การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่สำคัญและน่าตื่นเต้นสำหรับคุณแม่ทุกคน การดูแลตนเอง และการฝากครรภ์อย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณแม่ และลูกน้อยมีสุขภาพที่ดีตลอดการตั้งครรภ์ สำหรับครอบครัวไหนที่กำลังเตรียมมีลูก วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการเตรียมตัวฝากครรภ์กัน
ฝากครรภ์ คือ
การฝากครรภ์ คือ การที่หญิงตั้งครรภ์เข้ารับการตรวจร่างกายและรับคำแนะนำจากแพทย์หรือพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ เป็นการติดตามความคืบหน้าตั้งแต่แรกตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดบุตร เพื่อติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ตรวจสุขภาพของแม่และลูก ค้นหาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น และเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงฟังคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง การเตรียมตัวก่อนคลอด และการเลี้ยงดูทารกอีกด้วย
ท้องไม่ฝากครรภ์ได้ไหม?
ท้องไม่ฝากครรภ์ได้ไหม? คำตอบคือ “ไม่ได้” เพราะการตั้งครรภ์ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ทั้งกับแม่และลูกได้ ดังนั้นจึงแนะนำให้คุณแม่ทุกคนฝากครรภ์ตามคำแนะนำของแพทย์
ฝากครรภ์ ต้องเริ่มเมื่ออายุครรภ์กี่สัปดาห์
เมื่อทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ก็ควรฝากครรภ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยทั่วไปแล้ว แพทย์แนะนำให้ฝากครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ เพราะการเริ่มฝากครรภ์ในช่วงแรกจะช่วยให้ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีตั้งแต่ต้น และสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ฝากครรภ์ช้าสุดกี่เดือน
ฝากครรภ์กี่เดือนช้าสุด? อย่างช้าสุดๆ ไม่ควรเกิน 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ แต่หากคุณแม่รู้ว่าตั้งครรภ์ช้า ควรไปฝากครรภ์โดยเร็วที่สุด เพื่อให้แพทย์ได้ตรวจสอบสุขภาพและพัฒนาการของทารก รวมถึงวางแผนการดูแลต่อไป
การเตรียมตัวไปฝากครรภ์
ก่อนไปฝากครรภ์ครั้งแรก คุณแม่ควรเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินสุขภาพและพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้อย่างถูกต้อง พร้อมทั้งวางแผนการดูแลต่อไปได้อย่างเหมาะสม โดยมีรายละเอียดดังนี้
- จดบันทึกประวัติรอบเดือนและการตั้งครรภ์ของตนเอง เช่น วันแรกของรอบเดือนครั้งสุดท้าย วันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาครั้งต่อไป รวมถึงวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์ประมาณอายุครรภ์ได้อย่างถูกต้อง
- จดประวัติการตั้งครรภ์ครั้งก่อนหน้า (ถ้ามี) เช่น วิธีการตั้งครรภ์ ภาวะแทรกซ้อนที่เคยพบ ลักษณะการคลอด เป็นต้น เพราะข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินความเสี่ยงและวางแผนการดูแลในการตั้งครรภ์ครั้งนี้ได้ดียิ่งขึ้น
- หลังจากที่ไปฝากครรภ์ครั้งแรกแล้ว จะได้รับสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก ซึ่งจะต้องเตรียมสมุดนี้ไปด้วยทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์สามารถจดบันทึกข้อมูลการฝากครรภ์ในแต่ละครั้งได้ชัดเจน
- เตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม เช่น บัตรประชาชนของคุณเเม่เเละคุณพ่อ
- เตรียมคำถามที่อยากถามแพทย์ เช่น อาหารที่ควรทาน อาหารที่ควรเลี่ยง อาการแบบไหนที่เรียกว่าผิดปกติแล้วควรรีบมาพบแพทย์
- สอบถามสิทธิ์การรักษาพยาบาลที่ตนเองมี เช่น ประกันสังคม ประกันสุขภาพเอกชน หรือสิทธิในการรักษาพยาบาลจากรัฐ เพื่อจะได้วางแผนในการใช้สิทธิ์และงบประมาณค่ารักษาพยาบาลได้อย่างเหมาะสม
การฝากครรภ์ สามารถฝากได้ทั้ง โรงพยาบาลรัฐ และ โรงพยาบาลเอกชน ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความสะดวกของคุณพ่อคุณแม่
ฝากครรภ์ที่ไหนดี ?
ปัจจุบันมีสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนให้เลือกฝากครรภ์หลายแห่ง ทั้งโรงพยาบาลรัฐ ที่ค่าใช้จ่ายไม่สูง แต่คิวอาจจะยาว โรงพยาบาลเอกชน ที่ให้บริการสะดวก รวดเร็ว แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง คลินิกสูติกรรมที่คล้ายกับโรงพยาบาลเอกชน แต่ค่าใช้จ่ายอาจถูกกว่า
หรือสถานีอนามัย ที่ค่าใช้จ่ายไม่แพง สะดวกสำหรับผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่
นอกจากนี้ การเลือกฝากครรภ์ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น
- สถานที่ตั้งของสถานพยาบาลที่สะดวกในการเดินทาง
- ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์และคลอดบุตรให้เหมาะสมกับรายได้
- ความพร้อมของอุปกรณ์การแพทย์และบริการที่คุณแม่ต้องการ
- ความไว้วางใจในแพทย์และพยาบาลผู้ให้บริการ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะฝากครรภ์ที่ไหน สิ่งสำคัญคือต้องไปตรงตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที
ฝากครรภ์โรงพยาบาลรัฐ ราคาเท่าไร
ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์โรงพยาบาลรัฐขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลแต่ละแห่ง โดยทั่วไปจะอยู่ประมาณ 1,000 บาทต่อครั้ง
ฝากครรภ์โรงพยาบาลเอกชน ราคาเท่าไร
ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนจะสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐค่อนข้างมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในภาพรวมค่าใช้จ่ายอาจอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 8,000 บาท/ครั้ง
ทั้งนี้ การฝากครรภ์ตลอดระยะเวลาจนถึงการคลอดบุตร บางโรงพยาบาลเอกชนอาจเสนอบริการฝากครรภ์เป็นแพ็กเกจ ราคาประมาณ 50,000 - 100,000 บาท ซึ่งครอบคลุมค่าตรวจครรภ์ตามปกติ ค่าทำคลอดธรรมชาติหรือค่าผ่าตัดคลอดบุตร ค่าห้องพัก รวมทั้งค่าอาหารในวันคลอดและวันพักฟื้นแล้ว อย่างไรก็ตาม อาจมีค่าใช้จ่ายพิเศษเพิ่มเติมหากมีภาวะแทรกซ้อน
ประโยชน์ของการฝากครรภ์
- ช่วยให้ทราบข้อมูลสุขภาพและพัฒนาการของทารกในแต่ละช่วงอายุครรภ์
- สามารถตรวจวัดและวินิจฉัยสภาวะผิดปกติของทารกได้ตั้งแต่ระยะแรก เช่น ความผิดปกติทางด้านร่างกาย พันธุกรรม เป็นต้น
- สามารถวินิจฉัยและป้องกันภาวะแทรกซ้อนของคุณแม่ได้ทันท่วงที
- ได้รับคำแนะนำการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร เป็นต้น โดยแพทย์จะให้คำแนะนำแนวทางการดูแลตนเองที่เหมาะสมกับคุณแม่แต่ละราย
- ได้เรียนรู้และเข้าใจขั้นตอนการคลอดบุตรล่วงหน้า ทำให้ลดความวิตกกังวลลงไปได้
- สามารถเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอดบุตรได้อย่างดี
- ช่วยให้ทั้งแม่และลูกมีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยตลอดการตั้งครรภ์
ฝากครรภ์ ต้องให้ สามีไปด้วยไหม?
ในการไปฝากครรภ์แต่ละครั้ง “ไม่จำเป็น” ที่สามีจะต้องไปด้วยทุกครั้ง แต่หากสามีสามารถไปได้บ้างก็จะเป็นประโยชน์ เนื่องจากสามีอาจได้รับคำแนะนำการดูแลภรรยาตั้งครรภ์จากแพทย์โดยตรง ช่วยให้สามีเข้าใจและเตรียมพร้อมรับบทบาทพ่อคนใหม่ได้ดียิ่งขึ้น
ใช้สิทธิ์ประกันสังคมเบิกค่าฝากครรภ์สำหรับผู้ประกันตนได้
สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม สามารถใช้สิทธิ์ในการเบิกค่าฝากครรภ์ได้ 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,500 บาท ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
- อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 500 บาท
- อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 300 บาท
- อายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 28 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 300 บาท
- อายุครรภ์มากกว่า 28 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 32 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 200 บาท
- อายุครรภ์มากกว่า 32 สัปดาห์ ถึง 40 สัปดาห์ขึ้นไป จ่ายในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 200 บาท
การฝากครรภ์เป็นขั้นตอนสำคัญต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ และนอกจากการเตรียมความพร้อมเรื่องการฝากครรภ์แล้ว การเตรียมความพร้อมในเรื่องการคลอดก็สำคัญเช่นกัน
สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC รับบัตรกำนัลห้างสรรพสินค้า The Mall เมื่อมีค่าใช้จ่ายผ่านบัตรตามกำหนด ณ โรงพยาบาลที่ร่วมรายการ
- รับบัตรกำนัล The Mall มูลค่า 900 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 70,000 – 99,999 บาทต่อเซลส์สลิป หรือ
- รับบัตรกำนัล The Mall มูลค่า 1,500 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป
ดูรายชื่อโรงพยาบาลที่ร่วมรายการ คลิก
รับชุดถุงเก็บน้ำนม Toddler Gift Set มูลค่าสูงสุด 1,050 บาท
- รับชุดถุงเก็บน้ำนม Toddler Gift Set มูลค่า 450 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 30,000 – 59,999 บาทต่อเซลส์สลิป หรือ
- รับชุดถุงเก็บน้ำนม Toddler Gift Set มูลค่า 1,050 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป
หมายเหตุ :
- ชุดถุงเก็บน้ำนม Toddler Gift Set มูลค่า 450 บาท ประกอบด้วย ถุงน้ำนม จำนวน 4 กล่อง และ แผ่นซับน้ำนมแบบกลางคืน จำนวน 1 กล่อง
- ชุดถุงเก็บน้ำนม Toddler Gift Set มูลค่า 1,050 บาท ประกอบด้วย ถุงน้ำนม จำนวน 7 กล่อง
ดูรายชื่อโรงพยาบาลที่ร่วมรายการ คลิก
- วิธีการรับสิทธิ์ : ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ โดยพิมพ์ BIR เว้นวรรคตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 16 หลัก ส่งมาที่ 061 384 5000 (ค่าส่งข้อความขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ) หรือลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.ktc.co.th/baby โดยท่านจะต้องได้รับข้อความตอบกลับยืนยันการลงทะเบียนสำเร็จ จึงจะถือว่าสมบูรณ์ครบตามเงื่อนไข
- ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 ม.ค. 67 - 31 ธ.ค. 67
สำหรับใครที่สนใจ สมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC