New Orleans หรือ Crescent City , ลุยเซียนา อเมริกา เมืองสวยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นเมืองท่าสำคัญที่ใหญ่ที่สุดทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐลุยเซียนา ตั้งชื่อตามฟิลิปป์ที่ 2 ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแห่งดยุคแห่งออร์เลอองส์ฝรั่งเศส ก่อนจะถูกส่งต่อให้สหรัฐอเมริกา ทำให้บรรยากาศภายในเมืองมีกลิ่นอายแบบฝรั่งเศสอย่างเด่นชัด อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมอันหลากหลาย มีชื่อเสียงในด้านการเป็นต้นกำเนิดของดนตรีเเจ๊ส แหล่งรวมอาหารสไตล์ครีโอลคลาสสิกแสนอร่อย มนต์ขลังทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม รวมไปถึงตำนานเรื่องลี้ลับกระฉ่อนโลก และเทศกาลสุดคึกคัก ชวนให้หลงใหลไปกับความหลากหลายในทุกมิติที่ใครก็ตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย
วิธีการเดินทางไปเมืองนิวออร์ลีนส์, ลุยเซียนา อเมริกา
เลือกบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) ไปยังเมืองใหญ่ในสหรัฐฯ ก่อน เช่น
- Los Angeles (LAX)
- San Francisco (SFO)
- New York (JFK)
- Seattle (SEA)
- Dallas (DFW)
- Chicago (ORD)
ต่อเครื่องจากเมืองหลักไปยัง New Orleans (MSY) เมืองนิวออร์ลีนส์มีสนามบินหลักคือ
Louis Armstrong New Orleans International Airport (MSY) ใช้เวลาบินภายในประเทศประมาณ 2-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเมืองต้นทาง
ไฮไลต์ของเมืองนิวออร์ลีน
1. แหล่งต้นกำเนิดเพลงแจ๊ส
หากคุณเป็นคนที่หลงใหลในดนตรีแจ๊ส ต้องมาที่นิวออร์ลีนส์ เพราะนอกจากที่นี่จะเป็นแหล่งต้นกำเนิดของวัฒนธรรมเพลงแจ๊สแล้ว ยังเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหลเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่สามารถฟังเสียงแซกโซโฟนและดนตรีแจ๊สบรรเลงได้ตลอดเวลาในระหว่างที่กำลังเดินชมบ้านเรือนสไตล์ฝรั่งเศสในย่าน French Quarter โดยตลอดสองข้างทางจะสามารถเห็นกลุ่มนักดนตรีมาตั้งวงเล่นเพลงแจ๊สกันอย่างคึกคัก รวมถึงยังมีแจ๊สบาร์ชื่อดังน่าเข้าไปนั่งจิบค็อกเทลพร้อมฟังดนตรีเพลิน ๆ กันหลายร้าน เช่น Preservation Hall คลับแจ๊สที่เก่าแก่ที่สุดในนิวออร์ลีนส์ และ Spotted Cat Music Club อีกหนึ่งแจ๊สบาร์ที่มีชื่อเสียง เป็นต้น
2. แหล่งรวมอาหารอร่อยขึ้นชื่อประจำรัฐ
นิวออร์ลีนส์ถือเป็นสวรรค์ของสายกินอย่างแท้จริง เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยร้านอาหารชื่อดังมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารสไตล์เคจุนที่ถือกำเนิดขึ้นจากกลุ่มคนฐานะยากจนในอดีตที่เน้นใช้สัตว์ทะเลและผัก 3 ชนิด ได้แก่ พริกหวาน หอมใหญ่ และเซเลอรี (Holy Trinity) เป็นวัตถุดิบหลัก หรือสไตล์ครีโอลคลาสสิกของชนชั้นสูงที่ให้กลิ่นอายแบบชาวฝรั่งเศสดั้งเดิม แต่ละร้านล้วนมีเมนูอร่อยเด็ดที่หลากหลายแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ปาท่องโก๋ฝรั่งเศส Beignet ที่ Café De Monde หรือ หอยนางรมย่างเนยที่ Drago’s และร้าน Acme หรือ เบอร์เกอร์ Po’Boy กุ้งทอดที่ร้าน Melba's Po Boys Boiled Crawfish ที่ร้าน Oceana Grill และห้ามพลาดลิ้มลองเมนูท้องถิ่นชื่อดังของรัฐลุยเซียนาอย่างซุปกงโบ Gumbo กันด้วย หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเมนูปีกไก่นิวออร์ลีนส์ที่เรารู้จักกันดีมีที่มาจากเมืองนี้ แต่ความจริงแล้ว ชื่อจริงของไก่นิวออร์ลีนส์คือ Buffalo Wing ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่เมือง Buffalo ในรัฐ New York เดิมทีเป็นเมนูปีกไก่ทอดธรรมดาทั่วไป แต่มีความพิเศษอยู่ที่ซอสราดสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมา และต่อมาได้มีการพัฒนาสูตรซอสราดต่าง ๆ ให้ถูกปากคนในแต่ละพื้นที่แตกต่างกันไป
3. ย่านสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสทรงเสน่ห์น่าหลงใหล
อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนตกหลุมรักนิวออร์ลีนส์คือย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนสไตล์ฝรั่งเศสสวยน่าหลงใหล ทั้งย่าน French Quarter ที่มีไฮไลท์สุดป๊อปอย่าง Jackson Square และย่าน Uptown & The Garden District ทางตอนใต้ของนิวออร์ลีนส์ เป็นที่ตั้งของบ้านเรือนหลากหลายสไตล์ตั้งเรียงรายอยู่ตามถนนที่มีร่มเงาของต้นโอ๊ก มักถูกเรียกว่า Oak Street มีตั้งแต่บ้านพักชั้นเดียวไปจนถึงคฤหาสน์เก่าแก่โอ่อ่า มีสวนหย่อมที่ตั้งอยู่ริมถนน St. Charles Avenue และ Lafayette Cemetery No. 1 สุสานเก่าแก่จากศตวรรษที่ 19 สถานที่ฝังหลุมศพของอดีตเจ้าเมืองทั้ง 7 ของรัฐนิวออร์ลีนส์ บรรยากาศลึกลับ น่าค้นหา นอกจากนี้ในย่านเมืองเก่าของนิวออร์ลีนส์ยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย เช่น National WW II Museum พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่สอง และ Whitney Plantation พิพิธภัณฑ์บ้านทาส เป็นต้น
4. ตำนานบ้านผีดุ เครื่องรางวูดู และเรื่องลี้ลับน่าค้นหา
เชื่อหรือไม่ว่านิวออร์ลีนส์ยังขึ้นชื่อที่สุดในอเมริกาเรื่องผีดุ ในอดีตชาวเมืองมักได้ยินเรื่องเล่าหรือได้เห็นสิ่งประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวในสารพัดรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องผีดูดเลือด เรื่องการตายของทาสจำนวนมาก ไปจนถึงคำสาปจากโรคระบาดร้ายแรงที่คร่าชีวิตชาวเมืองไปหลายหมื่นคน โดยผีที่หลายคนรู้จักคือ มารี ลาโว ผู้นำลัทธิวูดูที่มีชื่อเสียงในช่วงค.ศ. 1800 ที่ได้รับความศรัทธาอย่างแรงกล้า ว่ากันว่าเธอทราบความเคลื่อนไหวทั้่งหมดและทุกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมือง จนทำให้ชาวเมืองหลายคนหันกลับไปบูชา “ศาสนาวูดู” ซึ่งเป็นศาสนาพื้นเมืองของชาวเฮติและชาวเมืองนิวออร์ลีนส์ที่แสดงออกถึงความเชื่อ ค่านิยม ที่ยึดถือมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน โดยศาสนาวูดูจะนับถือเทพเจ้าและวิญญาณเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีพิธีกรรมสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า มีการใช้เครื่องดนตรีในการประกอบพิธีกรรม พวกเขาเชื่อว่าแต่ละคนล้วนมีวิญญาณอยู่ในร่างกาย และมันมีหน้าที่ควบคุมร่างกาย การมีจิตวิญญาณจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าวิญญาณสามารถพูดแทนพระเจ้าหรือคนตายได้ รวมถึงสามารถช่วยในการรักษาอีกด้วย แนวคิดเรื่องตุ๊กตาจึงกลายมาเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงจิตวิญญาณระหว่างกัน ปัจจุบันผู้คนบางส่วนยังคงบูชาตุ๊กตาวูดู เพราะเชื่อว่าเป็นเครื่องรางที่คอยปกปักรักษา เหมือนเสาค้ำชูชีวิต ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด และคิดว่าตุ๊กตาวูดูเป็นของสาปแช่งที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย บ้านผีดุที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ The Lalaurie Mansion คฤหาสน์ที่เป็นสมบัติตกทอดของเดลฟีน ลอรี่ หญิงชาวอเมริกันชั้นสูง ว่ากันว่าเธอทรมานและฆ่าทาสผิวสีตายไปมากกว่าร้อยศพ จนกระทั่งเกิดไฟไหม้ในปีค.ศ. 1834 เมื่อนักดับเพลิงเข้าไปดับไฟก็ได้พบกับศพของทาสทั้งชายและหญิงถูกล่ามโซ่ และทำให้พิการเป็นจำนวนมาก จากนั้นชาวเมืองก็มักจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนมาจากคฤหาสน์แห่งนี้กันเรื่อยมา จนกลายเป็นที่มาของภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง The Conjuring
5. เทศกาล Mardi Gras สุดคึกคักประจำปี
