ว่าที่คุณแม่ คุณพ่อควรรู้ ได้สิทธิประกันสังคม คลอดบุตรเรื่องใดบ้าง
การตัดสินใจมีเบบี้สักคนเป็นเรื่องสำคัญของครอบครัว นอกจากว่าที่คุณแม่ คุณพ่อต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อรอต้อนรับสมาชิกใหม่ ก็ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการมีบุตรที่ไม่ควรมองข้ามอีกมากมาย เริ่มตั้งแต่การฝากครรภ์ ค่าคลอดบุตร ค่าเลี้ยงดูบุตร ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้เมื่อนำมารวม ๆ กันก็มีมูลค่าสูงมากทีเดียว ด้วยเหตุนี้สำนักงานประกันสังคมได้มอบสิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตรที่ครอบคลุมสำหรับผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบประกันสังคมมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของคนเป็นแม่ มาถึงตรงนี้คุณแม่มือใหม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ทราบหรือไม่ว่า ? จะสามารถขอรับสิทธิได้ยังไง และเบิกค่าคลอดบุตรประกันสังคมได้เท่าไหร่ วันนี้ KTC ขอพาทุกคนไปอัปเดตสิทธิประโยชน์ประกันสังคมกัน
ค่าคลอดบุตรประกันสังคม คืออะไร เบิกได้เท่าไหร่
เป็นเงินสำหรับเบิกค่าคลอดของผู้ประกันตน มาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ใช้ได้ทั้งแบบผ่าคลอดและแบบคลอดตามธรรมชาติ ไม่คุณจะเลือกวิธีการคลอดแพงหรือแบบถูกประกันสังคมก็จะให้เบิกเงินได้ตามวงเงินที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดไว้ โดยผู้ประกันตนสามารถเบิกเงินค่าคลอดบุตรประกันสังคม 2566 แบบเหมาจ่ายได้ในอัตรา 15,000 บาท/การคลอด 1 ครั้ง (ไม่จำกัดจำนวนครั้ง หากกรณีมีลูกแฝดจะถูกนับเป็น 1 ครั้ง) เช่น ค่าทำคลอด ค่ายา ค่าห้อง ค่ารถพยาบาล หรือค่าบริการอื่น ๆ โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับสิทธิประกันสังคม ดังนี้
- จ่ายเงินสมทบประกันสังคมแล้ว ไม่น้อยกว่า 5 เดือน และภายใน 15 เดือนก่อนการคลอดบุตร
- กรณีสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่จำกัดจำนวนบุตร/ครั้ง
- หากบุตรที่นำมาใช้สิทธิ์เบิกค่าคลอดแล้ว จะไม่สามารถนำมาขอเบิกค่าคลอดได้อีก (เลือกว่าใครจะเป็นคนใช้สิทธิ)
นอกจากค่าคลอดบุตรประกันสังคม ได้เงินอะไรอีกบ้าง
สำหรับผู้ประกันตนที่สงสัยว่านอกจากค่าคลอดบุตรประกันสังคม มาตรา 33 และมาตรา 39 ทางสำนักงานประกันสังคมยังมอบสิทธิประโยชน์เรื่องค่าฝากครรภ์ เงินสงเคราะห์บุตร และเงินสงเคราะห์การหยุดงาน โดยมีรายละเอียดดังนี้
ค่าตรวจและฝากครรภ์
ประกันสังคมจะจ่ายค่าฝากครรภ์ จากเดิม 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,000 บาท ปรับเพิ่มเป็น 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,500 บาท ไม่ว่าจะเป็นค่าฝากครรภ์ครั้งแรก ค่าอัลตราซาวด์ ค่าวัคซีน ค่ารถพยาบาล ค่ายา หรือค่าบริการอื่น ๆ สามารถใช้เบิกได้เลย โดยการจ่ายเงินในแต่ละครั้งมีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
- อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 500 บาท
- อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 300 บาท
- อายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 28 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 300 บาท
- อายุครรภ์มากกว่า 28 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 32 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 200 บาท
- อายุครรภ์มากกว่า 32 สัปดาห์ ถึง 40 สัปดาห์ขึ้นไป จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 200 บาท
การดูแลลูกน้อยวัยแรกเกิด
เงินสงเคราะห์บุตร
สำหรับคุณแม่ที่คลอดบุตรแล้วยังได้รับเงินสงเคราะห์บุตร โดยจะได้รับเงินเหมาจ่ายบุตรละ 800 บาท/เดือน/บุตร 1 คน ตั้งแต่บุตรแรกเกิดจนบุตรอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ และในกรณีที่มีบุตรแฝด 2 คน จะได้รับเงินประกันสังคมจำนวน 1,600 บาท/เดือน โดยจ่ายเงินสูงสุดไม่เกิน 3 คน สำหรับคุณแม่ท่านไหนที่ลืมใช้สิทธิสามารถยื่นย้อนหลังได้ไม่เกิน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ส่งเงินประกันสังคมตามกำหนด ทั้งนี้มีเงื่อนไขของสิทธิประกันสังคม ดังนี้
- จ่ายเงินประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
- เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
- ยกเว้นบุตรบุญธรรมหรือบุตรที่ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น
- อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนไม่เกิน 3 คน
- ยกเว้นกรณีบุตรเสียชีวิต
เงินสงเคราะห์การหยุดงาน
เป็นสิทธิเฉพาะผู้ประกันตนฝ่ายหญิง โดยภายหลังจากที่คุณแม่ใช้สิทธิเบิกค่าคลอดบุตรประกันสังคมจะได้รับสิทธิเพิ่มในส่วนของเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตร แบบเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน ทั้งนี้ใช้สิทธิได้ 2 ครั้ง โดยมีเงื่อนไขดังนี้
- จ่ายเงินสมทบประกันสังคมแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการคลอดบุตร
- สิทธิการลาคลอดใช้ได้เฉพาะฝ่ายหญิงเท่านั้น ฝ่ายชายไม่สามารถเบิกใช้ได้
- จ่ายให้ไม่เกินฐานเงินเดือน 15,000 บาท หากเงินเดือนมากกว่ากำหนด ก็จะคิดแค่ 15,000 บาท
- สำหรับการใช้สิทธิประกันสังคมนี้ จะใช้ได้เฉพาะบุตรคนที่ 1 และคนที่ 2 เท่านั้น
- มีระยะเวลาจ่ายเงินให้ทั้งหมด 90 วัน หรือ 3 เดือน นับรวมวันหยุดราชการ
- กรณีกลับมาทำงานก่อนถึงครบกำหนด 90 วัน คุณแม่จะยังได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรตามปกติ
บัตรเครดิต KTC แหล่งเงินทุนสำรองเพื่อลูกน้อย
คลอดลูก ใช้ประกันสังคม ต้องสำรองจ่ายก่อนไหม
คุณแม่สามารถฝากครรภ์และคลอดบุตร ณ โรงพยาบาลใดก็ได้ที่สะดวก ไม่จำเป็นต้องไปฝากครรภ์และคลอดที่โรงพยาบาลตามสิทธิก็ได้ แต่ต้องสำรองเงินจ่ายไปก่อนแล้วค่อยนำเอกสารหลักฐานมายื่นเรื่องเบิกค่าคลอดบุตรได้ที่สำนักงานประกันสังคมใกล้บ้าน
การเลี้ยงดูลูก 1 คน มีค่าใช้จ่ายที่พ่อแม่ต้องเตรียม ตั้งแต่คลอดไปจนเรียนจบ
จะเห็นได้ว่าผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 มีสิทธิประกันสังคมมาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสำหรับการมีบุตรในเบื้องต้น แต่ถึงอย่างนั้นว่าที่คุณแม่ คุณพ่อมือใหม่จำเป็นต้องหาเงินสำรองเผื่อไว้ เพราะอาจมีค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงตามมา ดังนั้นการเตรียมความพร้อมด้วยการวางแผนทางการเงินไว้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ก็ช่วยได้ไม่น้อย ซึ่งปัจจุบันธนาคารและผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายเวลาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อย่างบัตรเครดิตที่ช่วยให้ผู้ถือบัตรฯ สามารถกำหนดและวางแผนการเงินในการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและบริหารเงินของช่วงปลอดดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้น
แล้วถ้าใช้บัตรเครดิตรูดซื้อของข้าวเครื่องใช้สำหรับเด็กแรกเกิด ต่อเติมห้องเพื่อรองรับบุตร ติดเครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศจะได้รับความคุ้มค่ามากขึ้น เพราะหนึ่งในโปรโมชั่นบัตรเครดิตก็คือผ่อน 0% ที่ช่วยให้ผู้ถือบัตรฯ ไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนหนักเกินไป สำหรับใครที่ยังไม่มีบัตรเครดิต ขอแนะนำบัตรเครดิต KTC PLATINUM MASTERCARD ที่พร้อมเข้ามาช่วยดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคลอดบุตรและในชีวิตประจำวัน โดยบัตรฯ ใบนี้ มีสิทธิประโยชน์น่าสนใจดังนี้
บัตรเครดิต KTC PLATINUM MASTERCARD
- ประกันภัยความคุ้มครองการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต KTC MASTERCARD กรณีไม่จัดส่งสินค้าหรือการจัดส่งสินค้าไม่ถูกต้องและไม่ครบถ้วน ด้วยวงเงินประกันสูงสุด 200 ดอลลาร์สหรัฐ
- ชำระสินค้าหรือบริการด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สูงสุด 10 เดือน
- เปลี่ยนยอดชำระรายการซื้อสินค้าหรือบริการเป็นยอดผ่อนชำระได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0.74% สูงสุด 10 เดือน ผ่านแอป KTC Mobile
- ประกันอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ด้วยวงเงินประกันคุ้มครองสูงสุด 8,000,000 บาท และประกันกระเป๋าเดินทางสูญเสียหรือเสียหายจากการเดินทาง วงเงินสูงสุด 40,000 บาท เมื่อใช้บัตรเครดิตชำระค่าบัตรโดยสารยานพาหนะสาธารณะ
- ทุก 25 บาท ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรฯ รับ 1 คะแนน KTC FOREVER เพื่อแลกสินค้าหรือบริการ ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ และคะแนนไม่มีวันหมดอายุ
- รับส่วนลดตลอดปีเมื่อช้อปผ่านพันธมิตรออนไลน์ที่ร่วมรายการกับบัตร KTC MASTERCARD
- สำหรับสมาชิกใหม่บัตรเครดิต KTC รับความคุ้มครองอุบัติเหตุวงเงินสูงสุด 300,000 บาท นาน 90 วันนับจากวันที่เปิดใช้บริการบัตรฯ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
- เมื่อมีเหตุจำเป็นให้ต้องใช้เงินสดด่วน สามารถกดเงินสดด้วยบัตรเครดิตได้เต็มวงเงินของยอดคงเหลือในขณะนั้น หรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท/วัน ผ่านเครื่อง ATM และสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/วัน ผ่านแอป KTC Mobile
เมื่อพิจารณาสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิต KTC PLATINUM MASTERCARD ต้องบอกว่านี่ถือเป็นบัตรเครดิตที่ควรค่าแก่การสมัครเป็นบัตรเครดิตใบแรกของใครหลายคน นอกจากเงื่อนไขไม่จุกจิกและมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป รายได้ 15,000 บาทขึ้นไป/เดือน สำหรับชาวต่างชาติ ต้องมีรายได้ 50,000 บาทขึ้นไป/เดือน ก็สมัครบัตรฯ เพื่อรับสิทธิประโยชน์พิเศษที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว
อ้างอิงข้อมูลจาก : สำนักงานประกันสังคม
เตรียมพร้อมทุกค่าใช้จ่ายของลูกน้อย ด้วยบัตรเครดิต KTC
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี