เมื่อนึกถึงวันแห่งความรัก โดยทั่วไปจะนึกถึงวันวาเลนไทน์ ที่ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ซึ่งเกี่ยวข้องกับตำนานนักบุญวาเลนไทน์ (Saint Valentine) ที่เป็นนักบุญในคริสตศาสนา ในช่วงศตวรรษที่ 3 ที่ได้ช่วยเหลือคู่รักที่ถูกห้ามแต่งงานโดยจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ทำให้นักบุญวาเลนไทน์ถูกจับประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์
วันวาเลนไทน์ นอกจากจะเป็นวันสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาคริสต์แล้ว ในหลาย ๆ วัฒนธรรมวันวาเลนไทน์ก็ได้รับความนิยมด้วย โดยเฉพาะในเอเชียอย่างประเทศญี่ปุ่น เกาหลี จีน รวมถึงประเทศไทย กิจกรรมยอดนิยมอย่างหนึ่งในวันวาเลนไทน์ คือการมอบดอกไม้ ช็อกโกแลต หรือของขวัญวาเลนไทน์ให้กับคนรัก นอกจากนี้ยังถือเป็นโอกาสส่งข้อความบอกความในใจกับคนที่แอบชอบ เรียกว่าเป็นวันสารภาพรักก็ได้
นอกจากการมอบของขวัญให้กันแล้ว การออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน หรือดินเนอร์มื้อพิเศษก็เป็นกิจกรรมที่หลายคู่นิยม เพื่อให้ได้ใช้เวลาร่วมกันในโอกาสพิเศษนี้ และยังได้แสดงความรักต่อกัน เพราะในบ้างครั้ง ด้วยวิถีชีวิตและการทำงานที่อาจจะยุ่งวุ่นวายจนทำให้ละเลยคนข้างกายไปบ้าง การทำกิจกรรมดีๆ ในวันวาเลนไทน์ก็ถือเป็นการแสดงออกให้คนพิเศษได้รู้ว่ายังรักและเป็นห่วงเหมือนเดิม เป็นเหมือนการเติมความหวานชื่นให้กันและกัน
วันไวท์เดย์ (White Day) คืออะไร
ถ้าวันวาเลนไทน์เป็นวันแห่งการสารภาพรัก วันไวท์เดย์ก็คือวันที่คนถูกสารภาพรักจะให้คำตอบนั่นเอง โดยวันไวท์เดย์จะตรงกับวันที่ 14 มีนาคมของทุกปี
ไวท์เดย์ ในญี่ปุ่น
ประวัติวันไวท์เดย์นั้นกล่าวกันว่าเกิดจากแผนการทำตลาด ในปี 1977 ของบริษัทขนมอิชิมุระ มันเซโดะ (Ishimura Manseido) ในฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อขายมาร์ชเมลโลให้ลูกค้าผู้ชายในวันที่ 14 มีนาคม โดยเรียกวันนี้ว่า ‘วันมาร์ชเมลโล่ (Marshmallow Day)’
ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะมีธรรมเนียมว่าวันวาเลนไทน์คือวันที่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายสารภาพรัก ก็เลยกำหนดวันให้ฝ่ายชายได้ให้คำตอบเป็นวันที่ 14 มีนาคมนั่นเอง แรกเริ่มนั้นจะเป็นการมอบมาร์ชเมลโล่ให้ แต่ภายหลังไม่ค่อยได้รับความนิยม จนมีการเปลี่ยนชื่อเป็นวันไวท์เดย์ และเปลี่ยนเป็นการมอบช็อกโกแลต ดอกไม้ ขนมหวานอื่นๆ หรือตุ๊กตาหมีแทน พอถึงวันที่ 14 มีนาคมหนุ่มๆ ก็จะมอบของขวัญเพื่อแทนคำตอบรับแก่ฝ่ายหญิงที่มาสารภาพรักนั่นเอง
ของขวัญวันไวท์เดย์ นิยมให้เป็นขนมหวานที่มีสีขาว
เกร็ดน่ารู้วันไวท์เดย์
- ของขวัญที่นิยมให้ในวันไวท์เดย์นี้หากเป็นขนมก็มักจะนิยมเป็นขนมหวานที่มีสีขาว เช่น ไวท์ช็อกโกแลต หรือเค้ก หมายถึงความรัก/ความรู้สึกที่บริสุทธิ์ และควรมีมูลค่ามากกว่า 3 เท่าของของขวัญที่ได้รับในวันวาเลนไทน์
- หากไม่ได้รับของตอบแทนในวันไวท์เดย์จากฝ่ายชาย ก็แปลว่าถูกปฏิเสธ แต่การได้รับของตอบแทนก็อาจมีความหมายอื่นที่ไม่ใช่การรับรักได้เช่นกัน เพราะของที่เลือกให้แทนคำตอบนั้นมีความหมายแฝง อาทิ หากได้รับของตอบแทนเป็น ‘คุกกี้’ จะหมายถึง ‘เป็นเพื่อนที่ดี’ เหมือนเป็นการตอบอ้อมๆ ว่าไม่รับรักนั่นเอง
- หรือหากได้รับเป็น ‘ช็อกโกแลต’ แทนที่จะหมายถึงการสารภาพรับแบบในวันวาเลนไทน์ แต่กลายเป็นว่าหากได้รับช็อกโกแลตในวันไวท์เดย์แล้ว จะแปลว่าฝ่ายชายไม่สามารถรับความรู้สึกของฝ่ายหญิงไว้ได้ โดยขอคืนช็อกโกแลตนี้กลับไป ของขวัญสำหรับวันไวท์เดย์จึงเป็นของที่ต้องใส่ใจมาก ไม่ต่างจากวันวาเลนไทน์เลย
ไวท์เดย์ ในเกาหลี
วันแบล็คเดย์ (Black Day) เป็นวันสำหรับคนโสด ซึ่งตรงกับวันที่ 14 เมษายนของทุกปี คนโสด จะนิยมออกไปกินบะหมี่ จาจังมยอน หรือ บะหมี่ดำ
สำหรับเกาหลีก็ได้รับอิทธิพลวันไวท์เดย์ด้วยเช่นกัน แต่นอกจากวันวาเลนไทน์ และไวท์เดย์แล้ว เกาหลียังมีวันที่เรียกว่า ‘วันแบล็คเดย์ (Black Day)’ อีกด้วย โดยวันแบล็คเดย์นี้จะเป็นวันสำหรับคนโสด ซึ่งตรงกับวันที่ 14 เมษายนของทุกปี เป็นวันสำหรับคนไร้คู่และคนที่ผิดหวังจากความรัก โดยคนที่ไม่ได้รับของขวัญทั้งในวันวาเลนไทน์ และวันไวท์เดย์จะแต่งสีดำออกไปกินบะหมี่ ‘จาจังมยอน (Jajangmyeon)’ หรือบะหมี่ดำ โดยมีความเชื่อว่าการทานบะหมี่ดำเป็นการแก้เคล็ด ทำให้สมหวังในความรัก หลายๆ คนที่ออกไปฉลองวันคนโสดก็มักได้พบคนถูกใจกลับไปด้วย เพราะเป็นโอกาสที่ทำให้คนโสดได้มาเจอกันนั่นเอง
ไวท์เดย์ในวัฒนธรรมอื่นๆ
วันไวท์เดย์ ที่ประเทศจีน และที่ไต้หวัน ก็มีเช่นกัน โดยฝ่ายชายจะมอบของขวัญให้ฝ่ายหญิง
นอกจากประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีแล้ว ประเทศจีนเองก็มีความนิยมเรื่องวันไวท์เดย์ด้วยเช่นกัน แต่อาจมีรายละเอียดต่างกันไปเล็กน้อย โดยในจีนจะเรียกวันนี้ว่าวันวาเลนไทน์สีขาว หรือวันแห่งคู่รัก โดยฝ่ายชายจะมอบของขวัญให้ฝ่ายหญิง และเป็นวันที่คู่รักจะออกไปเดท ไปดินเนอร์ หรือไปท่องเที่ยวด้วยกัน
สำหรับวันไวท์เดย์ในไต้หวัน และในไทยอาจยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากเท่าวันวาเลนไทน์ แต่ก็เริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น ห้างร้านต่างๆ ก็เริ่มมีแคมเปญ และโปรโมชั่นพิเศษสำหรับวันพิเศษต่างๆ มากขึ้น ทั้งเมนูของหวานเฉพาะช่วงเทศกาล ไอเดียของขวัญ และส่วนลดพิเศษสำหรับคู่รัก ทำให้เกิดบรรยากาศโรแมนติกและความคึกคักมากยิ่งขึ้น
3 ขนมยอดนิยมวันไวท์เดย์แทนการรับ ‘รัก’
ลูกกวาด (Candy)
สำหรับวันไวท์เดย์ การได้รับช็อกโกแลตก็อาจไม่ได้แปลว่ารับรัก แต่การได้รับลูกกวาด แปลว่าใจตรงกันแน่นอน เชื่อกันว่า การให้ลูกวาดนอกจากจะเป็นการรับรักแล้ว ยังสื่อถึงความรักที่มั่นคงและยาวนานเหมือนลูกกวาดที่ค่อยๆ ละลายความหวานออกมาอย่างช้าๆ นั่นเอง
มาการอง (Macaron)
ของหวานอีกชนิดที่นิยมไม่แพ้ลูกกวาดก็คือมาการอง นอกจากจะเป็นขนมที่ต้องพิถีพิถันในการทำอย่างมากแล้วยังมีราคาค่อนข้างสูง การได้รับมาการองแทนคำตอบ ก็เหมือนฝ่ายชายบอกว่าเรา ‘เป็นคนพิเศษ’ นั่นเอง
เมเดอลีน (Madeleine)
หากได้รับขนมฝรั่งเศสชนิดนี้ แม้อาจยังไม่ใช่การบอกรักเสียทีเดียว แต่ก็ถือว่าฝ่ายชายมีใจ และอยากทำความรู้จักฝ่ายหญิงให้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ปัจจุบันนอกจากดอกไม้ หรือของหวานแล้ว ยังนิยมให้ของขวัญในวันไวท์เดย์เป็นของมีมูลค่าอื่นๆ ด้วย เช่น เครื่องประดับ หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง เพื่อเป็นตัวแทนความรักของคนทั้งคู่
แม้ว่าวันไวท์เดย์จะเกิดจากแผนการตลาด แต่ก็ได้รับความนิยมจนกลายเป็นวันพิเศษอีกหนึ่งวัน ถือเป็นวันที่เราจะได้แสดงความรู้สึก ทั้งความรักและความห่วงใยต่อกันได้ หลายๆ คนอาจจะเขินอาย เลยได้ใช้โอกาสพิเศษนี้แสดงความในใจ สำหรับคนที่มีคู่อยู่แล้วก็ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่จะได้แสดงความรักต่อกันด้วย วันพิเศษเพื่อคนพิเศษ ซื้อของขวัญ หรือสารภาพรักร้านอาหารโรแมนติก ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC พร้อมรับสิทธิประโยชน์ และส่วนลดมากมาย ใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า สำหรับใครยังไม่มีบัตรเครดิต KTC สมัครบัตรออนไลน์ ได้เลย สมัครสะดวก ง่าย และรวดเร็ว
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC