การตัดสินใจมีเบบี้สักคนเป็นเรื่องสำคัญของครอบครัว นอกจากว่าที่คุณแม่ คุณพ่อต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อรอต้อนรับสมาชิกใหม่ ก็ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการมีบุตรที่ไม่ควรมองข้ามอีกมากมาย เริ่มตั้งแต่การฝากครรภ์ ค่าคลอดบุตร ค่าเลี้ยงดูบุตร ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้เมื่อนำมารวม ๆ กันก็มีมูลค่าสูงมากทีเดียว ด้วยเหตุนี้สำนักงานประกันสังคมได้มอบสิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตรที่ครอบคลุมสำหรับผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบประกันสังคมมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของคนเป็นแม่ มาถึงตรงนี้คุณแม่มือใหม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ทราบหรือไม่ว่า ? จะสามารถขอรับสิทธิได้ยังไง และเบิกค่าคลอดบุตรประกันสังคม 2568 ได้เท่าไหร่ วันนี้ KTC ขอพาทุกคนไปอัพเดทสิทธิประโยชน์ประกันสังคมกัน
ค่าคลอดบุตรประกันสังคมคืออะไร
ค่าคลอดบุตรประกันสังคม คือ สิทธิประโยชน์ทางการเงิน ที่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมจะได้รับเมื่อมีการคลอดบุตร โดยเป็นเงินช่วยเหลือจาก กองทุนประกันสังคม ที่จ่ายให้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการคลอด เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าห้องพักในโรงพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในช่วงเวลาคลอด สิทธิ์นี้มีไว้เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกันตน โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ สามารถดูแลตัวเองและลูกน้อย ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น และลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในช่วงเวลาสำคัญ
ใครมีสิทธิ์ได้รับค่าคลอดบุตรจากประกันสังคม 2568?
ผู้ประกันตนมาตรา 33
เงื่อนไขการรับสิทธิ: ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่คลอดบุตร
ผู้ประกันตนมาตรา 39
เป็นผู้ที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาก่อน และสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 โดยจ่ายเงินสมทบด้วยตนเอง
เงื่อนไขการรับสิทธิ: ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่คลอดบุตร
ผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้รับสิทธ์ค่าคลอดบุตรประกันสังคมไหม?
ผู้ประกันตนมาตรา 40 เป็นประชาชนทั่วไปที่ประกอบอาชีพอิสระหรือแรงงานนอกระบบ ซึ่งสมัครเข้าสู่ระบบประกันสังคมด้วยความสมัครใจ ไม่มีสิทธิรับค่าคลอดบุตร ไม่ว่าจะเลือกทางเลือกใดในการสมัคร
ที่มา : https://pmghospital.in.th/social-security-benefits-for-maternity
ขอบคุณรูปภาพจาก Facebook สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน - Social Security Office
ค่าคลอดบุตรประกันสังคม 2568 เบิกอะไรได้บ้าง?
1. ค่าคลอดบุตร (เหมาจ่าย 15,000 บาท)
จำนวนเงิน: เบิกได้ 15,000 บาท ต่อการคลอดหนึ่งครั้ง
เงื่อนไข:
- ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่คลอดบุตร
- สามารถเบิกได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการคลอด
- สามารถคลอดที่สถานพยาบาลใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ
- หากทั้งสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตน ให้ใช้สิทธิฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
2. ค่าฝากครรภ์ (รวมไม่เกิน 1,500 บาท)
จำนวนเงิน: เบิกได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 1,500 บาท แบ่งเป็น 5 ครั้งตามช่วงอายุครรภ์:
- อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์: ไม่เกิน 500 บาท
- 12–20 สัปดาห์: ไม่เกิน 300 บาท
- 20–28 สัปดาห์: ไม่เกิน 300 บาท
- 28–32 สัปดาห์: ไม่เกิน 200 บาท
- 32–40 สัปดาห์: ไม่เกิน 200 บาท
เงื่อนไข:
- ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่คลอดบุตร
- สามารถเบิกได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการตั้งครรภ์
3. เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร
จำนวนเงิน: รับเงินในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นระยะเวลา 90 วัน (3 เดือน)
เงื่อนไข:
- เฉพาะผู้ประกันตนมาตรา 33 เท่านั้น
- ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่คลอดบุตร
- สามารถเบิกได้ไม่เกิน 2 ครั้งตลอดระยะเวลาการเป็นผู้ประกันตน ( สำหรับการใช้สิทธิบุตรคนที่ 3 จะไม่ได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน )
ที่มา : https://www.sso.go.th/
เอกสารที่ใช้ในการยื่นขอค่าคลอดบุตรประกันสังคม 2568
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (แบบ สปส. 2-01)
- สำเนาสูติบัตรของบุตร
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ยื่นคำขอ
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารหน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ (ต้องเป็นบัญชีออมทรัพย์เท่านั้น)
- ใบเสร็จรับเงินค่าฝากครรภ์ (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนสมรส (กรณีผู้ประกันตนชายเป็นผู้ยื่นขอรับสิทธิ)
- หนังสือรับรองการเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของเด็ก (กรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรส)
ช่องทางการยื่นคำขอค่าคลอดบุตรประกันสังคม
- ยื่นคำขอได้ที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่สะดวก หรือยื่นผ่านไปรษณีย์
- สามารถยื่นคำขอได้ภายใน 1 ปี นับจากวันที่คลอดบุตร
- หากเอกสารครบถ้วนและได้รับการอนุมัติ เงินจะโอนเข้าบัญชีธนาคารที่ระบุไว้ในแบบคำขอ
ค่าคลอดบุตรประกันสังคม 2568 กี่วันได้เงิน?
หากเอกสารครบถ้วนโดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 5-7 วันทำการหลังจากเอกสารได้รับการอนุมัติ
เคล็ดลับในการยื่นขอรับค่าคลอดบุตรประกันสังคม 2568 ให้ราบรื่น
การยื่นขอรับสิทธิค่าคลอดบุตรประกันสังคม 2568 ไม่ใช่เรื่องยากแต่ถ้าเตรียมตัวให้ดีตั้งแต่ต้น จะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็วและไม่มีปัญหาติดขัดมาดูเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณแม่มือใหม่ยื่นขอได้แบบสบายใจ
1. ตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วน
ก่อนยื่นคำขอควรตรวจสอบเอกสารให้ครบและถูกต้อง ตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด เช่น:
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาสูติบัตรบุตร
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบเสร็จค่าฝากครรภ์ (กรณีเบิกค่าฝากครรภ์)
- แบบฟอร์มคำขอรับประโยชน์ทดแทน (แบบ สปส. 2-01)
การเตรียมเอกสารครบตั้งแต่แรก จะช่วยให้ เจ้าหน้าที่พิจารณาได้เร็วขึ้น ไม่ต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมภายหลัง
2. ยื่นคำขอในเวลาที่เหมาะสม
ควร ยื่นคำขอภายใน 1 ปี นับจากวันที่คลอดบุตร เพราะหากเลยกำหนด อาจทำให้เสียสิทธิ์ไปได้ และเพื่อความสะดวก ควรยื่น หลังจากได้รับสูติบัตรบุตรและเอกสารครบแล้ว
3. ติดตามผลการพิจารณา
หลังยื่นคำขอแล้ว หาก ไม่ได้รับการแจ้งผลหรือเงินโอนเข้าบัญชีภายใน 30 วัน ควรโทรสอบถามหรือเข้าไปติดตามผล ที่สำนักงานประกันสังคม เพื่อแก้ไขปัญหาหรือความล่าช้าได้ทันท่วงที
4. สำรองเอกสารสำคัญ
แนะนำให้ถ่ายสำเนาเอกสารเก็บไว้ ทั้งแบบกระดาษและแบบดิจิทัล (เช่น ถ่ายรูปเก็บในโทรศัพท์) เผื่อกรณีมีปัญหาหรือเอกสารสูญหาย จะได้มีหลักฐานไว้ใช้อ้างอิง
ค่าคลอดบุตรประกันสังคม 2568 เป็น สิทธิประโยชน์สำคัญที่คุณแม่มือใหม่ไม่ควรพลาด เพราะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายทั้ง ค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย 15,000 บาท ค่าฝากครรภ์สูงสุด 1,500 บาท และเงินสงเคราะห์การหยุดงาน (สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33) ซึ่งหากคุณแม่มีการวางแผนล่วงหน้า เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน และยื่นคำขอภายในกำหนด ก็จะได้รับสิทธิ์ได้อย่างราบรื่น และในช่วงเตรียมต้อนรับสมาชิกใหม่ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อาจเพิ่มขึ้น การมี บัตรเครดิตดี ๆ สักใบไว้ใช้ เช่น บัตรเครดิต KTC ใช้จ่ายเรื่อง ของใช้เด็ก ของใช้จำเป็นต่าง ๆ ให้การจับจ่ายคุ้มค่ายิ่งขึ้น เพราะมี โปรโมชั่นกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำมากมาย ให้คุณแม่เลือกช้อปอย่างสบายใจ หากยังไม่มีบัตรเครดิต KTC สามารถสมัครบัตรเครดิตด้วยตัวเองได้ง่ายๆตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC