ทำความรู้จักกับ Passive Income วิธีสร้างรายได้ที่มนุษย์เงินเดือนไม่ควรพลาด
ไม่ว่าจะเป็นเด็กจบใหม่ มนุษย์เงินเดือนหรือคนที่กำลังจะเกษียณก็คงจะเคยได้ยินคำว่า “Passive Income” กันมาแล้วทั้งนั้น แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว Passive Income คืออะไรและมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เรามีรายได้แบบนี้ เพราะฉะนั้นบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับความหมายและแนวทางในการลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างรายได้แบบ Passive Income จะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้างไปติดตามกันเลย
เลือกอ่านตามหัวข้อ
Passive Income คืออะไร
Passive Income คือรายได้ประเภทหนึ่งที่เกิดจากการลงทุน ลงแรงในระยะแรกแต่ยังคงสามารถสร้างรายได้กลับมาอย่างต่อเนื่องแม้ตัวงานจะเสร็จสิ้นไปแล้ว โดย Passive Income ที่พบได้บ่อยจะเป็นการได้รับดอกเบี้ยจากเงินปันผล ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงค่าลิขสิทธิ์ โดยรายได้เหล่านี้จะยังคงเกิดขึ้นต่อไปแม้เราจะไม่ได้ทำอะไรกับมันเลยก็ตาม ดังนั้นรายได้ประเภทนี้จึงเป็นที่รู้จักกันในนามวลียอดนิยมอย่าง “ให้เงินทำงานแทนคุณ”
ทั้งหมดนี้อาจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่กว่าเราจะมีรายได้แบบ Passive Income นั้น เราต้องใช้ทั้งเวลา เงินทุน ความอดทน และการวางแผนในช่วงเริ่มต้นให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการนำเงินออมไปลงทุนจนเงินไม่พอใช้
Passive Income และ Active Income ต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างของงาน Passive Income และ Active Income นั้น หลัก ๆ จะเป็นเรื่องของรูปแบบได้มาของเงิน กล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้
- Passive Income เป็นงานที่ได้เงินมาโดยที่ต่อให้เราหยุดทำงานนั้น ๆ ไปแล้ว เราจะยังมีรายรับจากงานดังกล่าวอยู่
- Active Income เป็นงานที่เรายังคงต้องลงทุนลงแรงกับงาน และจะได้รับเงินตามจำนวนวันหรือจำนวนงานที่ทำลงไป
รู้แบบนี้แล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอยากมี Passive Income เป็นของตัวเองเพราะต่อให้อยู่เฉย ๆ ก็มีเงินเข้ากระเป๋า แต่ถึงอย่างนั้นการที่จะได้มาซึ่ง Passive Income นั้น สำหรับมนุษย์เงินเดือน หรือผู้ที่เกิดในครอบครัวฐานะปานกลางจำเป็นที่จะต้องผ่านการทำงานแบบ Active Income มาอย่างโชกโชนแล้วเสียก่อน เพื่อที่จะเก็บทั้งประสบการณ์ และเงินทุนในการทำธุรกิจ เพราะไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศหรือผู้บริหารที่มีอาชีพเงินเดือนหลักแสนถ้าหากไม่มีการวางแผนการเงินที่ดีไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ การจะมีธุรกิจที่ให้ Passive Income ในอนาคตนั้นจะเป็นเรื่องยากแน่นอน
สูตรคำนวณเงินลงทุนในการสร้าง Passive Income
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าการสร้าง Passive Income นั้นจะต้องลงทุนเท่าไหร่ บทความนี้เราได้รวบรวมสูตรคำนวณเงินลงทุนในการสร้าง Passive Income มาให้คุณแล้ว
โดยเริ่มแรกเราจะต้องกำหนดเป้าหมายของเงินรายได้ที่เราต้องการต่อเดือนก่อน จากนั้นต้องเลือกว่าจะนำเงินลงทุนนั้นไปต่อยอดในการลงทุนแบบใด และการลงทุนนั้นมีอัตราดอกเบี้ยหรือมีผลตอบแทนต่อปีเท่าไหร่ จากนั้นนำเงินรายได้ที่เราต้องการต่อเดือน X 12 และหารด้วยอัตราผลตอบแทนของการลงทุน
Passive Income x12 (จำนวนเดือนใน 1 ปี)
อัตราผลตอบแทนของการลงทุน
เช่น ถ้าหากเราต้องการรายได้เดือนละ 25,000 บาท และต้องการลงทุนด้วยการฝากเงินในธนาคารด้วยอัตราดอกเบี้ย 2.5% เราก็จะต้องมีต้นทุน (25,000 x 12)/2.5% หรือเท่ากับ 12,000,000 เป็นต้น ทั้งนี้สูตรคำนวณข้างต้นเป็นสูตรการคำนวณแบบคร่าว ๆ ที่ยังไม่นับรวมปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจจะทำให้เงินทุนในการสร้างรายได้ของเราเปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะเป็น อัตราเงินเฟ้อ หรือดอกเบี้ยของการลงทุนที่อาจจะมีเปลี่ยนแปลง เป็นต้น
วางแผนสร้าง Passive Income จากการลงทุนระยะยาว
ทำความรู้จักสูตรคำนวณเงินทุนในการสร้าง Passive Income กันไปแล้ว หลายคนอาจจะอยากได้วิธีลงทุน Passive Income ที่น่าสนใจ มาดูกันว่าจะมีไอเดียในการลงทุนแบบไหนที่ใช้ได้จริงกันบ้าง
1. ฝากเงินในธนาคาร
การฝากเงินในธนาคาร เป็นวิธีเก็บเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการสร้าง Passive Income เพราะการฝากเงินในธนาคารนั้นมีความปลอดภัยและสะดวกที่สุด โดยอัตราดอกเบี้ยที่จะได้รับจากธนาคารนั้นก็จะแตกต่างกันไปตามยอดของเงินฝากและรูปแบบของบัญชีเงินฝาก โดยรูปแบบของบัญชีเงินฝากที่เป็นนิยมในการสร้าง รายได้ประเภทนี้คือบัญชีเงินฝากประจำแบบพิเศษ โดยจะมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.60% - 2.9% ต่อปีขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร
2. ซื้อประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์
ประกันออมทรัพย์หรือประกันแบบสะสมทรัพย์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในการสร้าง Passive Income เพราะหากเราซื้อประกันออมทรัพย์หรือประกันแบบสะสมทรัพย์นอกจากจะได้ผลประโยชน์ตามสัญญาแล้ว ยังได้ความคุ้มครองแบบประกันชีวิตคู่ไปกับการออมเงินอีกด้วย ดังนั้นใครที่ต้องการสร้าง Passive Income แต่มองว่าการฝากเงินในธนาคารนั้นได้รับผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยค่อนข้างน้อย การซื้อประกันออมทรัพย์หรือประกันแบบสะสมทรัพย์ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
3. ลงทุนในตราสารหนี้ หรือ กองทุนรวมตราสารหนี้
ใครที่เป็นมือใหม่ในการลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income แล้วมีคำถามว่ามือใหม่ควรลงทุนอะไรดี การลงทุนในตราสารหนี้หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ เป็นอีกวิธีการลงทุนเพื่อหา Passive Income ที่น่าสนใจ เพราะการลงทุนประเภทนี้ยังนับว่าเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงที่ไม่มาก โดยเฉพาะหากเป็นตราสารหนี้ของภาครัฐก็จะยิ่งมีความเสี่ยงต่ำ แต่ถ้าเป็นตราสารหนี้ของภาคเอกชนก็อาจจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสูงหน่อย โดยผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้จะมาจากเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยที่จะได้รับตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้นั้นจะมาจากส่วนต่างของการขายหน่วยลงทุนและเงินปันผล
4. ลงทุนสร้าง/ซื้อสินทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า
อีกวิธีการสร้าง Passive Income ที่เป็นที่นิยมนั้นก็คือการลงทุนสร้างหรือซื้อสินทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า แต่การสร้างรายได้ด้วยวิธีนี้จะต้องมีเงินลงทุนสูงประมาณหนึ่งถึงจะสามารถซื้อหรือสร้างสินทรัพย์ได้ เช่นการลงทุนซื้อบ้าน, คอนโดมิเนียม, อาคารพาณิชย์ หรือหอพักเพื่อปล่อยเช่าก็จะต้องมีเงินทุนพร้อมทั้งในการซื้อหรือสร้าง รวมไปถึงการบำรุงรักษา
เราสามารถคำนวณผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าสินทรัพย์ได้จากการนำค่าเช่าต่อเดือน x 12 และหารด้วยราคาของสินทรัพย์ จากนั้นนำมาคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยการปล่อยให้เช่าสินทรัพย์นี้ควรจะต้องมีผลตอบแทนไม่ต่ำ 7% ไม่เช่นนั้นก็อาจจะทำได้ผลตอบแทนน้อยกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่ใช้ซื้อสินทรัพย์นั้น ๆ ได้ ดังนั้นใครที่ต้องการสร้างรายได้ด้วยวิธีนี้ก็จะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
5. ลงทุนในหุ้นเพื่อรับเงินปันผล
การลงทุนในหุ้นนั้นเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงอีกทั้งยังมีสภาพคล่องที่ดี เพราะสามารถแปลงกลับมาเป็นเงินสดด้วยการขายหุ้นได้ทุกวัน โดยการลงทุนในหุ้นนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเปิดพอร์ตการลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ แต่การซื้อหุ้นในแต่ละตัวนั้นจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงของการลงทุน อัตราปันผล รวมไปถึงจำนวนครั้งในการได้รับปันผลต่อปี ดังนั้นการซื้อหุ้นจึงต้องอาศัยการหาข้อมูลของหุ้นที่จะซื้อให้ดีร่วมกับประสบการณ์และความชำนาญในการซื้อขายหุ้น
6. สร้างผลงานเพื่อเก็บเงินค่าลิขสิทธิ์ (ทรัพย์สินทางปัญญา)
ทรัพย์สินทางปัญญา หรือที่รู้จักกันในชื่อลิขสิทธิ์ เป็นอีกวิธีการในการหาเงินแบบ Passive Income สำหรับผู้ที่มีความสามารถในการแต่งเพลง, เขียนนิยาย, วาดภาพรวมไปการทำภาพกราฟิก แม้ว่าในระยะแรกทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านี้อาจจะไม่ได้สร้าง Passive Income ให้เราในจำนวนมหาศาลแต่เมื่อเวลาผ่านไปมูลค่าของทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านั้นก็อาจจะเพิ่มขึ้นมาได้ ถ้าหากจะยกตัวอย่างของการได้ Passive Income จากทรัพย์สินทางปัญญาที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากนักร้องดังอย่าง มารายห์ แครี ที่ได้รับค่าลิขสิทธิ์จากเพลง All I Want For Christmas Is You ประมาณปีละ 20,000,000-34,000,000 บาท
ศึกษาความเสี่ยงก่อนลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income
ก่อนการตัดสินใจลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income เราควรจะต้องสำรวจตัวเองว่าสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับใดเพื่อเลือกวิธีการลงทุนให้เหมาะสมกับตนเอง หลังจากนั้นเราควรจะต้องศึกษาวิธีการลงทุนให้รอบคอบโดยควรจะต้องศึกษาทั้งกำไร ดอกเบี้ย รวมไปถึงความเสี่ยงและโอกาสในการขาดทุน เช่น หากต้องการลงทุนด้วยการสร้างหรือซื้อสินทรัพย์แล้วปล่อยให้เช่าก็ควรจะต้องศึกษาว่าในทำเลที่ต้องการจะซื้อสินทรัพย์นั้นมีโอกาสในการปล่อยเช่าได้มากน้อยเพียงใด เป็นต้น
ปลดล็อกอิสระทางการเงิน ‘Passive Income’ คุณก็ทำได้
การสร้าง Passive Income เป็นการสร้างรายได้ที่เกิดจากการลงทุน โดยรายได้ประเภทนี้จะต้องอาศัยเงินลงทุนจำนวนมาก ซึ่งการที่เราจะหาเงินจำนวนมากมาได้ก็จะต้องผ่านการสร้างรายได้แบบ Active Income มาก่อน ทั้งนี้การลงทุนเพื่อสร้างรายได้แบบ Passive Income นั้นมีวิธีการลงทุนหลากหลายวิธี แต่ละวิธีก็จะมีความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป ผู้ลงทุนควรจะต้องศึกษารายละเอียด รวมไปถึงข้อดีและความเสี่ยงของแต่ละการลงทุนให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกลงทุน
สำหรับใครที่ต้องการเริ่มเก็บออมเพื่อนำเงินมาลงทุนในการสร้าง Passive Income แต่ยังไม่สามารถเริ่มเก็บออมได้เพราะยังมีหนี้สินจากหลายหลายช่องทาง และไม่มีตัวช่วยในการ
การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวและบริหารด้วยบัตรกดเงินสด KTC PROUD รูด โอน ผ่อน กดเงินสดได้ในใบเดียว ตัวช่วยที่จะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น มีเงินเหลือสำหรับการลงทุนในอนาคต
บริหารเงินสำหรับการลงทุนให้มั่นคงด้วยบัตรกดเงินสด KTC PROUD
*กู้เท่าที่จําเป็นและชําระคืนได้ตามกําหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 25% ต่อปี