ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือสื่อสารอย่างเดียวอีกต่อไป แต่กลายเป็นศูนย์กลางของชีวิตดิจิทัลที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว ปี 2025 นี้ สมาร์ตโฟนแต่ละค่ายแข่งกันดุเดือดทั้งด้านกล้องที่เฉียบคมขึ้น หน้าจอที่ลื่นไหลกว่าเดิม ไปจนถึงชิปประมวลผลทรงพลังที่ทำให้การใช้งานทุกอย่างลื่นไหล ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้หลายคนลังเลว่าจะเลือกโทรศัพท์รุ่นไหนดีให้คุ้มที่สุด บทความนี้จะมาแนะนำ 10 มือถือรุ่นใหม่ มาพร้อมสเปกแรง ถ่ายรูปสวย คุ้มค่าน่าใช้ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อโทรศัพท์รุ่นไหนดี รวมถึงสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อโทรศัพท์ในปี 2025 นี้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
วิธีเลือกซื้อโทรศัพท์รุ่นไหนดีปี 2025 ต้องดูอะไรบ้าง
การดูว่าโทรศัพท์รุ่นไหนดีในปี 2025 ไม่ได้ดูแค่รุ่น ราคา หรือแบรนด์ดังอีกต่อไป แต่ต้องเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และการใช้งานจริง ซึ่งโทรศัพท์มือถือในปี 2025 นี้ก็มักจะมากับฟีเจอร์ล้ำ ๆ อัดแน่นจนทำให้หลายคนลังเลว่าจะเลือกรุ่นไหนดี ต่อไปนี้คือปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจควักเงินซื้อ
- หน้าจอ และ Refresh Rate – โทรศัพท์ยุคนี้ควรมี Refresh Rate ตั้งแต่ 90Hz ขึ้นไป เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหลทั้งการเลื่อนหน้าจอและการเล่นเกม ถ้าคุณรับชมความบันเทิงบ่อย หน้าจอใหญ่ขนาด 6 นิ้วขึ้นไปพร้อมความละเอียดสูงจะช่วยให้ดูหนัง เล่นเกม หรือท่องเว็บได้เต็มอารมณ์มากขึ้น
- RAM และความเร็วในการประมวลผล – สำหรับปี 2025 มือถือที่มี RAM ต่ำกว่า 6GB แทบไม่ตอบโจทย์แล้ว โดยเฉพาะสายมัลติทาสก์ที่ชอบเปิดหลายแอปพร้อมกัน หรือเล่นเกมกราฟิกจัดเต็ม แนะนําว่าโทรศัพท์ที่มี RAM 8GB ขึ้นไปเป็นมาตรฐานใหม่ที่ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ราบรื่นและควรมองหา
- กล้องและระบบถ่ายภาพ – ยุคนี้กล้องมือถือที่ดีไม่ได้วัดกันที่ความละเอียดหรือพิกเซลสูง ๆ อย่างเดียวอีกต่อไป ควรดูเรื่องฟีเจอร์ AI Camera ที่ช่วยปรับแสง สี และคมชัดได้อัตโนมัติ รวมถึงระบบกล้องกลางคืน (Night Mode) ที่ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ไม่หลอกตา กล้องหลักอย่างน้อยควรมีความละเอียด 50MP และต้องโฟกัสไว พร้อมชัตเตอร์เร็ว
- แบตเตอรี่และระบบชาร์จ – โทรศัพท์มือถือปีนี้ต้องแบตอึดและชาร์จไว ความจุแบตเตอรี่ 4,500 mAh ขึ้นไป ถือเป็นมาตรฐาน และควรมาพร้อมเทคโนโลยี Fast Charging อย่างน้อย 30W เพื่อประหยัดเวลา ไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงก์ตลอดวัน
- พื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในเครื่อง (ROM) – สำหรับคนที่ชอบถ่ายวิดีโอ 4K หรือเก็บแอปจำนวนมาก ROM อย่างน้อยควรเริ่มที่ 128GB และถ้าเลือกรุ่นที่รองรับ microSD card เพิ่มได้ ก็จะยืดหยุ่นขึ้นอีกขั้น
- รองรับอุปกรณ์เสริม – คนทำงานหรือครีเอเตอร์ควรพิจารณาโทรศัพท์ที่รองรับอุปกรณ์เสริม เช่น ปากกาสไตลัส คีย์บอร์ดบลูทูธ หรือการเชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์ เพื่อให้ใช้งานได้หลากหลายกว่าแค่การโทรออก-รับสาย
- ยี่ห้อและบริการหลังการขาย – อย่าลืมดูยี่ห้อโทรศัพท์ที่มีการออกซอฟต์แวร์อัปเดตอย่างสม่ำเสมอ มีบริการหลังการขายที่ดีและมีศูนย์บริการรองรับ เพราะโทรศัพท์หากเกิดปัญหาขึ้นจะได้เคลมประกันหรือมีบริการรองรับ
โทรศัพท์ Android และ iOS แตกต่างกันอย่างไร
เมื่อมีคำถามยอดฮิตอย่างจะซื้อโทรศัพท์รุ่นไหนดี หนึ่งในปัจจัยหลักที่ต้องพิจารณา คือ ระบบปฏิบัติการของมือถือรุ่นนั้น ๆ ซึ่งปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ค่ายหลัก ได้แก่ Android และ iOS แม้ทั้งสองระบบจะมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ช่วยให้สมาร์ตโฟนทำงานได้อย่างราบรื่น แต่แนวคิดและจุดเด่นของแต่ละฝั่งนั้นแตกต่างกันชัดเจน
ระบบปฏิบัติการ iOSเป็นระบบที่ถูกพัฒนาโดย Apple เพื่อใช้กับอุปกรณ์ของตัวเองอย่าง iPhone เท่านั้น จุดเด่นอยู่ที่ความเสถียร ความปลอดภัย และประสบการณ์ใช้งานที่ต่อเนื่องกับผลิตภัณฑ์อื่นในระบบ Apple เช่น MacBook, iPad หรือ Apple Watch ผู้ใช้สามารถสลับงานหรือแชร์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งค่าให้ยุ่งยาก แต่ข้อจำกัด คือ ไม่สามารถปรับแต่งระบบหรือหน้าตาได้มากนัก และมีตัวเลือกอุปกรณ์จำกัดอยู่เฉพาะแค่แบรนด์ Apple เท่านั้น
ระบบปฏิบัติการ Androidพัฒนาขึ้นโดย Google เป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิด (Open Source) ที่ให้ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือแบรนด์ต่าง ๆ นำไปพัฒนาต่อเป็นระบบปฏิบัติการของตัวเองได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็น One UI ของ Samsung, HyperOS ของ Xiaomi, Color OS ของ OPPO หรือ Funtouch OS ของ Vivo ทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกหลากหลายกว่า ทั้งยังมาพร้อมแอปพลิเคชันและบริการพื้นฐานของ Google เช่น Gmail, Google Maps และ Google Assistant เป็นต้น คนที่ใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้อยู่แล้วจึงไม่ต้องปรับตัวใด ๆ นอกจากนี้ตัว OS เองยังอิสระในการปรับแต่งสูง ตั้งแต่ธีม รูปแบบเมนู ไปจนถึงการติดตั้งแอปนอก Play Store ได้อย่างอิสระ แต่ด้วยความเปิดกว้างนี้เองอาจทำให้ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
สุดท้ายแล้ว ระบบไหนดีกว่ากันอาจไม่มีคำตอบที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับความถนัดและความต้องการของแต่ละบุคคลว่าต้องการมือถือที่ “ใช้ง่าย เสถียร เชื่อมโยงกันทั้งระบบ” แบบ iOS หรือ “ปรับแต่งได้เยอะ เลือกได้หลากหลาย และราคายืดหยุ่น” แบบ Android และเลือกระบบปฏิบัติการที่ตอบโจทย์กับการใช้งานของคุณให้มากที่สุด
แนะนำ 10 โทรศัพท์รุ่นไหนดี สเปกแรง คุ้มค่าน่าใช้ในปี 2025
สำหรับคนที่กำลังมองหาโทรศัพท์เครื่องใหม่แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกโทรศัพท์รุ่นไหนดี นี่คือ 10 โทรศัพท์มือถือน่าใช้ในปี 2025 สเปกแรง ฟีเจอร์ครบ ราคาโดนใจ เหมาะทั้งสายทำงาน เล่นเกม และคนชอบถ่ายรูป มาดูกันว่ามีรุ่นอะไรบ้าง
1. iPhone 15
