Time Travel to the Silk Road in Uzbekistan เส้นทางสายไหมที่อุซเบกิสถาน

อามีร์ ติมูร์ (Armir Timur) จอมทัพผู้ยิ่งใหญ่เชื้อสายมองโกลเติร์ก สืบเชื้อสายมาจากเจงกิสข่าน ถือเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างชาติของอุซเบกิสถานในปัจจุบัน จอมข่านติมูร์เป็นผู้พิชิตเอเชียตะวันตกและใต้ ขยายอาณาจักรสร้างความยิ่งใหญ่ในดินแดนเอเชียกลางในช่วงศตวรรษที่ 13-14 และได้ก่อตั้งอาณาจักรติมูร์ โดยมีเมืองซามาร์คันด์เป็นเมืองหลวง จอมข่านติมูร์คือต้นตระกูลของราชวงศ์โมกุลที่สร้างทัชมาฮาล จักรพรรดิบาบูร์ต้น ราชวงศ์โมกุลคือพระราชนัดดาของจอมข่านผู้นี้

ด้วยภูมิประเทศที่มีธรรมชาติอันงดงามและร่องรอยอดีตที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าสมัยโบราณเนิ่นนานกว่า 2,500 ปี ทำให้สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน มีเสน่ห์เปี่ยมด้วยมนต์ขลัง ดินแดนสำคัญบนเส้นทางสายไหมแห่งนี้ถือเป็นอู่อารยธรรมของเอเชียกลางมีรูปแบบวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างเอเชียและยุโรป มีเมืองมรดกโลกที่ทรงคุณค่าน่าไปเยือนถึง 4 แห่งคือ เมืองทาชเคนท์เมืองซามาร์คันด์ เมืองคีว่า และเมืองบุคคารา ความสวยงามมหัศจรรย์ของอุซเบกิสถาน คือสถานที่อัศจรรย์ ทำให้นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกหลั่งไหลเข้ามาตามรอยเส้นทางอารยธรรมอันน่าหลงใหลแห่งนี้ My World ฉบับนี้จะพาไปรู้จักเมืองซามาร์คันด์ และเมืองโบราณคีว่า สองเมืองประวัติศาสตร์สำคัญสุดอลังการของอุซเบกิสถาน

มีเที่ยวบินของสายการบินอุซเบกิสถาน แอร์เวย์จากสนามบินสุวรรณภูมิไปสนามบินทาชเคนท์ (เมืองหลวงของอุซเบกิสถาน) ให้บริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน (จันทร์ อังคาร พุธ) ใช้เวลาประมาณ 7 ชม. จากสนามบินทาชเคนท์ต่อเครื่องบินไปยังซามาร์คันด์ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. BANGKOK >> TASHKENT(ต่อเครื่อง) >> SAMARKAND

ซามาร์คันด์ เมืองต้นกำเนิดนิยายอาหรับราตรี เป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากเมืองหลวงทาชเคนท์ เคยเป็นเมืองหลวงเก่าในช่วงปี พ.ศ. 2457 – 2473 มีความสำคัญอย่างมาก ในอดีตในฐานะของเมืองที่ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าระหว่างจีนและตะวันตก หรือที่เรียกว่า เส้นทางสายไหม (Silk Road) ส่งผลให้ซามาร์คันด์กลายเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เมืองหนึ่งของภูมิภาคเอเชียกลาง และเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เพิ่งจะฉลองครบรอบ 2,760 ปี ไปเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ซามาร์คันด์ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากยูเนสโกและได้รับสมญานามว่า “The City of Blue Domes”

จัตุรัสกลางเมืองซามาร์คันด์ได้รับการกล่าวขานว่ามีความงดงามที่สุดในเอเชียกลาง ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสีฟ้าตัดขอบด้วยสีเหลืองรายล้อมด้วยโรงเรียนสอนศาสนาขนาดใหญ่มหึมาทั้ง 3 ด้าน ยิ่งใหญ่อลังการงดงาม ด้วยศิลปะอิสลามที่ได้รับอิทธิพลจากเปอร์เซีย

ADDRESS /// REGISTAN ST, SAMARKAND

กูร์ อิมีร์ เป็นทั้งมัสยิดและสุสาน ที่ประกอบด้วยโดมกลีบมะเฟืองสีเขียวอมฟ้า ทั้งหมด 64 กลีบ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1947 โดยจอมข่านติมูร์ เพื่อมอบให้พระนัดดาคนโปรดคือ โมฮัมหมัด ซุลตาน (Mohammed Sultan) ที่สิ้นพระชนม์ลง ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่หลังจากสร้างเสร็จได้เพียงปีเดียว จอมข่านอามีร์ ติมูร์ ก็มาสิ้นพระชนม์ระหว่างการเคลื่อนทัพไปกรุงปักกิ่ง สุสานแห่งนี้จึงกลายเป็นที่ฝังพระศพของท่านไปด้วย นอกจากนี้สุสานแห่งนี้ยังถูกใช้ฝังพระศพของพระโอรสอีกสองพระองค์และกลายเป็นสุสานหลวงแห่งราชวงศ์ติมูริดไปในที่สุด

ADDRESS /// GUR-E AMIR COMPLEX, SAMARKAND

หอดูดาวอุลุกเบก ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองซามาร์คันด์ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 3 กม. มีรูปปั้นอุลุกเบกอยู่ด้านหน้าทางเข้า ที่นี่เป็นหอดูดาวเก่าแก่ที่กษัตริย์ยอดนักดาราศาสตร์ของโลก “อุลุกเบก” หลานปู่ของติมูร์ ทรงสร้างไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 1937 นอกจากนี้ยังมีอาคารพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้านักท่องเที่ยวเข้าชมอุปกรณ์ดูดาวของกษัตริย์อุลุกเบก และศึกษาดาราศาสตร์กันอย่างสนุกสนาน ค่าเข้าชม ราคา 12,000 ซอม (ประมาณ 45 บาท)

ADDRESS /// ULUGH BEG OBSERVATORY, TASHKENT RD, SAMAR KAND

จากเมืองซามาร์คันด์เราจะพาทุกคนบินลัดฟ้าไปยังเมืองอูร์เก้นซ์ แล้วนั่งรถไฟความเร็วสูงสาย 1A ต่อ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 35 กม. มุ่งสู่เมืองคีว่า อีกหนึ่งเมืองมรดกโลกที่ควรคาแก่การไปเยือน

SAMARKAND >> URGENCH(ต่อรถไฟ) >> KHIVA

คีว่า เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึงแสนคน มีสมญานามว่า “นครแห่งโดมพันโดม” หรือ “อาหรับราตรี” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศอุซเบกิสถาน ในอดีตคีว่าเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโบราณคอริซึม (Khorezm) ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นโคราซม์ (Xorazm) มีชื่อเสียงทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียกลาง มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมืองเก่าที่มีความสมบูรณ์แบบทางศิลปะและวัฒนธรรม คือปราสาทเก่าแก่ขนาดใหญ่ “Ichon Qala” ที่สร้างขึ้นโดย อิสลามโคจา (Islam Khoja) ผู้มีบทบาทในการดูแล และเผยแพร่ศาสนา เป็นที่พักแห่งสุดท้ายของกองคาราวาน ก่อนข้ามทะเลทรายเข้าสู่อิหร่าน แม้ว่าจะมีซากโบราณเหลืออยู่ไม่มากนักแต่ก็ยังได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างต่อเนื่อง

ADDRESS /// ITCHAN KALA, KHIVA

หอคอยอีกแห่งที่โดดเด่นภายใน Ichon Qala ได้แก่ Juma Minaret มีความสูงถึง 47 เมตร ที่ฐานของหอคอย Juma Minarate เป็นทางเข้าของ Juma Mosque มัสยิดขนาดใหญ่ใจกลางเมืองเก่า ความพิเศษคือ เพดานสวย ไม่มีซุ้มประตูโค้งเหมือนมัสยิดทั่วไป มีเสาไม้แกะสลักค้ำยันจำนวน 218 ต้น แต่ละต้นสูง 3.15 เมตร ในอดีตอาณาจักรคอริซึม เคยถูกรุกราน เสาไม้ดังกล่าวได้รับความเสียหายเหลือเพียง 17 เสา แต่ได้มีการบูรณะมาตลอด

ADDRESS /// JUMA MINARET, ICHON QALA, KHIVA

สิ่งแรกที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เมื่อเดินเข้ามาในกำแพงเมือง และเป็นหนึ่งใน Landmark ของเมืองคีว่าคือ Kalta Minor Minaret หอคอยสีเขียวประดับประดาอย่างสวยงามด้วยกระเบื้องเคลือบ หอคอยนี้สร้างในปี ค.ศ. 1851 โดย Mohummed Amin Khan ซึ่งทรงต้องการสร้างให้สูงราว 110 ม. ให้สามารถมองเห็นเมืองบุคคาราที่อยู่ห่างออกไปกว่า 400 กม. ได้ และเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่พระองค์ได้สิ้นพระชนม์ไปเสียก่อน หอนี้จึงเป็นแค่หอสั้นสูงเพียง 26 ม.

ADDRESS /// KALTA MINOR, ICHON QALA, KHIVA

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเป็นป้อมปราการผสมฮาเร็ม ภายในลานโล่งใจกลาง Ichon Qala ถือเป็น “นครภายในนคร” มีกำแพงสูงกั้นไว้อีกชั้น ภายในมีสุเหร่าของข่าน ท้องพระโรงตำหนัก ฯลฯ มีลวดลายสถาปัตยกรรมสวยงาม

ADDRESS /// KUNYA ARK, ICHON QALA, KHIVA

โรงเรียนสอนศาสนา Mohummed Amin Khan Medresah ตั้งอยู่บริเวณข้างๆ หอคอย Kalta Minor Minaret ในอดีตเคยเป็นโรงเรียนสอนศาสนาขนาดใหญ่ที่สุดในคีว่า มีจุดเด่นคือประตูทางเข้าขนาดใหญ่ และโดมทรงกระบอกที่ประดับด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินเข้ม ถือเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงามจุดหนึ่งใน Ichon Qala เลยก็ว่าได้ ปัจจุบันถูกบูรณะและเปลี่ยนเป็นโรงแรม

ADDRESS /// MOHAMMED AMIN KHAN MADRASSAH, ICHON QALA, KHIVA