามหยุดรถประเภทนี้ คือ ห้ามจอดตลอดแนวทุกวันคู่ ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. และฝั่งตรงข้ามห้ามจอดตลอดแนวทุกวันคี่ ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.
จอดรถในที่มีป้ายห้ามจอด เสียค่าปรับเท่าไหร่
การฝ่าฝืนกฎหมายจอดรถในที่ห้ามจอด จะเสียค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามกฎหมายการจราจรทางบอกในปัจจุบัน โดยเจ้าหน้าที่จะใช้ดุลยพินิจในการคิดอัตราโทษปรับขึ้นอยู่กับเขตพื้นที่นั้น ๆ เช่น หากเป็นการจอดรถในที่ห้ามจอดเขตชานเมือง อาจจะมีโทษปรับขั้นต่ำ 500 บาท แต่หากเป็นเขตพื้นที่ตัวเมืองชั้นในที่มีการจราจรติดขัดมาก อาจจะมีอัตราโทษปรับขั้นต่ำที่ 700 บาท จึงไม่ควรฝ่าฝืนเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
เมื่อโดนล็อคล้อในที่มีป้ายห้ามจอด ควรทำอย่างไร
ในกรณีที่โดนล็อคล้อจากการจอดในที่ห้ามจอด ให้นำใบสั่งที่ได้รับไปจ่ายค่าปรับที่สถานีตำรวจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาทำการปลดล็อคล้อให้ โดยไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ข้ามวัน เพราะรถอาจจะโดนลากไปเก็บไว้ในพื้นที่ สน. และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนนี้ อีกทั้งยังไม่ควรปลดล็อคล้อด้วยตัวเอง เพราะถือเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่อาจมีโทษปรับสูงถึง 5,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือน
สรุปบทความ รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับป้ายห้ามจอด
การปฏิบัติตามกฎหมายจราจรทางบกอย่างเคร่งครัด เป็นสิ่งที่คนใช้รถใช้ถนนทุกคนไม่ควรละเลยจนเคยชิน เพราะนอกจากจะส่งผลให้การจราจรติดขัดแล้ว ยังเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่อาจส่งผลถึงขั้นโดนยึดใบขับขี่ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเร่งรีบไปทำธุระส่วนตัวแค่ไหน ก็ต้องไม่ลืมที่จะรักษากฎหมายเหมือนกัน ส่วนใครที่มีรถ และกำลังประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินแบบหาทางออกไม่ได้อยู่ จะไปไหนก็เหมือนเจอป้ายห้ามจอดตลอดเวลา จนไม่รู้จะหยิบยืมกับใครแล้ว ลองให้สินเชื่อKTC พี่เบิ้ม รถแลกเงินเป็นทางออกของปัญหาให้คุณดีกว่า เพราะที่นี่ให้วงเงินก้อนใหญ่ อนุมัติไว มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก รับเงินได้ทันที อีกทั้งยังผ่อนยาวได้ยาวสูงสุด 84 เดือน โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ตอบโจทย์คนต้องการเงินก้อนได้อย่างสบายใจ
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด*
สมัคร KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน แบบง่ายๆ / รู้ผลไว รับเงินได้ทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำ