มนุษย์เงินเดือนคนไหนกำลังเบื่องานอยู่บ้าง? เรียกได้ว่าร้อยละ 90 ของมนุษย์เงินเดือน ต่างเคยประสบกับอาการเบื่องาน หรือสภาวะหมดไฟในการทำงานกันทั้งนั้น บางครั้งอาจมีอาการเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ และหายไป แต่ถ้าหากไม่ได้รับการแก้ไข ก็อาจสะสมกลายเป็นปัญหา ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นใครกำลังเริ่มมีอาการเบื่องาน อย่าละเลยอาการดังกล่าว และมาทำความรู้จักกับอาการเหล่านี้ พร้อมทั้งเคล็ดลับในการเติมไฟในการทำงาน ที่ KTC รวบรวมมาฝากกัน
การให้เวลาตัวเองได้พักผ่อน เช่น ทางอาหารดีๆ ช้อปปิ้ง หรือเดินทางท่องเที่ยว ช่วยให้อาการเบื่องานดีขึ้นได้
อาการเบื่องานคืออะไร?
อาการเบื่องาน หรือที่เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า “ภาวะหมดไฟจากการทำงาน” (Burnout Syndrome) เป็นอาการที่เรามีความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ ไม่อยากทำอะไร ซี่งมีสาเหตุมาจากความเครียดสะสมจากการทำงาน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ จิตใจ รวมไปถึงอาจส่งผลให้เกิดอาการทางร่างกายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาการปวดหัวไมเกรน และอาการนอนไม่หลับ
สัญญาณของอาการเบื่องานมีอะไรบ้าง?
แน่นอนว่าการเกิดอาการเบื่องาน หรือเข้าสู่สภาวะหมดไฟในการทำงาน ไม่ใช่เพียงอาการที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ต้องมีการสะสมความเครียด และความกดดันมาในระยะเวลาช่วงหนึ่ง ซึ่งอาการดังกล่าว จะค่อยๆ แสดงสัญญาณออกมาดังนี้
- เหนื่อยล้าเรื้อรัง พักเท่าไหร่ก็ไม่หาย
ในช่วงเริ่มต้น จะเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าตลอดเวลา พักผ่อนเท่าไหร่ก็ไม่สามารถฟื้นฟูความเหนื่อยล้าได้
- มองโลกในแง่ร้าย
เมื่อสะสมมากยิ่งขึ้นจะเริ่มมีผลต่อจิตใจ ทำให้กลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย เต็มไปด้วยความหดหู่ และไร้ซึ่งแรงบันดาลใจในการทำงาน และทำกิจกรรมต่างๆ รอบตัว เต็มไปด้วยความวิตกกังวลในการทำงาน หวาดระแวงเพื่อนร่วมงาน และอาจมองว่าตนเองไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน
- อารมณ์แปรปรวน มีอาการทางร่างกาย
ในบางคนเมื่อเครียดสะสมมากๆ อาจส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติทางร่างกาย เช่น อาการปวดหัวทั่วไป หรือปวดหัวไมเกรน หรือหากรุนแรงมากๆ ก็อาจส่งผลให้มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง วิตกกังวล และเริ่มแยกตัวเองออกจากสังคม ซึ่งหากใครเริ่มมีสัญญาณดังกล่าวเกิดขึ้น แนะนำให้รีบพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อทำการรักษา
10 วิธีแก้เบื่องาน เติมพลังให้กลับมาสดใสอีกครั้ง
สำหรับใครที่เริ่มมีอาการเบื่องาน และต้องการจะเติมพลังในการทำงานให้กลับมาสดใสอีกครั้ง
1.ค้นหาสาเหตุที่ทำให้เบื่องาน
อาการเบื่องานมักมีสาเหตุทุกครั้ง ดังนั้นเราต้องมองและพิจารณาให้ดีว่าอาการเบื่องานที่เราเป็นอยู่นั้นเกิดจาก “เนื้องาน” หรือว่า “คนที่ทำงานด้วย” กันแน่ ซึ่งหากเป็นการเบื่องาน ก็อาจจะต้องมีการปรับรูปแบบในการทำงานใหม่ หรือมองหางานสไตล์ใหม่ที่เข้ากับตัวเอง แต่ถ้าหากเบื่อคนก็อาจจะต้องพูดคุยกับหัวหน้า หรือมองหาออฟฟิศใหม่ในการทำงาน
2.ปรับมุมมองในการทำงาน มองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ
เมื่อเราทำงานเดิมซ้ำๆ เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการเบื่องานได้ ซึ่งมาจากความจำเจในการทำงาน หากมีปัญหานี้ แนะนำให้หาแรงบันดาลใจในการทำงานใหม่ หรือศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมที่จะสามารถนำมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเราได้
3.หาเวลาออกกำลังกายให้มากขึ้น
การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายดีแล้ว ยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย หากใครกำลังเบื่องาน ลองหาเวลาเพียงวันละ 30 นาที - 1 ชั่วโมงในการออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องเป็นการออกกำลังกายหนัก เพียงแค่ร่างกายได้ขยับ และหัวใจได้สูบฉีดเลือด ก็สามารถช่วยลดความเครียดได้
4.เปลี่ยนกิจวัตร หรือสไตล์ในการทำงาน
เมื่อเราต้องเจอกับการทำงานแบบเดิมๆ สภาพแวดล้อมเดิมๆ ก็อาจทำให้รู้สึกเบื่อได้เช่นกัน แนะนำให้ลองปรับสไตล์ในการทำงานให้แปลกใหม่มากขึ้น ปรับเปลี่ยน จัดระเบียบโต๊ะในการทำงานใหม่ ให้ไม่เหมือนเดิม ก็จะช่วยลดอาการเบื่องานได้
5.ปรับพฤติกรรมในการนอน
การนอนดึกเป็นประจำ ย่อมส่งผลให้เกิดความเหนื่อย เพราะร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และมีคุณภาพ ซึ่งเมื่อร่วมกับความเครียดสะสมจากการทำงาน ก็อาจทำให้เข้าสู่สภาวะหมดไฟในการทำงานได้เช่นกัน ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับการพักผ่อน การนอนหลับที่มีคุณภาพ เพื่อให้ร่างกายให้พักฟื้นอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยลดอาการของการเบื่องานได้
6.ทานอาหารที่มีประโยชน์ และครบโภชนาการ
บางครั้งการที่ไม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ อาจทำให้ไม่สามารถซ่อมแซมร่างกายจากความเหนื่อยล้าในชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ แน่นอนว่าสามารถส่งผลถึงสภาวะเบื่องานได้ด้วยเช่นกัน เพราะสารอาหารถือเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสมอง และอวัยวะต่างๆ ที่ทำงานอย่างประสานสอดคล้อง เมื่อสมองไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ หรือร่างกายไม่ได้รับการฟื้นฟูจากอาหารที่มีคุณภาพ ก็อาจทำให้ไม่สามารถบำรุงร่างกายได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือทานวิตามินเสริม เพื่อส่งเสริมให้ร่างกายได้ฟื้นตัวอย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง
7.เรียนรู้ที่จะยืดหยุ่นให้มากขึ้น
การทำงานด้วยความเคร่งเครียด ทุกอย่างต้องเป๊ะ และเป็นไปตามที่ตัวเองตั้งใจ อาจยิ่งสร้างแรงกดดันในการทำงาน และความเครียดสะสมให้ตัวเองมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงควรเรียนรู้ที่จะมีความยืดหยุ่นให้กับตัวเองบ้าง เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะสมบูรณ์แบบ ความผิดพลาดอาจเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้
8.ฝึกมองโลกในแง่บวก และหมั่นชื่นชมตัวเอง
การเปลี่ยนมุมมองความคิดด้วยการมองโลกในแง่บวกมากยิ่งขึ้น จะทำให้เราสามารถรับมือกับความเครียดได้ดียิ่งขึ้น ฝึกการมองเห็นคุณค่าของตัวเอง หมั่นชื่นชมตัวเองเมื่อทำอะไรสำเร็จ แม้จะเป็นเพียงความสำเร็จเล็กๆ ก็ตาม รวมไปถึงการเห็นประโยชน์ในทุกปัญหา การเปลี่ยนมุมมองในการมองโลกและใช้ชีวิตแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เรามีความสุขในชีวิตได้มากขึ้นกว่าเดิม
9.หาเวลาว่าง ออกไปพักผ่อน หรือท่องเที่ยว
หาเวลาว่างให้ตัวเองได้พักผ่อน อาจจะเป็นการไปท่องเที่ยว เปลี่ยนบรรยากาศ เจอสภาพแวดล้อมใหม่ๆ หรือไปพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ปล่อยใจจอยๆ ไปกับสีเขียว และอากาศที่สดชื่น จะช่วยเติมพลังในการทำงานให้กลับมาอีกครั้งได้เช่นกัน
10.พูดคุย และปรึกษากับคนสนิทรอบตัว
การได้พูดคุย ปรึกษา หรือระบายปัญหาให้กับคนสนิทฟัง ก็ช่วยให้เราได้ปลดปล่อยความเครียดออกไปได้เช่นกัน ซึ่งบางครั้งอาจได้เห็นมุมมองใหม่จากผู้อื่น ที่จะสามารถนำมาปรับใช้ แก้ปัญหา และหาทางออกให้กับเราได้เช่นกัน
การเบื่องานและหมดไฟ ไม่ใช่เรื่องแปลก และสามารถเกิดขึ้นได้กับวัยทำงานทุกคน แน่นอนว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ เพียงแค่ต้องหมั่นคอยสังเกตตนเอง และหาทางแก้ที่ถูกต้อง เช่น การได้ออกไปช้อปปิ้ง ทานอาหารดีๆ และท่องเที่ยว ก็เป็นทางออกง่ายๆ ที่ช่วยเติมไฟให้กับเราได้ ยิ่งมีโปรโมชั่นดีๆ จากบัตรเครดิต KTC ที่พร้อมจะเปลี่ยนทุกการใช้จ่ายให้เต็มไปด้วยสิทธิพิเศษสุดคุ้มให้ทริปเที่ยวเล็กๆ กลายเป็นการเติมแรงบันดาลใจในการทำงานได้ ใครยังไม่มีบัตรเครดิต KTC สามารถกดสมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ ได้เลยง่ายๆ ไม่ต้องไปธนาคาร หมดกังวลเรื่องค่าธรรมเนียม เพราะไม่มีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ และสามารถสะสมคะแนน KTC FOREVER ได้แบบไม่มีวันหมดอายุ สามารถแลกคะแนนรับเป็นเครดิตเงินคืน หรือส่วนลดได้ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ดีๆ มากมาย ให้คุณใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่ากว่าที่เคย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC