นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีได้ก้าวหน้าไปไม่มีขีดจำกัด รวมทั้งนวัตกรรมที่เกี่ยวกับความงามด้วย“โบท็อก” เป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่อยากเสริมสร้างความสวยงามของตัวเองให้คงอยู่ไปอีกแสนนาน มาเรียนรู้เรื่องราวของโบท็อกให้มากขึ้นไปอีกนิดเผื่อใครที่กำลังมีความคิดที่จะลองทำ ตรงไหนของร่างกายที่สามารถให้โบท็อกคงสภาพไว้ ข้อดีของการทำ ข้อควรระวังก่อนและหลังทำมีอะไรบ้าง วันนี้ KTC ได้รวบรวมข้อมูลเหล่านี้มาไว้ให้คุณได้ศึกษาค่ะ
“โบท็อก” คือ
โบท็อก (Botox) เป็นตัวยาที่ชื่อว่า Botulinum Toxin type A ที่เรียกสั้นๆ ว่า Botox นั้น เพราะว่าเจ้าแรกที่ผลิตมันออกมาเป็นสินค้าได้ใช้ชื่อนี้จึงเรียกติดปากกันมาเรื่อยๆ ตัวยาประกอบไปด้วย โปรตีนที่มีแบคทีเรียชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ที่มีคุณสมบัติช่วยให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ทำให้กล้ามเนื้อมีการคลายตัว นอกจากด้านความงามแล้ว โบท็อกถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาความผิดปกติของร่างกายผู้ป่วย เช่น รักษาอาการตาเหล่ รักษาโรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง โรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่และยังมีการนำมารักษาอาการปวดศีรษะจากโรคไมเกรนเรื้อรังอีกด้วย
ฉีดโบท็อกกี่วันถึงจะเห็นผลชัดเจน
การแสดงผลของโบท็อกนั้นก็แล้วแต่ร่างกายของแต่ละคนและยังอยู่ที่มีการฉีดสารตัวนี้เข้าบริเวณไหนของร่างกาย โดยที่หลังจากฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วบริเวณที่ฉีดเข้าไปจะมีความรู้สึกตึงและค่อยๆ เห็นผล ส่วนใหญ่จะเริ่มออกฤทธิ์ 2-3 วันและจะส่งผลสูงสุดในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ยกเว้นบางบริเวณอย่างเช่น กราม ที่จะใช้เวลานานกว่าส่วนอื่นๆ คือประมาณ 1-2 เดือนถึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด
โบท็อก ฉีดตรงไหนของร่างกายได้บ้าง
โบท็อกสามารถฉีดได้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ เพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณนั้นทำให้ชะลอริ้วรอยให้ส่วนนั้นๆ มีความเต่งตึงอ่อนวัย บริเวณต่างๆ เหล่านั้นได้แก่
- กราม แก้ไขกล้ามเนื้อให้นิ่มและเล็กลง
- จมูก ปรับรูปจมูกให้สมส่วน รูปทรงสวยเข้ากับใบหน้ามากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ใบหน้า เปลี่ยนรูปใบหน้าให้มีมิติมากขึ้นหรือเรียกง่ายๆ ว่า วี เชฟ โดนที่ไม่ต้องผ่าตัด
- ใต้ตา ลดริ้วรอยและรอยคล้ำที่ไม่พึงประสงค์
- รักแร้ ลดกลไกการผลิตเหงื่อทำให้กลิ่นตัวลดน้อยลง
- หน้าผาก ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นและเพิ่มความนูนให้กับหน้าผาก
- น่อง ลดให้ขนาดกล้ามเนื้อน่องให้มีขนาดลดลง เข้ารูป
- โหนกแก้ม ให้ผิวหน้าเต่งตึง รูปแก้มสมส่วน
- คิ้ว ยกคิ้วให้สูงเพื่อให้รูปหน้าเข้ารูปมากยิ่งขึ้น
- รูขุมขน กระชับรูขุมขนให้เล็กลงทำให้ผิวดูเรียบเนียน
วิธีเตรียมตัวก่อนการฉีดโบท็อก
แน่นอนว่าก่อนที่จะลงมือให้คุณหมอช่วยในการเสริมสร้างความสวยต้องมีการหาข้อมูลให้ดีเสียก่อน นอกจากเปรียบเทียบราคาหรือช่องทางการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือโปรโมชันจากบัตรเครดิต เช่น KTC แล้ว ยังต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม ดังนี้
- หยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ แอสไพรินอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนฉีด
- งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่นวิตามินอี น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 สัปดาห์เช่นกัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
- ร่างกายอยู่ในสภาพปกติไม่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตรหรือมีโรคแทรกซ้อนอื่น
- คุณกับหมอที่จะทำการฉีดให้เรียบร้อยเพื่อที่จะมั่นใจว่าการฉีดโบท็อกจะเป็นไปได้ตามความต้องการที่สุด
- ควรล้างเครื่องสำอางและทำความสะอาดใบหน้าก่อนจะมีการฉีด
ข้อห้ามการฉีดโบท็อกและการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก
หลังจากการฉีดโบท็อกแล้วต้องทำตามคำสั่งของคุณหมอที่ทำการฉีดให้อย่างเคร่งครัดเมื่อมีข้อสงสัยต้องซักถามคุณหมอทันที รวมทั้งดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก ดังนี้
- งดการนอนราบ 4 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการไหลของโบท็อก
- งดการนวดบริเวณที่ทำการฉีดเป็นเวลา 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ฉีดโดนความร้อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายหนัก อบตัว แช่น้ำอุ่น เป็นเวลา 2 อาทิตย์
- หากมีการฉีดที่กราม หลังฉีดให้ทำการเคี้ยวหมากฝรั่งสลับซ้าย-ขวา เป็นเวลา 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมงเพื่อกระจายตัวยาเข้ากล้ามเนื้อ
- งดการทำทรีทเมนท์ด้วยเครื่อง RF และเลเซอร์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์แต่ใช้ครีมบำรุงได้ปกติ
ผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อก
โดยปกติแล้วโบท็อกที่ได้รับการรับรองจะไม่มีสารตกค้างในร่างกายแต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะตามมาบ้าง โดยผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นมีอาการดังนี้
1. การติดเชื้อ
เกิดจากความไม่สะอาดของเครื่องมือ คลินิคและเกิดจากความไม่ได้มาตรฐานของสถานที่ เครื่องมือและขั้นตอนการฉีดของหมอ เช่น หมอกระเป๋าส่วนใหญ่ที่ไปทำการฉีดโบท็อกนอกสถานที่และละเลยขั้นตอนการทำความสะอาดอุปกรณ์ให้ปราศจากเชื้อโรคเสียก่อน ทำให้คนที่ได้รับการฉีดโบท็อกเข้าไปมีเชื้อโรคเจือปนนั้นเอง
2. ตาตก
อาการตาตก พบได้ในคนที่ไปฉีดโบท็อกระหว่างคิ้วซึ่งเป็นบริเวณที่ใกล้เคียงกับดวงตา ถ้าเทคนิคในการฉีดไม่ถูกต้องก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงและตกลงมา เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงนี้จึงต้องเลือกคุณหมอที่มีคุณภาพและเชี่ยวชาญในการฉีดโบท็อกจะดีกว่า
3. มุมปากเบี้ยว
ถ้าเกิดฉีดโบท็อกบริเวณกรามแล้วโบท็อกกระจายตัวไปผิดที่ทำให้การแสดงความรู้สึกทางสีหน้าผิดปกติ ยิ้มไม่สุด หุบยิ้มลำบาก มุมปากเบี้ยว อาการผิดปกตินี้เป็นอาการที่พบเห็นได้บ่อย บางครั้งเกิดจากอาการตึงของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นๆ เท่านั้นเอง
โบท็อกของแท้ดูอย่างไร
ในปัจจุบันมีนวัตกรรมความงามมากมายเกิดขึ้นทั้งของจริงแหละของปลอม ดังนั้นคุณควรต้องศึกษาให้เข้าใจเกี่ยวกับข้อแตกต่างของโบท็อกว่าของจริงและของปลอมจะต่างกันอย่างไร เพื่อที่จะเสริมความงามได้อย่างสบายใจไร้กังวล โดยที่โบท็อกของแท้จะดูได้จาก
- ข้างกล่องต้องมีตัวหนังสือสีแดงเขียนว่า “ยาควบคุมพิเศษ”
- มีวันเดือนปีที่ผลิตและวันหมดอายุชัดเจน ที่ก้นกล่อง และข้างขวด เลขทั้งสองที่ต้องตรงกัน
- มีข้อมูลนำเข้าว่านำเข้ามาโดยบริษัทใด
- ต้องมีฝาพลาสติกใสปิดทับอยู่ด้านบน
นอกจากหลัก ๆ ตามข้างต้นแล้ว แต่ละยี่ห้อยังมีการสังเกตที่แตกต่างกัน โดยที่ยี่ห้อหลักที่ได้คุณภาพก็จะมีข้อสังเกตแตกต่างกันออกไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนที่จะรู้ข้อแตกต่างว่าเป็นของจริงหรือของปลอม คุณควรต้องเลือกคลินิกเสริมความงามที่เชื่อถือได้และบุคลากรมีความเชี่ยวชาญหน้าเชื่อถือได้เท่านั้น
โบท็อกกับฟิลเลอร์ต่างกันอย่างไร
หลายคนก็คงจะได้ยินควบคู่กันมาแต่อาจจะยังไม่เข้าใจว่าโบท็อกและฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร ทั้งสองตัวนี้เป็นนวัตกรรมทางความงามที่ให้ผลแตกต่างกัน โดยที่โบท็อกมีหน้าที่ลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กลง และช่วยคลายกล้ามเนื้อที่มีริ้วรอยให้ตึงมากยิ่งขึ้น ส่วนฟิลเลอร์จะมีหน้าที่เข้าไปเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ให้กลับมาดูดีเช่นเดิมนั้นเอง
โบท็อกกับฟิลเลอร์มีตำแหน่งการฉีดที่แตกต่างกัน
นอกจากหน้าที่ที่แตกต่างกันแล้วโบท็อกกับฟิลเลอร์ยังมีตำแหน่งในการฉีดแตกต่างกันด้วย โดยตำแหน่งของโบท็อกจะมีตำแหน่งดังนี้
- ลดกราม
- ดึงกรอบหน้า
- ลดน่อง
- ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดบนใบหน้า ตีนกา หางตา ระหว่างคิ้ว
- ผิวหนังบริเวณคอ
- ลดการเหี่ยวย่นบนมือ
- บริเวณใต้วงแขนในกรณีคนที่มีกลิ่นกายไม่พึงประสงค์
ส่วนฟิลเลอร์นั้นสามารถฉีดได้บริเวณ
- ฉีดเพื่อเติมริมฝีปากที่บางให้อวบอิ่มขึ้น
- ฉีดใต้ตาเพื่อให้ดวงตาดูสดใส ดูอ่อนวัย
- ฉีดเพิ่มคางให้เรียวยาว ทำใบหน้าให้เป็น V shape มากยิ่งขึ้น
- ฉีดร่องแก้มเพื่อแก้ปัญหาร่องรอยและดูแก่กว่าวัย
- ฉีดขมับเพื่อปรับโหงวเฮ้งของใบหน้า ให้ดูอ่อนกว่าวัย สดใสกว่าเดิม
แน่นอนว่าทุกๆ การกระทำที่เราจะทำกับร่างกายต้องมีการหาข้อมูลให้แน่นอนชัดเจน ศึกษาว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร ข้อห้ามที่ต้องระวังคืออะไรเพื่อป้องกันอาการที่อาจจะเกิดผลเสียต่อร่างกายของคุณ ความไม่ชำนาญของหมอ คุณภาพของโบท็อก ปริมาณในการฉีดแต่ละครั้งและการไหลของโบท็อกมีผลอย่างมาก จึงจำเป็นจะต้องให้คุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญในการฉีดโบท็อกโดยเฉพาะ
บัตรเครดิต KTC เพิ่มความสะดวกสบายกับคุณๆ ที่ต้องการรักษาความงามด้วยการจับมือกับคลินิคชื่อดังหลายแห่งจัดทำโปรโมชันกับสถาบันความงามได้รับเครดิตเงินคืน และยังมีของสมนาคุณช้อปความสวยไปกับบัตรเครดิต KTC อีกมากมาย เพิ่มผลประโยชน์ของคุณด้วยการสมัครบัตรเครดิต KTC ได้แล้ววันนี้เพียงคลิกสมัครง่ายๆ ตามลิงก์นี้เลย
สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ เพื่อรับโปรโมชั่นเอาไว้ไปทำสวยให้ถูกใจได้เลย
Ref. https://www.vsquareconsult.com/prohibition-botox/
https://doctormek.com/botox
https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_1782942
https://bit.ly/3xNs8hs