เป็นอีกปีที่กระแสการออกกำลังกายด้วยการวิ่งยังมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีไวรัสโคโรน่าแพร่ระบาด แต่ช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยก็สามารถจัดงานวิ่งแข่งขันได้อยู่ ถึงแม้จะมีสะดุดสักนิดนึงในช่วงปีใหม่ทำให้หลายๆ งานต้องเลื่อนออกไปก็ตาม แต่เชื่อได้ว่าอีกไม่นานงานวิ่งต่างๆ ก็จะกลับมาจัดได้ และในบทความนี้ KTC ตัวจริงเรื่องกีฬา จะนำข้อมูล 10 รองเท้าวิ่งที่มาพร้อมกับแผ่นคาร์บอนที่น่าสนใจ และมีวางจำหน่ายในประเทศไทย มาป้ายยา เอ้ย แนะนำให้กับเพื่อนๆ ได้ตัดสินใจกัน
Nike ZoomX Vaporfly NEXT%
ขอเริ่มต้นด้วยรองเท้าวิ่งที่พัฒนามาจาก Vaporfly 4% รองเท้าวิ่งแผ่นคาร์บอนที่เรียกกระแสให้กับวงการวิ่งได้อย่างดี สำหรับ Nike ZoomX Vaporfly NEXT% นี้ ได้ถูกเปิดตัวออกมาช่วงเดือนเมษายน ปี 2019 แต่ก็ยังคงได้รับความนิยมในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความที่ตัวรองเท้ามีน้ำหนักเบา ส่วนบนเป็น VaporWeave ที่ไม่อมน้ำ แห้งเร็ว พื้นชั้นกลางที่มีความนุ่มและเด้ง พร้อมกับแผ่นคาร์บอนเต็มความยาวเท้าที่อยู่ด้านในก็จะช่วยให้มีแรงส่งคืนกลับมาที่มากขึ้น และดรอป 8 มิลลิเมตร ที่มือใหม่ก็สวมใส่ได้ง่าย จึงทำให้เป็นรองเท้าสำหรับวันแข่งขันที่ใครหลายๆ คนก็มีติดบ้านไว้ ณ ปี 2021 นี้ ก็ยังมีสีใหม่ออกมาวางจำหน่ายอยู่
ราคา 8,500 บาท
Nike Air Zoom Alphafly NEXT%
ในช่วงปลายปี 2019 ไนกี้ ได้ออกรองเท้าวิ่งระดับท็อปรุ่นใหม่ Nike Air Zoom Alphafly NEXT% สำหรับรองเท้าวิ่งรุ่นนี้มีการเปิดตัวที่ฮือฮาทั่วโลก โดย อีเลียด คิปโชเก้ ได้สวมใส่รองเท้าวิ่งรุ่นนี้ในรายการ INEOS 1:59 ที่กรุงเวียนนา และทำลายกำแพงเวลา 2 ชั่วโมงได้สำเร็จ โดยทำเวลาไปได้ 01:59:40 ชั่วโมง (สถิติอย่างไม่เป็นทางการ) เรียกได้ว่าเป็นผลสำเร็จของโครงการ Breaking2 ที่ประกาศออกมาตั้งแต่ปี 2016 โดยรองเท้าวิ่งรุ่นนี้ยังมีประเด็นในเรื่องของความหนาและจำนวนแผ่นคาร์บอนในรองเท้า จนทำให้สหพันธ์กรีฑานานาชาติ (World Athletics) ออกกฏรองเท้าออกมาเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและเป็นธรรมคู่ขนานร่วมกับเทคโนโลยี่ใหม่ที่เกิดขึ้น
สำหรับระบบของรองเท้าวิ่งรุ่นนี้ ได้มีการนำ Zoom Air Pods จำนวน 2 ชิ้นมาใช้งาน โดยวางอยู่ใต้แผ่นคาร์บอน และประกบด้วยโฟม ZoomX ซุปเปอร์โฟมของทางไนกี้ ทำให้รองเท้าวิ่งรุ่นนี้มีความเด้งและการตอบสนองที่ดีจาก Zoom Air มากขึ้น แต่ทว่าหลายๆ กลับไม่ถูกใจรองเท้าวิ่งรุ่นนี้มากนัก อาจจะเป็นเพราะ Zoom Air ที่เสริมเข้ามาก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามรองเท้าวิ่งรุ่นนี้ก็ยังถือเป็นรองเท้าวิ่งระดับท็อปอยู่ สามารถทำความเร็วได้ดี หากใครที่ใส่แล้วเข้าขาก็ช่วยได้มากอยู่เหมือนกัน และที่ผ่านมาในประเทศไทยก็มีการวางจำหน่ายเริ่มทั่วถึงแล้ว คาดว่าสีใหม่อย่าง “Ekiden” ก็จะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้
ราคา 9,400 บาท
adidas adizero PRO
เป็นรองเท้าวิ่งที่มาพร้อมแผ่นคาร์บอนรุ่นแรกของค่ายสามขีด และเป็นรองเท้าที่แฟนๆ อาดิดาสอยากให้ออกมาแข่งขันกับอีกบรนด์โดยเร็ว แต่ทว่าหลายๆ คนที่ได้สัมผัสจะรู้สึกผิดหวังกับรองเท้าวิ่งรุ่นนี้ เนื่องจากหลายๆ คนคาดหวังว่าฟีลลิ่งความรู้สึกจะออกไปทางนุ่มเด้งเหมือนกับ Nike ZoomX Vaporfly NEXT% ซึ่งรองเท้าวิ่งรุ่นนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น ยังคงมาในแนว Racing Flat พื้นบาง ใช้ Boost เป็นหลัก ล้อมด้วยโฟม Lightstrike วางแผ่นคาร์บอนเหนือพื้นชั้นกลาง เลยทำให้สัมผัสไม่ได้นุ่มอย่างที่คิด และเป็นรองเท้าวิ่งที่เหมาะสำหรับเฉพาะกลุ่มที่ขาแข็งแรงมากๆ เนื่องจากมีซัพพอร์ตที่ไม่เยอะ ก็เลยทำให้นักวิ่งทั่วไปไม่ค่อยถูกใจมากนัก แต่ถ้าถามเรื่องความเด้ง ก็มีให้รู้สึกแบบชัดเจนอยู่นะ
ส่วนบน Celermesh เป็นผ้าตาข่ายที่มาพร้อมกับโครงสร้าง microFIT ที่มอบความกระชับให้กับเท้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีความดปร่งสบายระบายอากาศได้ดีอีกด้วย ใครที่ชอบรองเท้าวิ่งแข่งขันแนวพื้นบางหน่อย รุ่นนี้ก็ถือว่าน่าสนใจอยู่นะ
ราคา 6,800 บาท
adidas adizero adios PRO
หลังจากที่เปิดตัว adizero PRO ไปได้ไม่นาน adizero adios PRO ก็ตามออกมาหลังจากนั้นไม่กี่เดือน โดยจะเป็นรองเท้าวิ่งพื้นหนาแบบชัดเจน ซึ่งทำให้หลายๆ คนคาดหวังว่ารุ่นนี้จะมาพร้อมกับความนุ่ม และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
ส่วนบนยังคงเป็น Celermesh ที่ทำหน้าที่ในเรื่องของความกระชับได้เป็นอย่างดี ส่วนพื้นชั้นกลางได้ใช้ Lightstrike PRO โฟมใหม่ที่มีความนุ่มเด้งมากกว่า Lightstrike เดิม พร้อมกับ EnergyRods แท่งคาร์บอน 5 แท่งที่วางอยู่บริเวณหน้าเท้า ซึ่งแท่งคาร์บอน 5 แท่งนี้จำลองตามโครงสร้างกระดูกของเท้า ทำให้รู้สึกมั่นคง รักษาความเร็วได้ดี สบายและช่วยลดผลกระทบต่อร่างกายให้น้อยลงได้อีกด้วย ภายในพื้นรองเท้ายังมีการเพิ่มไนลอนและแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ไว้ที่บริเวณส้นเท้าเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับข้อเท้าและปรับลักษณะการลงเท้าให้วิ่งได้อย่างไหลลื่น เรียกได้ว่าเป็นรองเท้าวิ่งที่กู้ศรัทธาจากแฟนๆ ค่ายสามขีดได้เยอะเลยทีเดียว เพราะในช่วงหลังมากนี้ นักวิ่งอีลิทหลายท่านก็สวมรองเท้าวิ่งคู่นี้ขึ้นโพเดียมมาเยอะเหมือนกัน
ราคา 6,800 บาท
New Balance FuelCell TC
เปิดตัวออกมาช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 เป็นรองเท้าวิ่งที่มาพร้อมแผ่นคาร์บอนรุ่นต่อจาก New Balance FuelCell 5280 รองเท้าวิ่งสำหรับวิ่งระยะสั้นเพียง 1 ไมล์ โดย New Balance FuelCell TC นั้นได้เปิดตัวออกมาพร้อมกับ FuelCell RC Elite ที่เป็นรองเท้าวิ่งมาพร้อมแผ่นคาร์บอนเช่นเดียวกัน แต่ FuelCell TC นั้นถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขันและใส่ซ้อมได้ด้วย โดยจะตามชื่อ TC ที่ย่อมาจาก Training และ Competition
ส่วนบนใช้ Enginerred Mesh ที่โปร่งบาง ระบายอากาศได้ดี พื้นชั้นกลางเป็นโฟมใหม่ FuelCell ที่มีความนุ่มและเด้งมากๆ พร้อมกับแผ่นคาร์บอนเต็มความยาวเท้าตรงกลาง ช่วยเพิ่มความมั่นคงและเพิ่มแรงกดทำให้โฟมมีแรงส่งคืนที่มากขึ้น แต่น้ำหนักรองเท้าไม่ได้เบามาก จึงเหมาะกับการใส่ซ้อมทำความเร็วด้วย หรือจะนำไปลงในวันแข่งขันก็ยังได้อยู่
ราคา 5,990 บาท
Saucony Endorphin Pro
เป็นรองเท้าวิ่งที่มาพร้อมแผ่นคาร์บอนที่ได้รับความนิยมมากอีกรุ่น เปิดตัวออกมาเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2020 ที่ผ่านมา โดยมาพร้อมกับรองเท้าวิ่งใส่ซ้อมทำความเร็ว Endorphin Speed และใส่ซ้อมวิ่งในทุกๆ วัน Endorphin Shift โดยรุ่น Endorphin Pro จะเป็นรองเท้าวิ่งสำหรับใส่แข่งขัน มีน้ำหนักเบา และมีแรงส่งคืนที่ดีช่วยทำให้เราเร็วขึ้นได้
ส่วนบนเป็นผ้าตาข่าย Engineered Mesh โปร่งสบาย ระบายอากาศได้ดี พื้นชั้นกลางเป็นโฟมใหม่ที่มีชื่อว่า PWRRUN PB ใช้วัสดุ PEBAX ตัวเดียวกันกับที่ใช้ในโฟม ZoomX ของไนกี้ แต่ในรุ่นนี้จะมาเป็นลักษณะเม็ดบีดส์ที่เหมือนกับ Boost ของอาดิดาส ซึ่งมีความนุ่ม น้ำหนักเบา และมีแรงส่งคืนที่ดีมากๆ พร้อมกับแผ่นคาร์บอนรูปตัว S ด้านในเท้าที่จะคอยเป็นเหมือนคานงัดและช่วยทำให้โฟมไม่ยุบตัวผิดรูปมากเกินไป พร้อมกับเทคโนโลยี Speedroll พื้นทรงโค้งก็ช่วยให้วิ่งได้อย่างมันคงและสมูธลื่นไหล
ราคา 6,990 บาท
On Cloudboom
เป็นอีกแบรนด์ที่กระโดดลงสู่สงครามรองเท้าวิ่งแผ่นคาร์บอน ด้วยความที่ On Running แบรนด์จากสวิสเซอร์แลนด์นั้นมีเทคโนโลยี Speedboard ที่ใช้แผ่นคั่นตรงกลางในพื้นชั้นกลางอยู่แล้ว ทำให้ On Cloudboom ก็ดูเหมือนไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมายนัก สำหรับระบบก็หยิบพื้นชั้นกลาง Helion ที่มาในเทคโนโลยี CloudTec ที่เป็นรูปก้อนเมฆวางเรียงกัน ซึ่งผลที่ได้ก็จะให้ความรู้สึกนุ่มและมีแรงส่งคืนที่ชัดเจนจากพื้นชั้นกลางและแผ่น Speedboard แบบชัดเจนมากๆ
ส่วนบนเป็นผ้าตาข่าย Engineered mesh ชั้นเดียวน้ำหนักเบาและระบายอากาศได้ดี ปรับเพิ่มความกระชับมากขึ้น ส่วนพื้นชั้นนอกแบบใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับการวิ่งในเมืองและพื้นเปียก ดีไซน์ก็ดูเรียบๆ สวมงามตามสไตล์มินิมอล ไม่มีอะไรให้หวือหวามากนัก อีกทั้งยังเป็น Swiss-engineer คุณภาพเชื่อถือได้
ราคา 7,600 บาท
ASICS MetaRacer
เป็นอีกแบรนด์ที่พัฒนารองเท้าวิ่งแผ่นคาร์บอนออกมา โดยนำเทคโนโลยี Energy-Saving อย่าง GUIDESOLE มาใช้งานร่วมกันเพื่อให้เป็นรองเท้าวิ่งระยะไกลสายสปีดทำความเร็ว เพิ่มความมั่นคง ดีไซน์สวยงามตามสไตล์ของเอสิกซ์
ส่วนบนเป็นผ้าตาข่าย Engineered Mesh ที่มีน้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี พื้นชั้นกลาง FLYTEFOAM ความนุ่ม พร้อมการตอบสนองที่ดี ที่มีความนุ่ม มีการวางแผ่นคาร์บอนติดพื้นมากขึ้น เพิ่มการสปริงตัวของปลายนิ้วเท้า ทำให้ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อได้ถึง 20% ทำให้เราประหยัดพลังงานในการวิ่งเพิ่มขึ้นได้ และถึงแม้รูปทรงจะดูบางแต่การซัพพอร์ตก็ยังทำได้ดีอยู่
ราคา 7,500 บาท
Hoka One One Rocket X
เป็นอีกรุ่นที่หลายๆ คนสนใจหลังจากการมาของ Hoka One One Carbon X ในปี 2019 ซึ่งรองเท้าวิ่งแผ่นคาร์บอนคู่นี้จะเน้นการทำความเร็วเป็นหลัก แต่ก็ยังมีการซัพพอร์ตและเน้นการไหลจากทรงโค้ง Meta-Rocker ทำให้การวิ่งระยะยาวที่ทำได้ดีอยู่
ส่วนบนผ้าตาข่าย Open Mesh ที่เน้นการระบายอากาศได้ดีและสวมใส่ได้สบาย พื้นชั้นกลาง EVA แบบใหม่ที่ปรับให้มีน้ำหนักเบาขึ้น นุ่มขึ้น และตอบสนองได้ดีขึ้น โดยพื้นชั้นกลางจะมีการใช้โฟม 2 ชั้น ชั้นบนจะมีความนุ่มมากกว่าโฟมชั้นล่าง โดยชั้นล่างจะงานเป็นพื้นชั้นนอกด้วยทำให้ตัวรองเท้ามีน้ำหนักที่เบา และในรุ่นนี้มีการใช้คาร์บอนไฟเบอร์หนา 1 มิลลิเมตรด้านใน ทำให้มีความแข็งแรงเพิ่มความมั่นคงและเสริมแรงส่งคืนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อขาไม่ได้บังคับเร่งทุกครั้งที่สวมใส่
ราคา 6,490 บาท
Hoka One One Carbon X 2
ต้อนรับต้นปีด้วยรองเท้าวิ่งแผ่นคาร์บอนรุ่นต่อยอดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในรุ่นแรกที่เปิดตัวออกมาในปี 2019 ในรุ่นใหม่นี้ยังคงมาในรูปแบบพื้นโค้ง Meta-Rocker แนวเดิม แต่มีการปรับปรุงใหม่ให้สวมใส่ได้สบายขึ้น เหมาะสำหรับการวิ่งระยะไกลที่ไกลกว่าระยะมาราธอน
ส่วนบนผ้าตาข่าย Engineered Mesh ที่แข็งแรงขึ้น มีการปรับบริเวณส้นเท้าเพื่อให้สวมใส่ได้ง่ายและซัพพอร์ตตรงเอ็นร้อยหวาย พื้นชั้นกลาง PROFLY ที่มีน้ำหนักเบา มีการตอบสนองและแรงส่งคืนที่ดี นุ่มขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ยังคงความเฟิร์มความแน่นอยู่ มาใน Meta-rocker พื้นโค้งแบบม้าโยกเช่นเคย พื้นชั้นกลางตรงส้นเท้ามียื่นออกมาเยอะกว่ารุ่นที่แล้ว พื้นชั้นนอกเป็น Rubberized EVA แบบรุ่นที่แล้ว แต่มีการลดปริมาณลง ทำให้ได้ปริมาณพื้นชั้นกลางที่มากขึ้น รวมถึงแผ่นคาร์บอนก็ติดพื้นมากขึ้นเช่นกัน ทำให้การสัมผัสพื้นมั่นคงมากขึ้นเพราะมีแผ่นคาร์บอนคอยเป็นคานให้อยู่ บวกกับพื้นทรงโค้งและแรงส่งคืนต่างๆ จากพื้นชั้นกลางก็จะช่วยให้เราทำความเร็วได้เป็นอย่างดี และมีรอบขาที่สมูธลื่นไหลอีกด้วย
ราคา 6,490 บาท
เป็นอย่างไรกันบ้างกับรองเท้าวิ่งที่มาพร้อมแผ่นคาร์บอนที่เราแนะนำทั้งหมด ใครที่กำลังมองหารองเท้าวิ่งสำหรับใส่ลงแข่งขันและต้องการมีแผ่นคาร์บอนช่วยเสริมความแรงก็ลองพิจารณาจากบทความนี้ดูนะครับ และทุกรุ่นก็มีการวางจำหน่ายในประเทศไทย ถึงแม้ ณ ปัจจุบันอาจจะมีหมดไปแล้วบ้างในบางไซส์ และสมาชิกบัตร KTC ก็สามารถดูโปรโมชั่นส่วนลดที่ร่วมกับร้านค้าพาร์ทเนอร์กันได้เลย