สำหรับคนที่มีปัญหารอบดวงตา ฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ทั้งลดริ้วรอย ถุงใต้ตา ขอบตาดำ ตาลึก ตาโหล แต่หลายคนยังมีความกังวลว่าฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม? อยากฉีดต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? ในบทความนี้จะมาเจาะลึกเรื่องที่ควรรู้ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?
ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic Acid เข้าไปบริเวณที่ต้องการแก้ไข ตัวฟิลเลอร์จะมีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีหลายชนิดแล้วแต่ยี่ห้อและรุ่น โดยปกติหมอจะเป็นคนประเมินปัญหาใต้ตาของแต่ละเคส และเลือกฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะสมให้
ฟิลเลอร์ มีลักษณะเป็นเนื้อเจล ใช้ฉีดทดแทนกระดูกและเนื้อที่ยุบตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น
ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม?
คนที่กังวลว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม? เสี่ยงตาบอดไหม? จริงๆ แล้วบริเวณใต้ตาเป็นจุดฉีดฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูง ถ้าหมอที่ฉีดมีประสบการณ์และใช้ฟิลเลอร์แท้ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีความปลอดภัย 100%
ฟิลเลอร์ (Filler) ในทางการแพทย์ จะหมายถึงการฉีดสารเติมเต็ม ในต่างประเทศมีหลายประเภท ได้แก่
- Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารเติมเต็มที่ปลอดภัยที่สุด ในประเทศไทยฟิลเลอร์ที่คนทั่วไปเข้าใจและหมอนิยมใช้คือ HA มีใช้แพร่หลายทั่วโลก
- Collagen จากสัตว์ มีอาการแพ้ฟิลเลอร์ แพ้บวมแดงได้ง่าย จึงไม่นิยมใช้ในปัจจุบัน
- การเติมไขมัน (Transplanted Fat) เหมาะกับคนที่ต้องการฉีดครั้งละมากๆ 10-20 cc ขึ้นไป
- Biosynthetic polymers ซิลิโคนเหลว กลุ่มนี้จะเป็นฟิลเลอร์ชนิดที่ไม่ปลอดภัย สลายไม่หมด ไม่แนะนำให้ใช้ ไม่ผ่าน อย.
ฟิลเลอร์ที่เป็น “กรดไฮยาลูรอนสังเคราะห์” ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อทดแทนไฮยาลูโรนิค เอซิด ที่ร่างกายสร้างขึ้น เป็นสารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะบริเวณดวงตาและข้อต่อจะพบว่ามี HA เข้มข้นสูง ฟิลเลอร์จึงมีคุณสมบัติเด่นในการอุ้มน้ำ รักษาความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวและมีความปลอดภัย
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี?
เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตาค่อนข้างบาง การเลือกฟิลเลอร์จะต้องเป็นรุ่นที่ฉีดแล้วไม่ฟูเยอะ ไม่ดูแข็งเป็นก้อน จึงจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ หมอแนะนำเป็นฟิลเลอร์ Restylane จากสวีเดน และ Juvederm จากอเมริกา
ซึ่งฟิลเลอร์ทั้งสองยี่ห้อนี้ ก็แบ่งเป็นอีกหลายรุ่นที่มีคุณสมบัติต่างกันในทางเทคนิค มีทั้งความแข็ง ความยืดหยุ่น ความกระจายตัว ความอุ้มน้ำ จำนวนการเชื่อมพันธะและขนาดของเม็ดฟิลเลอร์
- Restylane Perlane Lyft มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด
- Restylane Defyne เนื้อเจลแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี
- Restylane Vital Light (*no lidocane ไม่ผสมยาชา) ลดอาการบวม ลดการแพ้ยาชา เนื้อละเอียดมากที่สุด ใช้สำหรับเคสที่ผิวบางๆ หรือสำหรับเก็บรายละเอียด
- Juvederm Volite เนื้อละเอียด ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป
- Juvederm Voluma เนื้อแข็ง ฟูปานกลาง ยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำและให้ความเป็นธรรมชาติ
ไม่มีฟิลเลอร์ตัวไหนที่เหมาะกับการฉีดทุกจุด ทุกตำแหน่ง หมอจะต้องประเมินปัญหาของคนไข้ และเลือกรุ่นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดกับผิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีและเป็นธรรมชาติ
ปัญหาใต้ตา เกิดจากสาเหตุใดบ้าง?
ปัญหาใต้ตา ส่วนใหญ่จะเกิดจากอายุที่มากขึ้น โครงสร้างใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ กระดูกยุบตัวลง เนื้อน้อย ทำให้ใต้ตาลึก ตาโหล เป็นร่อง เนื้อที่เกาะอยู่ก็ย้อยลง เกิดผิวหย่อนคล้อยและถุงใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ ไม่สดใส
หลักๆ จะเป็นส่วน Tear through ที่อยู่ใกล้ร่องน้ำตา กับ Hollow Under Eye ตรงเบ้าตา ที่เกิดการยุบตัวลง การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถทดแทนชั้นกระดูกที่ยุบตัวลงไปได้ ทำให้ผิวใต้ตากลับมาเต็ม เต่งตึงอีกครั้ง
ส่วนคนที่อายุน้อย มักมีปัญหาใต้ตาดำ ขอบตาดำ คล้ำ ทั้งที่เกิดการจากพักผ่อนไม่เพียงพอ การใช้สายตามากเกินไป การขยี้ตา พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เกิดปัญหาใต้ตาทั้งสิ้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่เพียงแค่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยลึกๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณใต้ตา ใบหน้าโดยรวมจึงสดใสขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
- ลดริ้วรอย ร่องลึกใต้ตา
- แก้ถุงใต้ตา ผิวหย่อนคล้อย
- เติมเต็มเบ้าตาลึก ตาโหล
- ขอบตาดำ ตาคล้ำ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา VS ฉีดไขมันใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา |
ฉีดไขมันใต้ตา |
---|---|
|
|
สำหรับตำแหน่งใต้ตา การฉีดไขมันใต้ตาจะมีความอันตรายมากกว่า หากแพทย์ไม่มีประสบการณ์และไม่ระมัดระวัง ในกรณีที่ฉีดเข้าหลอดเลือด จะแก้ไขไม่ได้ และทำให้เกิดเนื้อตาย/ตาบอด ได้ ต่างจากฟิลเลอร์ที่สามารถใช้ตัวยาฉีดสลายฟิลเลอร์ออกได้ จึงมีความปลอดภัยมากกว่า
วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ ดูจากอะไร?
เพื่อความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือการเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น สังเกตได้จากกล่องฟิลเลอร์
- ต้องมีเลขทะเบียน อย. เอกสารกำกับภาษาไทย
- มีเลข lot ที่กล่อง ซองและสติ๊กเกอร์
- สามารถโทรเช็คเลข lot. กับบริษัทยาที่จัดส่งได้
ตัวอย่างวิธีดูฟิลเลอร์แท้
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรให้หมอแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูก่อนทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นกล่องใหม่และเป็นของแท้
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำให้ตาบอดได้จริงหรือ?
นอกจากการใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัยแล้ว เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ของแพทย์และการเลือกใช้เข็ม ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์เช่นกัน
เข็มที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์มีสองเทคนิค คือเข็มแหลมและเข็มทู่
- เข็มแหลม ใช้สำหรับฉีดฟิลเลอร์ชิดกระดูกเท่านั้น
- เข็มทู่ ใช้ฉีดในชั้นเนื้อที่ตื้นขึ้นมา หรือสามารถฉีดชิดกระดูกได้ในบางจุด
แต่ใช่ว่าการใช้เข็มทู่แล้วจะปลอดภัย หรือสามารถหลบหลีกเส้นเลือดได้ 100% จำเป็นต้องอาศัยเทคนิคและความสามารถของแพทย์ช่วยเสริม เพื่อให้ปลอดภัยที่สุด
แม้จะเป็นเข็มทู่ ถ้าใช้ขนาดเข็มเล็กเกินไปก็สามารถแทงเข้าเส้นเลือดได้
ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ก่อนที่หมอจะดันยาทุกครั้ง จะต้องทดสอบโดยการดูดเข็มเข้ามาก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าเข็มไม่เข้าเส้นเลือด ค้างไว้อย่างน้อย 10 วินาที จึงจะมั่นใจและเดินยาได้ หากเข็มมีการตัดผ่านเส้นเลือดขณะที่ดูดเข็มเข้ามา จะมีเลือดผสมเข้ามาในเข็มด้วย ก็จะรู้ทันที
ทั้งเข็มทู่และเข็มแหลมควรเลือกใช้ขนาดของเข็มที่ไม่เล็กจนเกินไป ขนาดที่เหมาะสมคือ 22G-25G เข็มที่ขนาดเล็กเกินไปมีข้อเสียดังนี้
- เพิ่มความเสี่ยงในการแทงเข้าหลอดเลือด
- ขณะที่หมอดูดเข็มเพื่อทดสอบก่อนฉีด ถ้าเข็มเล็กเกินไป อาจจะทำให้ดูดไม่เจอเลือดถึงแม้จะเข้าเส้นเลือด
- ขณะที่เดินยาถ้ารูเข็มเล็กจะเพิ่มแรงดัน และเพิ่มโอกาสที่ฟิลเลอร์จะเข้าเส้นเลือดได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่าง เข็มขนาดต่างๆ
ขณะที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอจะต้องสังเกตว่าสีผิวของคนไข้มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้ามีการฉีดฟิลเลอร์โดนเส้นเลือด ผิวจะซีดหรือแดงขึ้นมาเป็นบริเวณกว้าง หากพบลักษณะอย่างนี้แพทย์จะต้องรีบฉีดยาสลายฟิลเลอร์ ก็จะสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที
ฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล?
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด
- คนที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตา ผิวหย่อนคล้อย จะเห็นว่าผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ตึงขึ้น ไม่เห็นร่องริ้วรอยต่างๆ
- ปัญหาถุงใต้ตา ตาลึก ตาโหล จะลดลง เนื่องจากผิวใต้ตาถูกเติมเต็ม
- แก้ปัญหาขอบตาดำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ใต้ตาสดใสขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาที่เกิดจากพันธุกรรมได้
อาการบวมต่างๆ จะดีขึ้นและยุบบวมไปเอง ไม่ต้องกังวล หลังจากนั้นหมอจะนัดมาติดตามผลใน 2 สัปดาห์ เพราะฟิลเลอร์จะเข้าที่ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน?
อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้ สาเหตุจากการที่เข็มเข้าไปในผิว ไม่ใช่อักเสบบวมแดงเพราะตัวยา ประมาณ 3 วัน จะค่อยๆ ดีขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ cc?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อแก้ปัญหาใต้ตา โดยส่วนมากจะใช้ฟิลเลอร์ 1-2 CC ก็เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนแล้ว ในคนที่ยังมีปัญหาน้อยๆ สามารถแบ่งฟิลเลอร์ 1 CC สำหรับฉีดใต้ตาทั้งสองข้างได้ และสามารถเติมใหม่ได้เรื่อยๆ หากฟิลเลอร์เริ่มสลายไป
ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อน เกิดจากอะไร? แก้ไขได้ไหม?
หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แล้วเป็นก้อน เกิดได้จากหลายสาเหตุ
- แพทย์ขาดประสบการณ์ เลือกยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ฉีด (ฟิลเลอร์ใต้ตามีทั้งการฉีดเติมในผิวชั้นลึกและผิวชั้นตื้น ใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติต่างกัน)
- แพทย์ใช้เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง
- แพทย์ที่ฉีดฟิลเลอร์ไม่มีความชำนาญมากพอ
- ใช้ฟิลเลอร์ปลอม ที่ไม่สามารถสลายได้ เมื่อเวลาผ่านไปทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อน
การแก้ไขฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์แท้ (Hyaluronic Acid) สามารถใช้ตัวยา Hyaluronidase:HYAL ฉีดสลายได้โดยไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าหากเป็นฟิลเลอร์ปลอม จะต้องใช้การผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น
การปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
2. เลือกคลินิกอย่างละเอียด
3. ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้นๆ
4. ควรงดยา แอสไพริน, NSAIDs งดวิตามิน และยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว รวมถึง งดการแว็ก
5. งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
6. งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1. ปรึกษาหมอเพื่อประเมินปัญหาและเลือกชนิดฟิลเลอร์
2. สามารถแต่งหน้ามาได้ แต่จะมีการทำความสะอาดบริเวณใต้ตาในจุดที่จะฉีด
3. แปะยาชา
4. หมอทำการฉีดฟิลเลอร์
5. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในท่านั่งหรือนอนเอียงที่ระดับหัวอยู่สูงกว่าหัวใจ ไม่ให้เลือดออกมากขึ้น
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1. มีอาการบวมแดงได้ในจุดที่ฉีด ก่อนจะหายไปเองใน 2-3 วัน
2. ทางคลินิกจะจ่ายยาแก้ปวด ลดบวม
3. อยู่แต่ในที่อากาศเย็นและหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
4. ลดเลเซอร์ร้อนลงชั้นผิว 1 เดือน
5. ดื่มน้ำมากๆ ให้เพียงพอกับร่างกาย จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
ข้อห้าม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1.ไม่ควรแตะ แกะ เกา ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
2. อยู่ในที่อากาศเย็นและหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด การซาวน่า เลเซอร์ร้อน ตากแดด ออกกำลังกายหนักๆ ในช่วง 3 วันแรกหลังทำ
3. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารที่เผ็ดมากจนหน้าแดง อาหารหมักดอง อาหารดิบจากร้านที่ไม่สะอาด
4. งดสูบบุหรี่
5. พยายามอย่าขยับใบหน้าเยอะๆ ในช่วง 3 วันหลังทำ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
6. 1 ชม.หลังทำ สามารถแกะพลาสเตอร์ออกได้
Tips : การดื่มน้ำเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ 1.5-2 ลิตร ต่อวัน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี? เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัยได้มาตรฐาน?
- คลินิกได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองและมีความน่าเชื่อถือ
- แพทย์ที่มีประสบการณ์ มีความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ด้วยฟิลเลอร์แท้เท่านั้น
- มีรีวิวจากแหล่งที่เป็นกลาง เช่น Facebook Fanpage หรือรีวิวในแหล่งที่คลินิกไม่สามารถลบได้
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีและเป็นธรรมชาติมากที่สุด ควรพิถีพิถันในการเลือกคลินิกและแพทย์ที่จะมาฉีดฟิลเลอร์ให้ ที่ V Square Clinic ทีมแพทย์ทุกคน มีการเทรนนิ่ง และอัพเดทความรู้เพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศเป็นประจำทุกปี
เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นเทคนิคพิเศษเฉพาะของ V Square Clinic ที่มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ มีการติดตามผลหลังทำทุกเคส ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้ทุกตัว เป็นแบรนด์ระดับโลก จากประเทศจากอเมริกา สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส ทำให้ผู้รับบริการ รู้สึกมั่นใจในคุณภาพ และความปลอดภัย
สมาชิกบัตรเครดิต KTC สามารถผ่อนชำระ 0% นาน 3-10 เดือนได้ที่ V Square Clinic ทุกสาขา ตามเงื่อนไขที่กำหนด ดูเพิ่มเติมได้ที่ โปรโมชั่น V Square Clinic