หนึ่งในสัญลักษณ์ของนิวออร์ลีนส์คือ เทศกาล Mardi Gras เทศกาลเฉลิมฉลองที่โด่งดังของโลก จัดขึ้นครั้งแรกในค.ศ. 1857 Mardi Gras มีความหมายในภาษาฝรั่งเศสว่า Fat Tuesday โดยจะจัดขึ้นในวันอังคารก่อนวัน Ash Wednesday ผู้คนจะออกมาเดินขบวนพาเหรดหน้ากากแฟนซีหลากสีสัน และจะร่วมฉลองกันในวันสุดท้ายก่อนจะเริ่มถือศีลอด โดยไฮไลท์ของงานคือ การโยนสร้อยลูกปัดจากขบวนรถพาเหรดให้ผู้ชมข้างทางเก็บอย่างสนุกสนาน
6. แหล่งรวมความเป็นที่สุดของอเมริกา
นิวออร์ลีนส์ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเป็น “ที่สุด” ของอเมริกาและของโลกเอาไว้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สะพานข้ามทะเลสาบที่ยาวที่สุดในโลกอย่าง The Lake Pontchartrain Causeway ด้วยความยาวถึง 23.83 ไมล์ หรือรถรางสาย St. Charles Streetcar รถรางที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่เปิดให้บริการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1835 หรือ Canal Street ถนนสายหลักของนิวออร์ลีนส์ที่มีความกว้างมากที่สุดในอเมริกา และ St. Louis Cathedral โบสถ์โรมันคาทอลิคที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1718 ก่อนจะถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ในค.ศ. 1788 จากนั้นจึงได้มีการบูรณะสร้างใหม่ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ยูโรเปียนและขยายตัวอาคารให้ยิ่งใหญ่อลังการมาจนถึงปัจจุบัน
7. ดินแดนแห่งจระเข้ Alligator และนก Pelican
ด้วยภูมิประเทศของรัฐหลุยเซียนาที่มีหนองน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้นิวออร์ลีนส์เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำหลายสายพันธุ์ เช่น จระเข้สายพันธุ์เล็ก Alligator และนก Pelican หรือนกกระทุง ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงไม่ต้องแปลกใจหากจะสามารถพบเห็นสัตว์แปลกเหล่านี้ได้ตามแหล่งน้ำทั่วไป รวมถึงเห็นพ่อค้าแม่ค้าที่นำชิ้นส่วนต่าง ๆ ของสัตว์เหล่านี้มาทำเป็นสินค้าของฝากวางขายที่ตลาด French Market กันอย่างคึกคักอีกด้วย
โรงแรม/ที่พักในนิวออร์ลีนส์
1. Maison de la Luz
ที่พักสุดหรูสไตล์มินิมอลร่วมสมัยในโทนสีขาว - ดำ ให้ความรู้สึกราวกับกำลังนอนพักอยู่ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความหรูหราทรงคุณค่าแบบอียิปต์โบราณ
Address: 546 Carondelet Street, New Orleans, Louisiana, USA
Website: www.maisondelaluz.com
2. Ace Hotel
ความหรูหรามีระดับ ใจกลางย่าน Central Business District แสนสะดวกสบาย ตกแต่งสวยทรงคุณค่าด้วยการผสมผสานสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสเข้ากับกลิ่นอายของนิวออร์ลีนส์ได้อย่างลงตัว
Address: 600 Carondelet Street, New Orleans, Louisiana, USA
Website: www.acehotel.com/new-orleans
นิวออร์ลีนส์ เมืองหลากวัฒนธรรมสุดคลาสสิกแห่งรัฐหลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา คือจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ทั้งดนตรีแจ๊สที่ขับกล่อมตลอดวัน อาหารครีโอลรสเลิศ สถาปัตยกรรมฝรั่งเศสอันงดงาม เรื่องเล่าลี้ลับของวูดู และเทศกาล Mardi Gras สุดคึกคัก หากคุณกำลังวางแผนไปสัมผัสบรรยากาศเมืองแห่งสีสันและมนต์ขลังนี้ อย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินและที่พักผ่านบัตรเครดิต KTC เพื่อความคุ้มค่าในทุกการเดินทาง และหากวันนี้ยังไม่มีบัตรเครดิต KTC ก็สามารถเลือกสมัครบัตรที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตสะสมไมล์ บัตรเติมน้ำมัน หรือบัตรเครดิตสำหรับเที่ยวต่างประเทศ ให้ทุกทริปของคุณเต็มไปด้วยความสะดวกและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
เที่ยวอเมริกาคุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC