ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภูมิภาค Kansai ได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยที่หลงใหลในวัฒนธรรม อาหาร และความงดงามของธรรมชาติแบบญี่ปุ่นแท้ๆ เที่ยว Kansai ไม่เพียงแต่จะให้คุณได้สัมผัสกลิ่นอายของญี่ปุ่นโบราณในเมืองเกียวโต หรือสัมผัสชีวิตเมืองที่ไม่เคยหลับใหลอย่างโอซาก้า แต่ยังรวมไปถึงการเดินทางสำรวจเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละจังหวัด
ภูมิภาค Kansai (คันไซ) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ประกอบด้วย 7 จังหวัดหลัก ได้แก่ โอซาก้า, เกียวโต, เฮียวโงะ, นารา, ชิกะ, วากายามะ และมิเอะ ซึ่งแต่ละแห่งมีสิ่งที่แตกต่างและน่าสนใจให้ค้นหา บทความนี้จะเป็นคู่มือพาคุณไปรู้จักแต่ละจังหวัด พร้อมเคล็ดลับการเดินทาง และแนะนำสายการบินที่พาคุณสู่ Kansai ได้อย่างสะดวกสบายและคุ้มค่า
โอซาก้า (Osaka): เมืองที่ไม่เคยหลับใหล
โอซาก้าเป็นเมืองหลักของ Kansai และเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ความทันสมัยผสมผสานกับกลิ่นอายประวัติศาสตร์ทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ:
- ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) – สัญลักษณ์แห่งเมืองโอซาก้าที่งดงามทั้งกลางวันและกลางคืน
- ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) – แหล่งกิน เที่ยว ช้อปชื่อดัง มีป้ายกูลิโกะอันโด่งดัง
- Umeda Sky Building – จุดชมวิวสูงเสียดฟ้า ชมเมืองโอซาก้าแบบพาโนรามา
- ตลาดคุโรมง (Kuromon Ichiba Market) – แหล่งรวมอาหารทะเลสด ผลไม้ และของกินท้องถิ่น
- Universal Studios Japan – สวนสนุกระดับโลกที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
ของกินต้องลอง:
- ทาโกยากิ: ลูกชิ้นปลาหมึกกรอบนอกนุ่มใน
- โอโคโนมิยากิ: พิซซ่าญี่ปุ่นที่ใส่ผัก เนื้อ และซอสเข้มข้น
- คัตสึด้ง: ข้าวหน้าหมูทอดราดไข่แบบต้นตำรับโอซาก้า
แหล่งช้อปปิ้ง:
- ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi): ย่านช้อปสุดฮิตที่เต็มไปด้วยร้านแบรนด์ญี่ปุ่นและสากล
หากคุณต้องการเดินทางตรงมาที่โอซาก้าเพื่อเริ่มต้นทริป Kansai แนะนำให้จองตั๋วผ่าน Peach Air ที่ให้บริการบินตรงจากไทยสู่สนามบินคันไซ (KIX) พร้อมโปรโมชั่นราคาประหยัด
เกียวโต (Kyoto): เมืองแห่งวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
หากโอซาก้าคือความมีชีวิตชีวา เกียวโตคือความสงบงามและลึกซึ้งในวัฒนธรรม
สถานที่ท่องเที่ยว:
- วัดทอง คินคะคุจิ (Kinkaku-ji) – วัดปิดทองอร่ามกลางสวนสวย
- ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha) – ทางเดินเสาโทริอิสีแดงที่สวยจนกลายเป็นไอคอน
- อาราชิยามะ (Arashiyama Bamboo Grove) – ป่าไผ่สุดโรแมนติก
- วัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera) – วัดโบราณบนเนินเขาพร้อมวิวเมืองเกียวโต
- ย่านกิอง (Gion) – แหล่งเกอิชาและบ้านไม้โบราณ
ประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด:
- แต่งชุดกิโมโน และเดินถ่ายรูปตามวัดโบราณ
- พิธีชงชา และเวิร์กช็อปการทำขนมญี่ปุ่น
เกียวโตคือเมืองที่คุณควรใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 วัน เพื่อซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้ๆ
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.japan.travel/
เฮียวโงะ (Hyogo): เมืองโกเบและธรรมชาติที่งดงาม
สถานที่ท่องเที่ยวหลัก:
- สะพานอะคาชิ ไคเคียว (Akashi Kaikyo Bridge) – สะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก
- วัดเอ็นเกียวจิ (Engyo-ji Temple) – วัดบนภูเขาใช้ถ่ายภาพยนตร์ Last Samurai
- โกเบฮาร์เบอร์แลนด์ (Kobe Harborland) – แหล่งช้อปปิ้งและเดินเล่นริมอ่าว
- ภูเขาร็อคโกะ (Mount Rokko) – จุดชมวิวและสวนพฤกษศาสตร์
- อาริมะออนเซ็น (Arima Onsen) – แหล่งออนเซ็นชื่อดังอายุเก่าแก่
ของขึ้นชื่อ:
- สเต็กโกเบ: เนื้อวากิวระดับพรีเมียมของแท้ต้นตำรับ
- โกเบฮาร์เบอร์แลนด์: ศูนย์การค้าและแหล่งพักผ่อนริมทะเล
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.visitnara.jp/
นารา (Nara): เมืองประวัติศาสตร์แห่งธรรมชาติ
นาราเคยเป็นเมืองหลวงแรกของญี่ปุ่น และมีความสำคัญทั้งในเชิงประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณ
ห้ามพลาด:
- วัดโทไดจิ (Todai-ji) – มีพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- สวนกวางนารา (Nara Park) – เดินเล่นกับกวางที่เป็นมิตร
- วัดคาสุงะ ไทฉะ (Kasuga Taisha) – วัดที่มีโคมไฟหินและทองแดงนับพัน
- พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา – จัดแสดงโบราณวัตถุทางพุทธศาสนา
- ย่านนารามาจิ (Naramachi) – ย่านเมืองเก่าที่คงเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมยุคเอโดะ
ชิกะ (Shiga): ธรรมชาติริมทะเลสาบ
จุดเด่น:
- ทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) – ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
- ปราสาทฮิโคเนะ (Hikone Castle) – หนึ่งในปราสาทดั้งเดิมที่ยังสมบูรณ์
- ศาลเจ้าโอมิโอะ (Omi Jingu) – ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์และสวยงามมากในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
- เกาะชิราคิ (Chikubu Island) – เกาะศักดิ์สิทธิ์ในทะเลสาบบิวะ
- เส้นทางเดินเขาฮานะเสะ (Hieizan Enryakuji Trail) – เส้นทางธรรมชาติสวยบนภูเขา
วากายามะ (Wakayama): ธรรมชาติและจิตวิญญาณ
สถานที่ท่องเที่ยวหลัก:
- วัดคอนโกบุจิ (Kongobu-ji) – วัดหลักของศาสนาพุทธนิกายชินงอน
- สุสานโอกุโนะอิน (Okunoin) – แหล่งฝังศพนักบวชและผู้นับถือศาสนาพุทธ
- ศาลเจ้าคุมาโนะ (Kumano Nachi Taisha) – หนึ่งในศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ในเส้นทางแสวงบุญ
- ชิราฮามะ (Shirahama Beach) – ชายหาดขาวสะอาด พร้อมน้ำพุร้อนธรรมชาติ
- น้ำตกนาจิ (Nachi Falls) – น้ำตกสูงที่สุดในญี่ปุ่น
มิเอะ (Mie): เสน่ห์ทะเลและจิตวิญญาณ
ที่เที่ยวสำคัญ:
- ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu) – ศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในญี่ปุ่น
- หมู่บ้านอามะ (Ama divers) – หญิงดำน้ำแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น
- เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ (Mikimoto Pearl Island) – แหล่งเรียนรู้การผลิตไข่มุก
- สวนสนุกชิมะสเปนมูระ (Shima Spain Village) – สวนสนุกธีมสเปนที่เหมาะกับครอบครัว
- ถ้ำอะโอะชิมะ (Ao-shima Sea Cave) – ถ้ำหินริมทะเลที่สวยงามแปลกตา
การเดินทางในภูมิภาค Kansai: ทริคและเคล็ดลับสำหรับนักท่องเที่ยว
ภูมิภาค Kansai มีโครงสร้างระบบคมนาคมที่เชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเดินทางข้ามเมืองหรือเที่ยวภายในเมืองใหญ่ เช่น โอซาก้า หรือ เกียวโต ก็สามารถทำได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วผ่านเครือข่ายรถไฟ รถบัส และระบบบัตรโดยสารแบบพาสต่างๆ
การเดินทางระหว่างเมืองหลักใน Kansai
การเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดใน Kansai เช่น โอซาก้า – เกียวโต – นารา – โกเบ (เฮียวโงะ) – วากายามะ – ชิกะ – มิเอะ สามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วยรถไฟเป็นหลัก โดยใช้บริการของบริษัทดังนี้:
รถไฟ JR (Japan Railways)
- JR West เป็นเครือข่ายหลักในภูมิภาค Kansai
- ขบวนที่น่าสนใจ ได้แก่
- JR Special Rapid Service: เดินทางเร็วจากโอซาก้าไปเกียวโต โกเบ หรือฮิเมจิ
- Haruka Express: จากสนามบินคันไซเข้าสู่เกียวโต หรือเทนโนจิในโอซาก้า
รถไฟเอกชน (Private Railways)
- Keihan Railway: เด่นเรื่องเดินทางระหว่างเกียวโตและโอซาก้า
- Kintetsu Railway: เหมาะสำหรับเดินทางไปนารา วากายามะ หรือมิเอะ
- Hankyu Railway / Hanshin Railway: ดีสำหรับเดินทางในเส้นทางโอซาก้า – เกียวโต – โกเบ
บัตรโดยสารและพาสที่ช่วยให้คุณเดินทางคุ้มค่ามากขึ้น
JR Kansai Area Pass
- ใช้ได้กับรถไฟ JR ในพื้นที่ Kansai
- มีแบบ 1, 2, 3 หรือ 4 วัน
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเดินทางระหว่างจังหวัดบ่อย ๆ
Kansai Thru Pass
- ใช้กับรถไฟใต้ดิน รถบัส และรถไฟเอกชน (ไม่รวม JR)
- คุ้มค่าสำหรับคนที่ต้องการเที่ยวในเมือง เช่น โอซาก้า เกียวโต นารา แบบเจาะลึก
- มีแบบ 2 วัน และ 3 วัน
ICOCA Card (หรือ Suica/Pasmo จากโตเกียวก็ใช้ได้)
- บัตรเติมเงินสำหรับรถไฟ รถบัส ร้านสะดวกซื้อ
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกแบบจ่ายตามจริง
- ใช้ได้ทั่วญี่ปุ่น
การเลือกที่พักให้เหมาะกับแผนการเดินทาง
การวางแผนที่พัก มีผลต่อเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางภายใน Kansai:
พักที่โอซาก้า
- เหมาะเป็นศูนย์กลางเดินทางไปยังเมืองอื่น (เช่น เกียวโต, โกเบ, นารา)
- สถานีแนะนำ: Namba, Umeda, Shin-Osaka
พักที่เกียวโต
- เหมาะสำหรับคนที่อยากเจาะลึกวัดและวัฒนธรรม
- บรรยากาศสงบ โรแมนติก เหมาะกับการเที่ยวแบบช้า ๆ
พักที่นาราหรือโกเบ
- หากอยากหลีกเลี่ยงความวุ่นวายของเมืองใหญ่
- ใช้เป็นจุดพักก่อนเดินทางต่อไปวากายามะหรือมิเอะ
ทริคการเดินทางให้คุ้มค่าและสนุกยิ่งขึ้น
- วางแผนเส้นทางล่วงหน้า ด้วยแอปอย่าง Google Maps, NAVITIME หรือ Japan Travel
- เลือกพาสตามแผนที่วางไว้ ไม่จำเป็นต้องซื้อแพงที่สุดเสมอไป
- ใช้รถไฟเป็นหลัก เพราะเร็วกว่ารถบัสในหลายกรณี ยกเว้นพื้นที่ห่างไกล
- โหลดแอป Suica หรือ ICOCA ลงมือถือ สำหรับแตะจ่ายแบบ cashless
- หากมีแผนเดินทางจากไทยเข้าสู่ Kansai แนะนำให้เลือก สนามบิน Kansai International Airport (KIX) เพื่อเข้าสู่ใจกลางภูมิภาคได้ง่ายที่สุด
สายการบิน Peach Air ทางเลือกที่สะดวก คุ้มค่า และเหมาะกับนักท่องเที่ยว
การเดินทางจากประเทศไทยไปยัง Kansai ไม่เคยง่ายเท่านี้!
ทำไมต้องเลือก Peach Air?
- บินตรงสู่สนามบิน Kansai (KIX) จากกรุงเทพฯ
- ราคาประหยัด เหมาะกับทั้งนักเดินทางเดี่ยว คู่รัก หรือครอบครัว
- มีตัวเลือกบริการเสริม เช่น โหลดสัมภาระล่วงหน้า เลือกที่นั่ง และ Wi-Fi onboard
โปรโมชั่นสายการบิน Peach กับบัตรเครดิต KTC
คุ้มที่ 1: รับส่วนลดสูงสุด 500 บาท ไป โอซาก้า
เพียงกรอกโค้ด (Promo Code) : MMKTCS25
เมื่อจองผ่านเว็บไซต์ https://www.flypeach.com/th
ระยะเวลาจอง : 1 พ.ค. 68 – 30 มิ.ย. 68
ระยะเวลาเดินทาง : 1 มิ.ย. 68 – 25 ต.ค. 68
หากคุณกำลังวางแผน เที่ยว Kansai อย่าพลาดที่จะจองตั๋วกับ Peach Air เพื่อเริ่มต้นทริปอย่างประหยัดและสะดวกสบาย
Kansai คือภูมิภาคที่ให้คุณได้มากกว่าการเที่ยวธรรมดา ทั้งวัดโบราณ เมืองสมัยใหม่ อาหารอร่อย และธรรมชาติที่งดงาม ทุกจังหวัดในภูมิภาคนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และการเริ่มต้นเดินทางด้วยสายการบินคุณภาพอย่าง Peach Air จะช่วยให้คุณประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณ
และเพื่อให้การท่องเที่ยวของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น อย่าลืมพกบัตรเครดิต KTC ไปด้วย! ด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษที่ให้คุณรับคะแนน KTC FOREVER 2 เท่า สำหรับทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรในสกุลเงินต่างประเทศ (ยกเว้นบางประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรปและจีน) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68 ไม่มีการจำกัดยอดรับคะแนนสูงสุด และที่สำคัญ คะแนนไม่มีวันหมดอายุ! พกบัตร KTC ไปให้ครบ รับคะแนนเพิ่มไปใช้จ่ายได้ยาว ๆ ตลอดปี! ถ้ายังไม่มีบัตร สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ ได้เลย
เที่ยวญี่ปุ่น นึกถึงบัตรเครดิต KTC