ในปี 2025 นี้ iPhone 15 ยังคงเป็นมือถือยอดนิยมที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับความเสถียรและคุณภาพโดยรวมของระบบทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซต A16 Bionic ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล รองรับการใช้งานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ iOS เวอร์ชันล่าสุดยังเพิ่มคุณสมบัติด้านความปลอดภัย และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังรองรับการอัปเดตเวอร์ชันต่อไปอีกหลายปี นอกจากนี้ iPhone 15 ยังมีราคาเข้าถึงง่ายเพราะไม่ได้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของไลน์อัพ จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าทั้งราคาและประสิทธิภาพ ผู้ที่กำลังมองหาความเห็นเชิงลึกสามารถค้นหารีวิว iphone 15 ซึ่งมีให้เลือกอ่านมากมายจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างมั่นใจ
2. Samsung Galaxy S25 Ultra
Samsung Galaxy S25 Ultra ถือเป็นสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุดของ Samsung ในปี 2025 อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยเฉพาะระบบกล้องที่ยกระดับขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า ด้วยกล้องหลักความละเอียด 200MP พร้อมเลนส์เทเลโฟโต้และอัลตร้าไวด์ที่สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายสถานการณ์ รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับหน้าจอ Dynamic LTPO AMOLED ขนาด 6.9 นิ้ว รองรับความละเอียดสูงสุดระดับ 2K และอัตรารีเฟรช 120Hz ซึ่งช่วยให้การใช้งานทุกประเภท ทั้งด้านความบันเทิงและการทำงาน มีความลื่นไหลและคมชัดเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จเร็ว และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดวันอย่างมั่นใจ
3. Samsung Galaxy Z Fold 6
Samsung Galaxy Z Fold 6 ยังคงเป็นนวัตกรรมมือถือจอพับที่โดดเด่นที่สุดของปีนี้ ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ยืดหยุ่น รองรับทั้งรูปแบบการใช้งานแบบแท็บเล็ตและสมาร์ตโฟนในเครื่องเดียว โครงสร้างได้รับการปรับปรุงให้ทนทานมากขึ้นกว่าเดิม ผู้ใช้สามารถพับเปิด-ปิดได้โดยไม่ต้องกลัวโทรศัพท์พัง แม้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen รองรับ 5G และ Wi-Fi มาตรฐานล่าสุด นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์มัลติทาสก์ เช่น การเปิดหลายหน้าต่างพร้อมกัน ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานของผู้ที่ต้องทำงานหลากหลายอย่างในเวลาเดียวกัน พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาด 4,400 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 25W และชาร์จไร้สาย 15W ช่วยให้ใช้งานราบรื่นต่อเนื่องตลอดวัน
4. Xiaomi 15 Ultra
Xiaomi 15 Ultra เป็นโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด 2025 จากทาง Xiaomi ที่โดดเด่นในด้านกล้องถ่ายภาพด้วยการใช้เลนส์เซนเซอร์ขนาดใหญ่ และระบบเลนส์ที่ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Leica ให้รองรับการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพระดับมืออาชีพ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลระดับไฮเอนด์อย่าง Qualcomm Snapdragon 8 Elite และ RAM 16GB ที่รองรับการใช้งานแบบหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรือการตัดต่อวิดีโอบนมือถือ ทั้งยังมีแบตเตอรี่ความจุ 5,410 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 90W และชาร์จไร้สาย 80W ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดขายที่สำคัญที่ผู้ใช้หลายคนมองหาในปี 2025
5. Redmi Note 14 5G
Redmi Note 14 5G ถือเป็นสมาร์ตโฟนที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานพื้นฐานและรองรับเครือข่าย 5G ในราคาที่จับต้องได้ ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกมือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท ที่มีความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความประหยัด รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว 120Hz แบตเตอรี่ความจุ 5,110 mAh และกล้องหลัก 108MP ที่ให้ภาพชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนเครื่องสำรอง
6. Realme GT 7 Pro
Realme GT 7 Pro ได้รับการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ตโฟนสเปกสูงในราคาที่เข้าถึงได้ มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว 144Hz ซึ่งเหมาะสำหรับการเล่นเกมหรือชมวิดีโอระดับคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังติดตั้งชิปประมวลผลระดับเรือธง Qualcomm Snapdragon 8 Elite พร้อม RAM 12GB รองรับการใช้งานแบบมัลติทาสก์ได้อย่างราบรื่น รวมถึงระบบกล้องหลัง 3 ตัว มีกล้องเทเลโฟโต้และอัลตร้าไวด์ครบครัน และยังมาพร้อมระบบระบายความร้อนที่ช่วยลดความร้อนสะสมขณะใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อโทรศัพท์รุ่นไหนดีที่มีสเปกแรงและฟีเจอร์ครบครัน Realme GT 7 Pro ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ
7. Oppo Reno13 Pro 5G
Oppo Reno13 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่ผสมผสานความสวยงามของดีไซน์เข้ากับเทคโนโลยีถ่ายภาพอัจฉริยะ ตัวเครื่องมีการออกแบบเน้นความบางและน้ำหนักเบา โดยมาพร้อมกล้องความละเอียด 50MP และเทคโนโลยี AI ที่ช่วยปรับแต่งภาพถ่ายให้ออกมาคมชัดและเป็นธรรมชาติ รองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 4K และมีระบบกันสั่น OIS ที่ช่วยให้ภาพไม่สั่นแม้ถ่ายในระหว่างเคลื่อนไหว ขณะที่ประสิทธิภาพตัวเครื่องก็มาพร้อมชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8350 RAM 12GB พื้นที่เก็บข้อมูล 512GB และหน้าจอขนาด 6.83 นิ้ว ความละเอียด FHD+ เหมาะสำหรับสายคอนเทนต์ที่ต้องการโทรศัพท์น่าใช้ในราคาที่เหมาะสม
8. iQOO 13
iQOO 13 เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นเรือธงของแบรนด์ iQOO โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพระดับสูงที่ออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ขับเคลื่อนด้วยพลังจากชิปประมวลผล Snapdragon 8 Elite พร้อมหน้าจอขนาด 6.82 นิ้ว ความละเอียด 3168 × 1440 พิกเซล Refresh Rate 144Hz ที่ช่วยให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหลไร้อาการกระตุก นอกจากนี้ยังมีระบบเสียงลำโพงคู่แบบสเตอริโอที่ให้มิติของเสียงสมจริงมากขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหาโทรศัพท์รุ่นไหนดีสำหรับการเล่นเกมหรือใช้งานมัลติมีเดียอย่างเต็มรูปแบบ
9. Vivo X200 Pro
Vivo X200 Pro ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ให้ความสำคัญกับการถ่ายภาพโดยเฉพาะ มาพร้อมกับชุดกล้องประสิทธิภาพสูงที่ใช้เลนส์จากแบรนด์ Zeiss พร้อมเซนเซอร์ Sony IMX06C ขนาด 1/1.28 นิ้ว ช่วยให้ถ่ายภาพได้คมชัดทุกรายละเอียด และมีระบบกันสั่นระดับมืออาชีพ สามารถถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอในสถานการณ์ที่มีการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ หน้าจอมีขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2800 × 1260 พิกเซล Refresh Rate 120Hz แสดงผลภาพได้ลื่นไหล ใช้ชิปเซต MediaTek Dimensity 9400 RAM 16GB ความจุตัวเครื่อง 512GB แบตเตอรี่มีความจุ 6,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 90W ถือเป็นโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่เหมาะกับสายถ่ายภาพมืออาชีพ
10. Honor 400 Pro
Honor 400 Pro เป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Honor มาพร้อมกับประสิทธิภาพจากชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 3 RAM 12GB ความจุตัวเครื่อง 512GB ชุดกล้องหลักความละเอียด 200MP พร้อมกล้องเทเลโฟโต้และกล้องอัลตร้าไวด์ครบครัน มีระบบ AI ที่ช่วยวิเคราะห์และปรับแต่งภาพให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ตัวเครื่องรองรับระบบชาร์จเร็ว 100W ชาร์จไร้สาย 50W และมีแบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh ที่ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีดีไซน์พรีเมียม เหมาะกับผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญทั้งในด้านประสิทธิภาพ ฟังก์ชัน และรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม
โทรศัพท์รุ่นไหนดี 2025 เลือกรุ่นที่ใช่ ใช้งานไม่มีสะดุด
ปี 2025 นี้ โทรศัพท์รุ่นไหนดีกลายเป็นโจทย์คำถามใหญ่ที่ต้องพิจารณาหลายด้าน โทรศัพท์มือถือทั้ง 10 รุ่นในบทความนี้ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ สเปกแรง คุ้มค่าน่าใช้ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งานทั้งสายถ่ายภาพ สายเล่นเกม และสายชมคอนเทนต์ อย่างลงตัว ซึ่งการจะเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่สักเครื่องควรดูสเปกที่ตอบโจทย์การใช้งาน เปรียบเทียบโทรศัพท์หลาย ๆ รุ่น ดูรีวิวโทรศัพท์รุ่นที่สนใจ ตั้งงบประมาณที่มี รวมถึงดูเรื่องโปรโมชั่นและเงื่อนไขการผ่อนมือถือ เพื่อให้ได้โทรศัพท์ที่คุ้มค่าและตรงกับความต้องการมากที่สุด
หากคุณกำลังวางแผนซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่และต้องการบริหารเงินอย่างมีแบบแผนบัตรกดเงินสด KTC PROUD คือ ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ด้านการเงินในเวลาที่ต้องใช้จ่ายฉุกเฉิน ด้วยวงเงินพร้อมใช้ พร้อมสิทธิพิเศษในการผ่อนไอโฟนได้นานสูงสุด 24 เดือน หรือสมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆ ได้แบบสบายกระเป๋า ทั้งยังสมัครง่าย ใช้เอกสารสมัครบัตรกดเงินสดไม่กี่อย่างก็อนุมัติได้รวดเร็ว และมีอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดที่โปร่งใส ควบคุมได้จริง เพื่อวางแผนการผ่อนจ่ายได้อย่างรอบคอบและแบ่งจ่ายรายเดือนได้อย่างยืดหยุ่น
- สมัครง่าย เงินเดือน 12,000 บาท ก็สมัครได้
- อนุมัติไว เลือกรับเงินโอนเข้าบัญชีได้ทันที เมื่ออนุมัติ
- เบิกเงินได้ 24 ชั่วโมง ผ่านแอป KTC Mobile และ ATM ทั่วประเทศ
- ผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
- รูดซื้อสินค้า และช้อปออนไลน์ พร้อมรับสิทธิพิเศษทั้งปี
หมุนเงินทันใจ พร้อมใช้จ่ายเมื่อจำเป็น ด้วยบัตรกดเงินสด KTC PROUD
*กู้เท่าที่จําเป็นและชําระคืนได้ตามกําหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 25% ต่อปี