ลงทุนทองคำดีไหม?
ทำไมช่วงนี้ราคาทองคำมีแต่ขึ้น?
อยากลงทุนทองคำต้องทำยังไง?
เงินมีไม่มากลงทุนทองคำได้ไหม?
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ตัวแทนความมั่งคงที่เป็นสากล และเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ทำให้การลงทุนทองคำนับวันจะเป็นที่สนใจและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะถ้าลงทุนทองให้ถูกเวลา ราคามีแต่พุ่งอย่างแน่นอน ดังนั้นหากใครกำลังสนใจการลงทุนทองคำจะต้องหาความรู้อย่างถูกวิธี เพื่อจะได้เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนกลับมา
ปัจจัยต้องรู้ ทำไมราคาทองขึ้นสูง
ไม่มีใครคาดคิดว่าในช่วงที่ต้องเผชิญกับ COVID-19 ราคาทองจะพุ่งสูงขึ้น จนเห็นคนนำทองที่เก็บไว้ไปขายที่ร้านทองกันอย่างมาก ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองขึ้นสูงต่อเนื่อง และทำไมคนยังแห่ซื้อทองคำอีก ทั้งที่ราคาแพงแล้ว มีเหตุผลว่า....
• ลงทุนทองคำช่วยลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน (Hedging) ยิ่งความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก อย่างตลาดหุ้น ตลาดธนบัตร หรือค่าเงินที่ไม่แน่นอน จึงหันไปซื้อทองคำเพราะเป็นสินทรัพย์ที่ประกันความเสี่ยงได้ปลอดภัยกว่า (Safe Heaven)
• เงินเฟ้อเป็นเป็นตัวแปรหลัก เพราะเมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น ราคาทองมักสูงขึ้นตามไปด้วย เห็นได้ชัดจากประเทศมหาอำนาจมีการอัดฉีดเงิน “ดอลลาร์สหรัฐ” เข้าไปในระบบ เพื่อให้เกิดสภาพคล่องในเศรษฐกิจ
• เกิดการซื้อขายเก็งกำไรจากนักลงทุน โดยเฉพาะธนาคารแห่งชาติทั่วโลกที่เพิ่มจำนวนทองคำเป็นส่วนของทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งเมื่อยิ่งความต้องการมากขึ้น ราคาทองก็ขึ้นตาม Demand - Supply
โดยข้อมูลจาก World Gold Council เดือนมีนาคม 2020 พบว่า มีเงินลงทุนทองคำในกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) สูงถึง 8,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐและยังคงเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
เลือกรูปแบบการลงทุนทองแบบไหนเหมาะกับคุณ
1) ลงทุนโดยตรง จากร้านขายทองที่ได้มาตราฐาน
ทางเลือกในการลงทุนทองคำที่สะดวกรวดเร็ว เพียงแค่เดินเข้าไปในร้านทองคำแล้วเลือกรูปแบบในการเก็บรักษาทองคำ ได้แก่
• ตั๋วทองคำ เปรียบเสมือนสัญญาถือครอง ไม่ต้องกังวลกับการเก็บรักษา
• ซื้อทองคำมาเก็บรักษาเองที่บ้าน หรือฝากไว้ที่ร้าน ถ้าเป็นทองคำแท่งจะมีค่าบล็อก ทองคำรูปพรรณมีค่ากำเหน็จ
• ออมทอง ปัจจุบันมีให้เลือกหลายเจ้า สามารถซื้อทยอยซื้อได้ในจำนวนเงินที่ต้องการ เช่น ออมทองเดือนละ 1,000 บาท เมื่อครบบาทสามารถถอนทองที่ออมไว้ออกมาในรูปแบบทองคำแท่ง หรือขายคืนเป็นเงินสดก็ได้เช่นกัน ถือว่าเหมาะกับคนที่อยากเก็บเงินในระยะยาว
KTC TIP กฎของการซื้อ-ขายทอง เมื่อซื้อร้านขายทองไหน เราควรขายทองที่ร้านเดิมที่ซื้อมา เพื่อไม่ให้เจอปัญหาการกดราคาทอง
|
2) ลงทุนกองทุนรวม ที่ลงทุนในทองคำ
การลงทุนทองคำในกองทุนรวมนั้น ปัจจุบันมีหลายสถาบันการเงินให้บริการ ซึ่งสะดวกกับผู้ที่สนใจลงทุน เพราะกองทุนรวมจะเป็นตัวแทนนำเงินไปลงทุนให้ ผู้ลงทุนเพียงแค่นำเงินไปลงทุน นอกจากผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุนรวมตามจังหวะเวลาของการลงทุน ยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนระหว่างการลงทุน เป็นเงินปันผล และกำไรจากส่วนต่างในมูลค่าหน่วยลงทุนหากศึกษา แต่ทั้งนี้ควรสอบถามและศึกษาก่อนตัดสินใจอย่างรอบคอบ
3) ลงทุนสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures)
การลงทุนทองคำแบบ Gold Futures ได้รับความสนใจค่อนข้างมาก เพราะใช้เงินลงทุนไม่มาก แต่มีโอกาสได้กำไรและกระจายความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนได้ โดยจะซื้อก่อนหรือขายก่อนก็ได้กับตลาดหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ ผ่าน Thailand Futures Exchange (TFEX) เพียงวางเงินประกันล่วงหน้า 1 ใน 10 ของมูลค่าสัญญา ข้อจำกัดที่ต้องรู้ก่อนลงทุนคือ เมื่อครบอายุสัญญาจะถูกปิดสถานะอัตโนมัติ กำไรและขาดทุนจะเท่ากับส่วนต่างระหว่างราคาที่ซื้อหรือขาย Futures และราคาที่ชำระวันสุดท้าย
สรุปเรื่องต้องรู้ ลงทุนทองคำ
• ที่สำคัญคือหาความรู้ ติดตามข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ ทั้งอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์ ราคาน้ำมัน สถานการณ์บ้านเมือง ฯลฯ เพราะราคาทองผันผวนตามปัจจัยเหล่านี้ .
• เลือกรูปแบบการลงทุนทองคำที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของตนเอง
• เงินลงทุนควรเป็นเงินเย็น ไม่ต้องนำไปใช้จ่ายเพราะสามารถเก็งกำไรได้เต็มที่
• ขายทองคำเมื่อราคาทองคำในตลาดสูงกว่าที่ซื้อมา โดยต้องคำนวณรวมส่วนต่างทั้งหมด ได้แก่ ราคาซื้อ ค่ากำเหน็จ ค่าบล็อก
• ทองคำแท่งเหมาะกับการลงทุนมากกว่า ทองรูปพรรณที่เน้นใช้งานเป็นเครื่องประดับ
• การออมทองไม่เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น แต่เหมาะกับคนที่อยากเก็บทองสะสมในระยะยาว
• การลงทุนทองคำในกองทุนรวมทองคำมีความเสี่ยงสูงอยู่เหมือนกัน จากปัจจัยต่างๆที่กล่าวมา ก่อนหน้านี้จึงต้องศึกษาข้อมูลให้ดี
• สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) มีความเสี่ยงสูงมากที่สุด เพราะฉะนั้นต้องบริหารหลักประกันกับโบรกเกอร์ตลอดเวลา เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มกำไรได้อย่างเห็นผล

กราฟราคาทองคำย้อนหลัง 20 ปี
ขายเมื่อไรดี? หากตั้งเป้าหมายแบบระยะสั้น เมื่อราคาทองคำปรับขึ้นสูงกว่าราคาที่ซื้อมาควรขายทันที แต่หากตั้งเป้าหมายระยะยาว ให้ซื้อขายทองเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่ตั้งเป้าหมายไว้และรอจนกว่าราคาทองจะปรับขึ้นตามราคาที่ตั้งไว้จึงขาย อย่ารีบขายจนเกินไป
ตัวอย่างการลงทุนทองแบบที่มีการตั้งเป้าหมาย คือ เตรียมเงินจำนวนหนึ่งไว้สำหรับลงทุนทอง เมื่อราคาทองอยู่ในจำนวนที่ตั้งไว้ให้แบ่งซื้อเป็นช่วง ๆ ช่วงแรกซื้อไว้ 20% ของเงินที่เตรียมไว้ลงทุนทอง จากนั้นติดตามราคาทอง เมื่อทองราคาลงให้ไปซื้ออีก 20% และทยอยซื้อแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ห้ามซื้อทีเดียวทั้งหมด จากนั้นรอเวลาดูแนวโน้ม ถ้าได้กำไรตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไปสามารถขายได้ทันที ควรทยอยขายทีละ 20% อย่าขายทีเดียวทั้งหมด
วันที่ 1 = ทองคำบาทละ 20,000 บาท
วันที่ 2 = ราคาทองลดลงเหลือบาทละ 19,100 บาท (ซื้อไว้ 20% ตั้งใจขายในราคา 19,800 บาท)
วันที่ 3 = ราคาทองลดลงเหลือบาทละ 18,500 บาท (ซื้อเก็บอีก 20%)
วันขายทอง = ราคาทองบาทละ 20,500 บาท (ขาย 20%)
อดใจไม่ไหวอยากได้ทอง ใช้บัตรเครดิตKTC ผ่อนทองได้ 0%
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ควรลงทุนกระจายความเสี่ยงได้ แต่การลงทุนนั้นต้องมีเงินทุนในมือระดับหนึ่ง การจะเก็บเงินได้ครบตามความต้องการ ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย การใช้บัตรเครดิตKTC รูดซื้อ รูดผ่อนทองเป็นอีกเครื่องมือในการบริหารเงิน และไม่พลาดการลงทุนตามจังหวะที่ต้องการ แถมสามารถผ่อน 0% อีกด้วย เห็นอย่างนี้แล้วจะใช้เงินสดทำไม? ในเมื่อKTCให้มากกว่า มีโปรโมชั่นเครดิตเงินคืนอีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.ktc.co.th/promotion/shopping/watch-jewelry-gold/gold-nationwide
KTC TIP อย่าลืมว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง และการลงทุนทองคำเป็นการเพิ่มทางเลือกเท่านั้น แนะนำให้แบ่งลงทุนทองคำ 10% ของการลงทุนทั้งหมดที่มี เพื่อกระจายความเสี่ยงในช่วงเวลาไม่แน่นอน พร้อมหาแนวโน้มปัจจัย ที่ทำให้จังหวะทองคำขึ้นลงในการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอ
|
สมัครบัตรเครดิต ที่นี่
ไม่พลาดโอกาสทุกจังหวะการลงทุน
บัตรเครดิต KTC ผ่อนทอง 0%
