หนึ่งในเอกสารสำคัญสำหรับผู้มีรายได้ประจำจากบริษัท ที่ระบุค่าจ้างเป็นรายเดือน ก็คือ “สลิปเงินเดือน” โดยเป็นเอกสารส่วนตัวเฉพาะบุคคลที่ไม่ควรเปิดเผย และยังเป็นเอกสารที่สามารถใช้ทำธุรกรรมทางการเงินได้ ผู้ที่ต้องการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้าน รถ รวมถึงการสมัครบัตรเครดิต KTC และ สมัครบัตรกดเงินสด KTC PROUD ล้วนแต่ต้องใช้สลิปเงินเดือนเป็นเอกสารประกอบด้วยทั้งสิ้น สำหรับพนักงานออฟฟิศมือใหม่ที่อาจยังไม่เข้าใจความสำคัญและประโยชน์ของสลิปเงินเดือน KTC ได้รวบรวมข้อควรรู้เกี่ยวกับสลิปเงินเดือนมาให้แล้ว อ่านง่าย เข้าใจได้ทันที
สลิปเงินเดือน คืออะไร
สลิปเงินเดือน หรือ Pay Slip คือเอกสารที่ทางบริษัทนายจ้างออกให้กับลูกจ้าง เพื่อเป็นหลักฐานว่าทางบริษัทผู้จ้างได้ทำการจ่ายค่าแรงรายวัน หรือรายเดือน ให้กับลูกจ้างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเอกสารสลิปเงินเดือนมักจะมี 2 แบบด้วยกัน ได้แก่
- สลิปเงินเดือนแบบที่เป็นกระดาษ หรือบางบริษัทจะออกสลิปเงินเดือนมาให้ในรูปแบบของกระดาษคาร์บอน
- สลิปเงินเดือนออนไลน์ ที่สามารถเข้าไปดาวน์โหลดออนไลน์ได้ ขึ้นอยู่กับระบบของบริษัทที่ทำงาน เช่น บางบริษัทอาจเป็นระบบให้เข้าไปดาวน์โหลดสลิปเงินเดือน หรือบางที่อาจส่งเป็นอีเมลพร้อมแนบสลิปเงินเดือนมาให้ แต่โดยทั่วไปจะต้องใส่รหัสก่อนการดาวน์โหลด หรือเปิดไฟล์ เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล
สลิปเงินเดือนเป็นเอกสารสำคัญที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน พร้อมรายการเงินได้ต่างๆ
สลิปเงินเดือน ประกอบไปด้วยข้อมูลอะไรบ้าง
โดยปกติสลิปเงินเดือนไม่ได้มีเพียงข้อมูลเงินเดือนอย่างเดียว แต่ยังประกอบไปด้วยรายได้อื่นๆ รวมถึงจำนวนเงินที่ถูกหักภาษี และค่าประกันสังคมด้วย ไม่ว่าจะเป็นสลิปเงินเดือนแบบกระดาษ หรือสลิปเงินเดือนแบบออนไลน์
- ข้อมูลส่วนตัว ในสลิปเงินเดือนทุกฉบับจะต้องปรากฎข้อมูลส่วนตัวของผู้รับเงิน ทั้งชื่อ-นามสกุล รหัสประจำตัวผู้เสียภาษี และเลขที่บัญชี แนะนำให้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทุกครั้ง เพราะหากมีข้อมูลผิดพลาด อาจทำให้เกิดปัญหาในตอนยื่นภาษีได้
- เงินเดือน หมายถึงฐานเงินเดือนเริ่มต้น ที่ยังไม่รวมค่าโอที ค่าเบี้ยขยัน ค่าเดินทาง หรือค่าอื่นๆ
- ค่าล่วงเวลา (OT) ค่าเบี้ยขยัน หรือค่าคอมมิชชั่น โดยส่วนใหญ่แล้วค่าล่วงเวลา หรือค่าเบี้ยขยันต่างๆ ที่ทางบริษัทจ่ายเพิ่ม รวมไปถึงค่าคอมมิชชั่น จะถูกระบุและแจกแจงมาในสลิปเงินเดือนด้วย
- ค่าประกันสังคม ทุกบริษัทจะต้องมีประกันสังคม และระบุค่าใช้จ่ายประกันสังคมที่ถูกหักไปในสลิปเงินเดือน ตามประกันสังคมมาตรา 33 นั้น ผู้ถูกจ้างจะต้องถูกหักประกันสังคม 5% ของฐานเงินเดือน แต่ไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน
- ภาษี ในการจ่ายเงินค่าจ้างใดๆ ทุกครั้งจะมีการหักภาษีไว้ส่วนหนึ่งเพื่อนำส่งให้กรมสรรพากร ซึ่งจะระบุยอดที่หักไปในสลิปเงินเดือน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลเพื่อความถูกต้องในทุกครั้งที่ได้รับสลิปเงินเดือน
สลิปเงินเดือนใช้ทำอะไรได้บ้าง
สลิปเงินเดือนนั้นสามารถใช้เป็นเอกสารประกอบการทำธุรกรรมได้หลายอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วธนาคาร หรือสถาบันการเงินจะขอดูสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือนแล้วแต่เงื่อนไข
การขอสมัครบัตรเครดิต ต้องใช้สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
1. สมัครบัตรเครดิต KTC
อยากสมัครบัตรเครดิต KTC อันดับแรกเลยก็ต้องมีสลิปเงินเดือน เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีรายรับต่อเดือนอยู่ที่เท่าไหร่ โดยสลิปเงินเดือนจะเป็นเอกสารสำคัญที่ทางธนาคาร หรือผู้ให้บริการบัตรเครดิตใช้เป็นเกณฑ์ว่าจะสามารถสมัครบัตรเครดิตให้หรือไม่ และหากได้รับการอนุมัติจะให้วงเงินที่เท่าไหร่ สำหรับใครที่อยากสมัครบัตรเครดิต KTC สามารถศึกษาข้อมูลและตรวจสอบเอกสารที่ใช้ประกอบการสมัครบัตรเครดิต KTC ได้ที่นี่ จุดเด่นของบัตรเครดิต KTC คือมีให้เลือกหลากหลาย มีดอกเบี้ยพิเศษ ผ่อน 0.74% นานสูงสุด 10 เดือน ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี ได้รับคะแนนสะสม KTC FOREVER ทุกยอดใช้จ่าย คะแนนไม่มีวันหมดอายุ และไม่จำกัดยอดสะสมสูงสุด สามารถแลกรับสิทธิประโยชน์ได้มากมาย หรือจะใช้เป็นส่วนลด 1,000 คะแนน KTC FOREVER = 90 บาท
การกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดกับธนาคาร เอกสารที่สำคัญที่ใช้เป็นหนึ่งในเกณฑ์พิจารณาปล่อยสินเชื่อก็คือสลิปเงินเดือน
2. กู้บ้าน
หากต้องการกู้ซื้อบ้าน หรือคอนโดกับธนาคาร เอกสารที่สำคัญมากและใช้เป็นหนึ่งในเกณฑ์การตัดสินใจว่าธนาคารจะปล่อยสินเชื่อเงินกู้ให้คุณได้หรือไม่ก็คือสลิปเงินเดือน เพราะธนาคารจะต้องทำการประเมินว่าถ้าหากคุณมีรายรับเท่านี้ต่อเดือน จะมีกำลังในการผ่อนชำระตามวงเงินที่ขอมาได้หรือไม่ นอกจากนี้บริษัทที่คุณทำงานอยู่ก็มีส่วนในการพิจารณาด้วยเช่นกัน หากคุณทำงานในบริษัทที่มีความมั่นคงก็เป็นอีกหนึ่งเกณฑ์ที่ใช้ประกอบการพิจารณา
สลิปเงินเดือนเป็นเอกสารที่ใช้รับรองรายได้และแสดงถึงความสามารถในการผ่อนชำระของผู้ยื่นกู้
3. กู้รถ
อยากได้รถไว้ใช้สักคันแต่ไม่มีเงินสด ก็สามารถยื่นกู้ได้ โดยทางไฟแนนซ์จะขอดูเอกสารประกอบการพิจารณาซึ่งก็คือสลิปเงินเดือน ที่ช่วยให้สามารถพิจารณาการปล่อยกู้ได้ รวมถึงการเช็กยอดหนี้สิน และเครดิตบูโร สลิปเงินเดือนจึงเป็นเอกสารที่สำคัญ และใช้ในทุกการขอทำธุรกรรมทางการเงินโดยเฉพาะการยื่นกู้ต่างๆ
แม้จะผ่อนชำระหลายงวดแล้ว แต่หากต้องการรีไฟแนนซ์ จำเป็นต้องเตรียมเอกสารใหม่คล้ายกับการยื่นกู้ครั้งแรก รวมถึงสลิปเงินเดือนย้อนหลัง
4. ใช้ยื่นรีไฟแนนซ์
เมื่อคุณต้องการรีไฟแนนซ์ ไม่ว่าจะเป็นรถหรือบ้าน สลิปเงินเดือนคือหนึ่งในเอกสารที่ต้องใช้ สำหรับยื่นกับทางไฟแนนซ์ผู้ให้สินเชื่อเพื่อใช้พิจารณาประกอบ การยื่นขอรีไฟแนนซ์คล้ายกับการยื่นกู้ ใหม่ คือต้องเตรียมเอกสารทุกอย่างใหม่หมด นอกจากสัญญากู้ รายการเดินบัญชี (Statement) บัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้านแล้ว อย่าลืมเตรียมสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือนเอาไว้ด้วย
5. ใช้ขอสินเชื่อ
สลิปเงินเดือน ใช้ขอสินเชื่อต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อบัตรกดเงินสด สินเชื่อเงินกู้ หรือว่าสินเชื่อเพื่อนำไปทำธุรกิจ หากใครมีแพลนจะขอสินเชื่อกับธนาคาร แนะนำให้สอบถามเรื่องเอกสารสลิปเงินเดือนเพิ่มเติมเพราะแต่ละสถาบันการเงินต้องการเอกสารสลิปเงินเดือนย้อนหลังที่แตกต่างกัน เช่น 3-6 เดือน เป็นต้น
ทุกครั้งที่ได้รับสลิปเงินเดือน ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเสมอ เพราะหลายๆ คนที่ทำงานประจำและได้รับเอกสารสลิปเงินเดือนในทุกๆ เดือน อาจละเลยที่จะเปิดดูข้อมูลเนื่องจากมีรายได้ประจำคงที่เท่ากันในทุกๆ เดือนอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังควรเก็บรวบรวมสลิปเงินเดือนไว้ด้วยกันในที่ปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัว ทั้งช่วยในเรื่องการหาเอกสารย้อนหลัง หากต้องทำการยื่นขอทำธุรกรรมกับทางธนาคาร และเพราะสลิปเงินเดือนถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ควรเปิดเผย และอาจเสี่ยงหากเอกสารหลุดรอดในยุคสมัยที่มิจฉาชีพเป็นภัยที่อยู่รอบตัว
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC