เตรียมพร้อมสัมภาษณ์ให้ได้งานในฝัน
การสมัครงานตามขั้นตอนปกติจะมีการส่งใบสมัครงาน และการเรียกสัมภาษณ์ ผู้สมัครจึงต้องเตรียมตัวในทุกขั้นตอน เพื่อแสดงศักยภาพและความเหมาะสมในการร่วมงานกับองค์กร คนที่เตรียมตัวไปดีจะแสดงออกผ่านความมั่นใจในการสัมภาษณ์ ทำให้ผู้สัมภาษณ์สัมผัสได้ และมีโอกาสในการรับเข้าทำงานอาชีพในอนาคตซึ่งการสัมภาษณ์งาน เด็กจบใหม่ รวมไปถึงผู้ที่กำลังเปลี่ยนงานมักจะกังวล เพราะเป็นการเริ่มต้นใหม่ หรือการออกจากคอมฟอร์ตโซน (Comfort Zone) ของตัวเอง แต่การเตรียมตัวจะช่วยให้การสัมภาษณ์ลื่นไหล เรียกได้ว่าหัวใจหลักของการสัมภาษณ์จึงเป็นการเตรียมตัวจนมั่นใจนั่นเอง
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- ทริคการส่งใบสมัครงานให้ดึงดูด
- การเตรียมตัวก่อนสอบสัมภาษณ์
- แนวทางคำถามและคำตอบในการสัมภาษณ์งาน
- แนะนำตัวเอง | Tell me about yourself.
- อนาคตของตนเองในอีก 5 ปีข้างหน้า | Where do you see yourself in 5 years?
- ทำไมถึงลาออกจากที่เก่า | Why are you leaving your current job?
- จุดแข็งของตนเอง | What are your strengths?
- จุดอ่อนของตนเอง | What are your weaknesses?
- เงินเดือนที่คาดหวัง | What are your salary expectations?
- เตรียมพร้อมเรื่องงานให้อนาคตไม่สะดุด
ทริคการส่งใบสมัครงานให้ดึงดูด
ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการสัมภาษณ์จะต้องส่งใบสมัครก่อน การทำใบสมัครหรือ Resume จึงต้องดึงดูดให้บริษัทสนใจและอยากเรียกมาสัมภาษณ์ มีแนวทางการทำ Resume ให้น่าสนใจ ดังนี้
- ใส่รายละเอียดให้ครบ โดยรายละเอียดที่ควรมี คือ ชื่อ – สกุล ประวัติการศึกษาและการทำงาน ความสามารถพิเศษ ช่องทางติดต่อกลับ และผลงานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง
- จัดเรียงข้อมูลให้อ่านง่าย ให้ความสำคัญกับเรื่องประสบการณ์ ความสามารถ ทักษะที่มี และจุดแข็งของตนเอง
- กรอกข้อมูลที่ใส่ลงในใบสมัครโดยควรใส่ทุกรายละเอียดที่ส่งเสริมตำแหน่งที่ต้องการสมัคร
- ส่งใบสมัครผ่านทาง E-Mail ระบุหัวข้อให้ชัดเจน โดยระบุว่าสมัครงานตำแหน่ง xx ส่วนเนื้อหาข้อความให้ขึ้นต้นด้วยการกล่าวถึงผู้รับ เช่น ถึง ฝ่ายบุคคลบริษัทที่ต้องการสมัคร หรือชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงานโดยตรง และเนื้อความให้แนะนำตัวสั้น ๆ พร้อมบอกตำแหน่งที่ต้องการสมัคร ปิดท้ายด้วยการแจ้งเอกสารที่แนบมาด้วยในอีเมล เพื่อให้ผู้รับเข้าใจจุดประสงค์ของอีเมลและตอบกลับได้ตรงประเด็น
ความสำคัญของใบสมัครคือการบอกเล่าเรื่องราวของผู้สมัคร สิ่งที่ต้องมีจึงเป็นข้อมูลของผู้สมัครที่ต้องครบถ้วน ชัดเจน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าการตกแต่ง หรือการออกแบบ ยกเว้นจะสมัครตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับกราฟิกและการออกแบบ
การเตรียมตัวก่อนสอบสัมภาษณ์
หลังจากส่งใบสมัครแล้ว หากผู้สัมภาษณ์เล็งเห็นศักยภาพก็จะมีการเรียกสัมภาษณ์เป็นลำดับถัดไป โดยจะมีฝ่ายบุคคลติดต่อกลับมาเพื่อนัดวันสัมภาษณ์ มีทั้งการสัมภาษณ์งานออนไลน์ และการสัมภาษณ์งานออนไซต์ ผู้สมัครควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการสัมภาษณ์ ดังนี้
- หาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและไลน์สินค้า หรือบริการที่บริษัทนั้น ๆ มี
- วิเคราะห์ทักษะที่เป็นที่ต้องการของตำแหน่งที่ต้องการสมัคร แล้วพยายามดึงจุดแข็งของตัวเองที่เกี่ยวข้องออกมาให้มากที่สุด เช่น หากสมัครงานตำแหน่งบัญชี จุดแข็งของตนเองคือการเป็นคนรอบคอบ สนใจในการคิดคำนวณจนนำไปสู่การเรียนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับบัญชี แนวทางการตอบเหล่านี้จะทำให้ผู้สัมภาษณ์เห็นความสนใจของผู้สัมภาษณ์ที่สัมพันธ์กับตำแหน่งงานโดยตรง มีโอกาสสร้างความประทับใจสูง
- เตรียมชุดสำหรับสอบสัมภาษณ์ แม้จะเป็นการสัมภาษณ์ออนไลน์ก็ควรแต่งตัวให้ดี แต่งหน้าอ่อน ๆ ควรเลือกชุดโทนสีสุภาพ เพื่อเพิ่มความเป็นมิตรที่มากขึ้น
- ฝึกซ้อมสัมภาษณ์เป็นประจำเพื่อลดความตื่นเต้น
- จัดวางคิวสัมภาษณ์ไว้ในสมุดนัด ป้องกันการลืม
การเตรียมพร้อมหลัก ๆ ก่อนสัมภาษณ์จะเน้นไปเรื่องของข้อมูลและบุคลิกภาพ หากมีการเตรียมข้อมูลไปดี จะรู้แนวทางการตอบคำถามโดยอัตโนมัติ มีความเป็นธรรมชาติและฉะฉานมากกว่าการสัมภาษณ์โดยไม่ได้เตรียมตัว
แนวทางคำถามและคำตอบในการสัมภาษณ์งาน
ตอบคำถามสัมภาษณ์ด้วยความมั่นใจ ช่วยส้รางความประทับใจได้
คำถามสัมภาษณ์งานเป็นแนวทางที่ผู้สัมภาษณ์มักจะถามผู้สมัครงาน หากรู้แนวทางตอบคำถามสัมภาษณ์งานไปก่อน จะช่วยในการเตรียมตัวเป็นอย่างมาก คำถามที่มักเจอมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ขึ้นอยู่กับหน่วยงาน จึงควรเตรียมพร้อมไปทั้ง 2 แบบ หลักในการพูดภาษาอังกฤษคือเน้นสื่อสารได้ เข้าใจคำถามและหาทางตอบให้เจอ เรื่องของความสมบูรณ์ของไวยากรณ์และสำเนียงการพูดอาจจะหล่นหายไปบ้าง แต่หากเนื้อความครบ เข้าใจได้ก็มีโอกาสผ่านการสัมภาษณ์สูง เช่น
1.) แนะนำตัวเอง | Tell me about yourself.
สิ่งที่มักจะเจอเมื่อสัมภาษณ์งานคือการแนะนำตัว ตรงนี้ผู้สมัครสามารถแนะนำตัวเองได้เลย ทั้งชื่อ – สกุลและประวัติการศึกษา ความสามารถพิเศษ จุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง การดึงความสนใจของผู้สัมภาษณ์ในขั้นตอนนี้จะเป็นที่น้ำเสียง ความมั่นใจ และความเป็นมิตรที่แสดงออกมา
ตัวอย่างคำตอบ:
ภาษาไทย: สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อพอใจ จบการศึกษาด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัย A มีความชื่นชอบและต้องการทำงานที่เกี่ยวกับสายงานโดยตรง ในขณะเดียวกันก็มองหาประสบการณ์และทักษะอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากที่เรียนมา ดิฉันเป็นคนรักในการเรียนรู้ มีความอดทนสูง และมุ่งหวังที่จะทำงานที่นี่ค่ะ
ภาษาอังกฤษ: Hello, my name is Porjai. I graduated from university A, where I learned about marketing. I am passionate about applying what I have learned in my work while also seeking opportunities to gain additional experiences and skills beyond my academic knowledge. I am someone who loves learning, patient, and eagerly anticipates the opportunity to work here.
2.) อนาคตของตนเองในอีก 5 ปีข้างหน้า | Where do you see yourself in 5 years?
การถามถึงอนาคตในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นการถามถึงตัวผู้สมัครที่มีต่อองค์กร คำถามแนวนี้ควรนึกถึงตนเองในอีก 5 ปีข้างหน้าภายใต้การทำงานกับองค์กร
แนวคำตอบ: ในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าควรตอบโดยแนวทางการตอบให้คำนึงถึง 5 สิ่งนี้ คือ 1.) ความคาดหวังในตัวงาน ความสำเร็จที่คาดหวังกับงาน 2.) ความสอดคล้องกับงาน จุดยืนที่เกี่ยวข้องกับงานและองค์กร 3.) การพัฒนาทักษะและการเรียนรู้ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ 4.) เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในองค์กร 5.) อยู่บนพื้นฐานความจริง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริงในระยะเวลา 5 ปี
ตัวอย่างคำตอบ:
ภาษาไทย: ฉันมองเห็นตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้าเติบโตขึ้นพร้อม ๆ กับองค์กร เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์ที่ได้รับจากองค์กร และสามารถนำความสามารถเหล่านั้นต่อยอดความสำเร็จให้กับองค์กรได้
ภาษาอังกฤษ: In the next five years, I envision my professional growth aligning closely with the organization's success. I aim to evolve as an individual with enhanced knowledge, abilities, skills, and experiences, all of which will be gained through my dedicated efforts within the organization. This growth will serve a dual purpose - benefiting both myself and the organization's prosperity.
3.) ทำไมถึงลาออกจากที่เก่า | Why are you leaving your current job?
สำหรับคนที่เคยผ่านงานจากที่อื่นมาแล้ว มักจะเจอคำถามเกี่ยวกับที่ทำงานเก่า คำถามนี้เน้นไปในทางวัดทัศนคติเกี่ยวกับองค์กรเดิม และความเป็นไปได้ที่จะพูดถึงองค์กรปัจจุบันด้วย จึงควรระวังการตอบ ควรตอบอย่างเป็นกลางที่สุด พูดถึงเหตุผลในแง่ของการมองหาสิ่งที่ดีในการทำงานที่มากขึ้น หรือเหตุผลส่วนตัวที่ไม่กระทบใคร
ตัวอย่างคำตอบ:
ภาษาไทย: ฉันลาออกเพราะต้องการหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในชีวิตการทำงาน และมองเห็นว่าที่นี่เหมาะกับการเรียนรู้ครั้งใหม่ที่ตนเองจะเติบโตและอยู่ได้นาน
ภาษาอังกฤษ: I resigned because I wanted to gain new experiences in my working life and saw that this place was suitable for new learning, in which I could grow and have a happy work life.
4.) จุดแข็งของตนเอง | What are your strengths?
จุดแข็งเป็นสิ่งที่องค์กรมองหา ควรหาจุดแข็งของตนเองที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร แล้วถ่ายทอดออกมาให้ดี ใช้น้ำเสียงฉะฉานมั่นใจ ยิ่มแย้มแจ่มใส และมีความอ่อนน้อม เพื่อให้ดูเข้าถึงง่าย ควรตอบจุดแข็งที่เกี่ยวกับงาน อาจจะไม่ใช่เรื่องความรู้เสมอไป แต่เน้นที่ความคิด การแสดงออก และการแก้ปัญหา เช่น เป็นคนใจเย็น เป็นคนรับฟัง และโยงเข้าจุดแข็งนี้ดีต่องานอย่างไร
ตัวอย่างคำตอบ:
ภาษาไทย: ดิฉันเป็นคนใจเย็น ในงานที่ต้องพูดคุยกับลูกค้าทั้งวัน และมีโอกาสพบกับความไม่พอใจของลูกค้า ดิฉันเชื่อว่าจุดแข็งนี้จะช่วยให้ดิฉันรับมือได้ดี และจบปัญหาได้อย่างประนีประนอม
ภาษาอังกฤษ: I am a calm person. In a job that requires talking to customers all day, and there is a chance of encountering customer dissatisfaction, I believe this strength will help me cope well and end the problem with compromise.
5.) จุดอ่อนของตนเอง | What are your weaknesses?
คำถามนี้เป็นคำถามทั่วไปที่เปิดโอกาสให้ผู้สมัครได้พูดถึงตนเอง ควรลือกจุดอ่อนที่ไม่กระทบกับงาน การตอบคำถามแบบนี้ควรตอบด้วยความมั่นใจและนอบน้อมในคราวเดียวกัน แนวคำตอบให้เน้นจุดเด่นทุกอย่างที่ตัวเองมี แต่เน้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร ส่วนจุดอ่อนให้พูดถึงสิ่งที่ไม่กระทบกับงาน หรือเป็นจุดอ่อนที่มองเป็นข้อดีได้ หรือจุดอ่อนที่ไม่เกี่ยวกับงาน
ตัวอย่างคำตอบ:
ภาษาไทย: ดิฉันเป็นคนทำงานค่อนข้างจุกจิกเพราะอยากให้งานออกมาดี งานทุกชิ้นที่ออกไปอาจมีการปรับเปลี่ยนบางจุดเล็ก ๆ บ้าง แต่ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นที่พอใจกับทุกฝ่าย (เปลี่ยนจุดอ่อนเป็นจุดดี)
ภาษาอังกฤษ: I am sometimes a perfectionist. Being a perfectionist can be a double-edged sword, but overall, I just want every single piece of work to go well.
6.) เงินเดือนที่คาดหวัง | What are your salary expectations?
การทำงานจำเป็นต้องมีเงินเดือน ซึ่งหลายบริษัทจะให้ผู้สมัครบอกเงินเดือนที่คาดหวัง เพื่อการตกลงก่อนตัดสินใจร่วมงาน ให้บอกตัวเลขที่ต้องการจริง โดยอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ให้พิจารณาจากเงินเดือนจากที่เก่า แล้วบวกเพิ่มเล็กน้อยเท่าที่ตนเองรับได้ โดยหากมีการต่อรองให้ได้เทียบเท่าหรือมากกว่าเงินเดือนที่เดิม ส่วนเด็กจบใหม่ให้พิจารณาจากโครงสร้างองค์กร หรือเริ่มจากการเรียกเงินเดือน 15,000 บาท ซึ่งเป็นเงินเดือนขั้นต่ำก่อนก็ได้
ตัวอย่างคำตอบ:
ภาษาไทย: ดิฉันคาดหวังเงินเดือนโดยอิงจากประสบการณ์ของตนเอง
ภาษาอังกฤษ: I expect a salary based on my experience.
คำถามจะเป็นคำถามเกี่ยวกับทัศนคติส่วนตัว ทัศนคติต่อการทำงาน และหน้าที่ของตำแหน่งที่สมัครเป็นส่วนใหญ่ ควรเตรียมความพร้อมในคำถามแนวนี้ แล้วการสัมภาษณ์จะง่ายมากขึ้น และสำรวจตัวเองว่ามีคุณสมบัติตรงตามที่บริษัทต้องการ เพื่อลดการเสียเวลาของทั้ง 2 ฝ่าย
ชีวิตการทำงานมีสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมเสมอ และถึงแม้จะเตรียมพร้อมมาดีแล้วก็ยังมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ การมีตัวช่วยในเรื่องไม่คาดฝันจึงเป็นการวางแผนอนาคตรูปแบบหนึ่ง แนะนำบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิตที่เป็นตัวช่วยชาวมนุษย์เงินเดือน โดยบัตรกดเงินสดจะเป็นตัวช่วยเมื่อมีค่าใช้จ่ายไม่คาดฝันเกิดขึ้นและต้องการเงินก้อน ในขณะที่บัตรเครดิตจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย รูดซื้อสินค้าและบริการได้ง่าย มีส่วนลดกับพาร์ทเนอร์ สะสมแต้มและ Cashback ได้ รวมถึงเป็นตัวช่วยสร้างเครดิตเมื่อต้องการซื้อบ้านและรถในอนาคตอีกด้วย
สร้างเครดิตให้ตนเองผ่านการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต
เตรียมพร้อมเรื่องงานให้อนาคตไม่สะดุด
หลังจากสัมภาษณ์แล้วก็จะเข้าสู่ชีวิตการทำงานอย่างเต็มตัว คนที่ผ่านการสัมภาษณ์และได้ทำอาชีพในฝันแล้วย่อมต้องหาความมั่นคงให้ตัวเอง ทริคเล็ก ๆ ในการทำงานแล้วสร้างความมั่นคงได้มีดังนี้
- สมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ Provident Fund เป็นสวัสดิการที่บางบริษัทมีให้ การสมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะเป็นการเก็บออมเงินจากเงินเดือน และมีนายจ้างร่วมสมทบด้วย ยิ่งเป็นสมาชิกนานยิ่งได้เงินสมทบมากขึ้น
- ทำบัตรเครดิตไว้สักใบ
การทำบัตรเครดิตเป็นตัวช่วยด้านการใช้จ่าย สามารถใช้รูดซื้อสินค้าและบริการได้หลากหลาย พร้อมโปรโมชั่นบัตรเครดิตสำหรับร้านค้าที่ร่วมรายการ นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างเครดิตที่ดีให้กับตนเอง เมื่อจะกู้เงินสร้างบ้านหรือซื้อรถจะผ่านได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีเครดิต
- เก็บออมเงินเดือน
การเก็บออมจากเงินเดือนเป็นประจำจะช่วยให้มีเงินเก็บเพิ่มพูน เป็นหลักประกันความเสี่ยงในอนาคต หากมีเรื่องด่วนที่ต้องใช้เงินจะมีเงินเก็บนี้เป็นตัวช่วยในการก้าวผ่านปัญหาไปได้
- ทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างแข็งขัน
การที่จะทำอาชีพในอนาคต ไม่ตกงาน จะต้องเป็นคนที่องค์กรเล็งเห็นความสำคัญ การจะเพิ่มความสำคัญในองค์กรได้จะต้องทำงานจนคนเล็งเห็นและมีการปรับและขยับตำแหน่งขึ้นควรต้องเป็นคนที่เต็มที่กับทุกงาน และมักจะแสดงความคิดเห็นในการทำงาน เมื่อการงานมั่นคง ความมั่นคงด้านการเงินจะตามมาในภายหลัง
การสัมภาษณ์งานเป็นบันไดขั้นแรกในการทำงาน การเตรียมตัวสัมภาษณ์ เตรียมคำถามและคำตอบเอาไว้ก่อนช่วยลดความตื่นเต้น ทำให้ตอบคำถามได้ฉะฉาน มั่นใจ หลังจากได้ทำงานแล้ว สิ่งที่แนะนำให้พนักงานออฟฟิศมีคือบัตรเครดิต เพราะเป็นตัวช่วยด้านการเงินที่มีประโยชน์มหาศาล ฝึกการใช้จ่าย เพิ่มความคุ้มค่าในการรูดซื้อสินค้าและบริการ สมัครบัตรเครดิตใบแรกใช้เงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท และหากใช้งานบัตรเครดิตไปเรื่อย ๆ สามารถขอเพิ่มวงเงินได้ในอนาคต
ทำบัตรเครดิตพนักงานเงินเดือน ตัวช่วยสร้างเครดิต
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี