7 เทคนิคเงินต่อเงิน สร้าง Passive Income ได้ไม่จำกัด ลงมือทำได้ทันที
ทุกวันนี้เราทุกคนล้วนได้เงินจากการทำงาน ยิ่งทำมากยิ่งได้มาก แต่คงจะดีกว่าถ้าสามารถนำเงินที่ได้มาต่อยอดให้งอกเงยโดยไม่ต้องลงแรง เทคนิคนี้เรียกว่า “เงินต่อเงิน” หรือพูดง่าย ๆ คือการให้เงินทำงานแทนเรานั่นเอง ช่วยให้เงินเก็บหรือเงินเย็นที่มีอยู่งอกเงยเพิ่มพูนในระยะยาว บทความนี้ เรามี 7 เทคนิคการใช้เงินต่อเงินที่จะช่วยสร้างรายได้แบบ Passive Income โดยที่ไม่ต้องลงแรงใด ๆ และสามารถเริ่มลงมือทำได้ทันที จะมีเทคนิคอะไรบ้าง มาดูกัน
เลือกอ่านตามหัวข้อ
แนะนำ 7 เทคนิคเงินต่อเงิน มีเงินเย็นลงทุนอะไรดี
หัวใจหลักของเทคนิคเงินต่อเงินคือการนำเงินที่เก็บสะสมจากการออมหรือเงินเย็นที่มีไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นวิธีทำให้เงินงอกเงยที่ได้รับความนิยมและน่าสนใจในปัจจุบัน ลองมาดูกันว่าถ้ามีเงินเย็นอยู่แล้ว ควรเอาเงินไปลงทุนอะไรดี
ซื้อกองทุนรวม
การซื้อกองทุนรวมเป็นวิธีลงทุนเงินต่อเงินที่ได้รับความนิยมเป็นลำดับต้น ๆ ในปัจจุบัน เพราะค่อนข้างมีความปลอดภัยและได้ผลตอบแทนที่ดี กองทุนรวมมีให้เลือกซื้อหลากหลายตามงบประมาณและความเสี่ยงที่รับไหว ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญคอยเป็นคนดูแลจัดการกองทุนให้ โดยกองทุนรวมที่ได้รับความนิยมได้แก่กองทุนประเภท LTF และ RMF เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำและสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
นอกจากนี้ยังมีกองทุนอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมคือกองทุนสํารองเลี้ยงชีพที่พนักงานประจำหลายคนเลือกเป็นวิธีเก็บเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ ซึ่งการสมัครกองทุนประเภทนี้เปรียบเสมือนการทำตารางออมเงินแล้วแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปเก็บไว้ทุก ๆ เดือน เมื่อเกษียณอายุก็จะได้เงินก้อนใหญ่อีกหนึ่งก้อนสำหรับเอาไว้ใช้จ่ายตามต้องการ
ลงทุนในหุ้นแบบ DCA
อีกหนึ่งเทคนิคลงทุนเงินต่อเงินที่น่าสนใจคือการลงทุนในหุ้นแบบ DCA (Dollar Cost Average) คือการทยอยลงทุนเป็นงวด ๆ ด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กัน โดยไม่สนใจว่าในเวลานั้นราคาของหุ้นจะเป็นอย่างไร ถือเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มปริมาณหุ้นให้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาว ข้อดีคือไม่ต้องมีความรู้เรื่องหุ้นชั้นเซียนก็สามารถลงทุนได้ และไม่ต้องกังวลกับราคาหุ้นที่ขึ้น ๆ ลง ๆ เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาดูกราฟหุ้น หรือซื้อ-ขายหุ้นไม่เก่ง นอกจากนี้ยังเป็นการกระจายความเสี่ยง แม้ว่าผลตอบแทนอาจจะไม่สูงมาก แต่โอกาสในการขาดทุนก็มีน้อยเช่นกัน
ลงทุนในตราสารหนี้
ตราสารหนี้เป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง ตั๋วแลกเงิน และหุ้นกู้เอกชน ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เฉลี่ยที่ 2-5% ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไป ยิ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ยิ่งมีโอกาสสูญเสียเงินต้นต่ำมาก เทคนิคเงินต่อเงินนี้จึงเหมาะกับคนที่อยากให้เงินทำงานโดยไม่ต้องพะวงว่าจะขาดทุน
ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคเงินต่อเงินที่น่าสนใจ โดยเป็นการนำเงินเย็นที่มีไปลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ เช่น บ้าน, คอนโด, อาคารพาณิชย์ ช่วงแรกอาจจะเป็นการซื้อบ้านหลังแรกเพื่ออยู่อาศัยเองก่อน เมื่อย้ายที่อยู่ก็ทำการปล่อยเช่าบ้านหรือปล่อยเช่าคอนโดแล้วรอรับผลตอบแทนกลับมาในรูปแบบของค่าเช่ารายเดือน หรืออีกวิธีคืออสังหาริมทรัพย์มือสองในทำเลดี ๆ แล้วเก็บไว้เก็งกำไรในระยะยาว ข้อดีของเทคนิคนี้คือได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอทุกเดือน นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้กำไรจากส่วนต่างของราคาขายอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตด้วย หรือซื้อบ้านมือสองก็ได้
ลงทุนในทองคำ
การลงทุนในทองคำถือเป็นเทคนิคเงินต่อเงินสุดคลาสสิกแต่ให้ผลตอบแทนที่ดีมากในระยะยาว เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มูลค่าสูงและมีราคาปรับขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี มีความเสี่ยงต่ำ ราคาไม่ผันผวนสูง และยังได้ชื่อว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ที่ช่วยรักษาความมั่งคั่งได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันการลงทุนในทองคำมีให้เลือกหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการซื้อทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณ ไปจนถึงการซื้อกองทุนรวมทองคำ ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีความเสี่ยงแตกต่างกันออกไป
ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี
การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือเทคนิคที่มาแรงและน่าจับตามองมาก ๆ ด้วยความที่คริปโทเคอร์เรนซีเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่แม้จะมีความผันผวนสูงแต่สามารถให้ผลตอบแทนที่งดงามได้อย่างรวดเร็วแบบไม่น่าเชื่อ หากลงทุนถูกจังหวะก็มีโอกาสที่จะได้กำไรมหาศาลในชั่วข้ามคืน อย่างไรก็ตาม โลกของคริปโทเคอร์เรนซีค่อนข้างมีรายละเอียดที่ซับซ้อน การทำกำไรจากการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีจำเป็นศึกษาข้อมูล ใช้ประสบการณ์ และการคาดการณ์ที่แม่นยำ เทคนิคนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจและมีเวลาศึกษาอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังต้องรับความเสี่ยงสูงได้
ลงทุนในธุรกิจที่สนใจ
การทำธุรกิจเงินต่อเงินเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่น่าสนใจ ซึ่งในปัจจุบันมีหลายธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนดีและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง หากยังไม่อยากลงมือทำธุรกิจด้วยตัวเองก็สามารถลงทุนในธุรกิจที่กำลังมองหานักลงทุน เข้าซื้อหุ้นบริษัท หรือร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ด้วย ก็จะสามารถรับผลตอบแทนที่ธุรกิจนี้ทำได้ นอกจากนี้ ถ้าอยากลงมือทำธุรกิจเองและมีเงินทุนพร้อม ก็สามารถหุ้นกับเพื่อนหรือครอบครัวเพื่อทำธุรกิจ หรือลงทุนทำเอง 100% ก็ได้เช่นกัน
ข้อควรระวังในการลงทุน
แม้ว่าการลงทุนด้วยเทคนิคใช้เงินต่อเงินจะฟังดูง่าย แต่ถ้าถามว่าลงทุนอะไรได้เงินเร็วคำตอบคือแทบไม่มีเพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนจะไม่เป็นไปดังหวังหรือขาดทุน ดังนั้นก่อนจะลงทุนอะไรก็ตาม มีข้อควรระวังที่ต้องพิจารณาดังนี้
- ความไม่ถนัดหรือไม่เข้าใจ - การลงทุนในสิ่งที่ตนเองไม่ถนัดหรือไม่เข้าใจ เปรียบเสมือนการนำเงินไปวางไว้แต่รู้ว่าเงินก้อนนั้นจะไปไหนต่อ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมากที่จะขาดทุนหรือไม่ได้อะไรกลับมา ดังนั้นหากคิดจะลงทุนแล้ว ควรศึกษาสิ่งที่กำลังจะลงทุนให้เข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น หากสนใจจะลงทุนในหุ้นหรือกองทุนใด ๆ สิ่งที่ต้องทำคืออ่านหนังสือชี้ชวนอย่างละเอียด เพื่อดูว่าหุ้นหรือกองทุนนั้นลงทุนเกี่ยวกับอะไร รวมถึงการดูอัตราความเสี่ยง ศึกษาแผนธุรกิจของบริษัทที่เข้าไปลงทุน ศึกษางบกำไร-ขาดทุน โอกาสเติบโต และดูเรื่องการจ่ายผลตอบแทน เป็นต้น ยิ่งรู้ละเอียดยิ่งดีเพราะจะได้วางแผนการลงทุนอย่างเหมาะสมและรัดกุม และยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนด้วย
- ความใจร้อน - ความใจร้อนเป็นบ่อเกิดให้ตัดสินใจพลาดด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบและไม่ทันคิด โดยเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เช่น หุ้น, กองทุนรวม, คริปโทเคอร์เรนซี ที่มักจะมีความผันผวนของราคาในแต่ละวันที่ค่อนข้างสูงและคาดการได้ยาก ดังนั้น หากคิดจะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง จำเป็นต้องมีความใจเย็น ดูสถานการณ์ให้เป็น อยู่กับความเป็นจริงในขณะนั้นให้ได้ และมองไปที่เป้าหมายการลงทุนในระยะยาว เช่น หากวางแผนที่จะลงทุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาต่อต่างประเทศให้กับลูกไปจนจบปริญญาโท หมายความว่าการลงทุนจะต้องมองเป้าหมายในระยะยาว ต้องไม่หวั่นไหวไปกับความผันผวนของราคารายวัน และอดทนเพื่อรอรับผลตอบแทนที่ดีกว่าในวันหน้า
- ไม่รู้จักกระจายความเสี่ยง - การทุ่มเงินทั้งหมดที่มีเพื่อลงทุนในสินทรัพย์เพียงอย่างเดียวไม่ใช่เรื่องดี เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะขาดทุนมากกว่าได้กำไร นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับความเครียด ความกดดัน ความคาดหวัง และความกังวลในปริมาณมหาศาล ที่จะทำให้รู้สึกไม่สบายใจ การลงทุนที่มีประสิทธิภาพจึงต้องอาศัยการกระจายความเสี่ยง แบ่งเงินไปลงทุนในสินทรัพย์หลาย ๆ ประเภท เมื่อมีตัวหนึ่งขาดทุน ก็ยังเหลือตัวอื่นๆ ให้หวัง เป็นการช่วยป้องกันความไม่แน่นอนของการลงทุนได้เป็นอย่างดี
- กู้เงินเพื่อลงทุน - การไปกู้เงินมาลงทุนถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะการลงทุนนั้นมาพร้อมกับความเสี่ยง และการกู้เงินนั้นมาพร้อมกับดอกเบี้ยเป็นเงาตามตัว หากลงทุนแล้วไม่ได้กำไรหรือเกิดขาดทุนขึ้นมา ย่อมมีปัญหากับเงินที่กู้มาอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงควรลงทุนแต่พอดี ลงทุนอย่างมีสติ และลงทุนด้วยเงินเย็นที่พร้อมเสี่ยง
เงินต่อเงินไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนทำได้หากศึกษามาแล้วอย่างดี!
คุณต้องการให้เงินเก็บหรือเงินเย็นที่มีอยู่งอกเงยมากขึ้น สามารถแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนให้เงินต่อเงินได้เช่นกัน ถือเป็นการให้เงินทำงานเพื่อสร้างรายได้แบบ Passive Income โดยที่ตัวเราไม่ต้องลงแรง ทำให้มีเวลาไปใช้ชีวิตพร้อมกับทำในสิ่งที่ชอบได้เต็มที่ และยังมีโอกาสได้เงินก้อนในอนาคต สร้างความร่ำรวยได้ในระยะยาว
สำหรับใครที่ยังไม่มีเงินเย็นหรือยังไม่มีทุนสำหรับใช้เงินต่อเงินเนื่องจากเงินหมดหรือติดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน สามารถสมัครบัตรกดเงินสด KTC PROUD ไว้เป็นผู้ช่วยเรื่องเงินในยามที่ต้องการ สามารถใช้รูดเพื่อการใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น หรือใช้เป็นเงินทุนในยามฉุกเฉิน สะดวกสบาย กู้ง่าย ไม่ต้องมีคนค้ำ พร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ และรองรับการผ่อนชำระสินค้านานสูงสุด 24 เดือน ช่วยให้คุณจัดการปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างเหมาะสม เมื่อการเงินแข็งแรงดีแล้ว ก็สามารถวางแผนเรื่องการลงทุนได้ต่อไป
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
บัตรกดเงินสด KTC PROUD ตัวช่วยเรื่องการเงินยามฉุกเฉิน