เปิดวาร์ปเมืองน่าเที่ยวในเวียดนาม สะดวกสบาย เดินทางง่าย
หากพูดถึงประเทศที่เดินทางท่องเที่ยวง่าย ไม่ไกลจากไทยมากนัก ทั้งยังรวมครบด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายทั้งทะเล ภูเขา โบราณสถาน และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สวยงาม “เวียดนาม” คงเป็นลิสต์ประเทศแรก ๆ ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยกำลังให้ความสนใจ เพราะนอกจากเวียดนามจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่เดินทางได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ค่าครองชีพต่าง ๆ เช่น ค่าอาหาร ค่าที่เที่ยว ค่าเดินทาง ฯลฯ ส่วนใหญ่ค่อนข้างถูกกว่าค่าครองชีพในไทยพอสมควร
ที่สำคัญเมืองซาปาในประเทศเวียดนาม ยังเป็นเมืองที่มีหิมะสีขาวโพลนสุดโรแมนติกรอต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวอีกด้วย ดังนั้นใครมีแพลนท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยงบประมาณจำกัดและอยากชมวิวหิมะสวย ๆ อย่ารอช้า รีบจองตั๋วเครื่องบินเปิดวาร์ปที่เที่ยวเวียดนามพร้อม KTC ได้เลย
เที่ยวเวียดนามเดือนไหนดี? เช็คให้ชัวร์ก่อนเดินทาง
หลายคนที่เคยอ่านรีวิวเที่ยวเวียดนามคงพอทราบกันมาบ้างว่าเวียดนามมีภูมิประเทศที่หลากหลาย มีครบทั้งฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูแล้ง ฤดูฝน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว โดยภูมิภาคของเวียดนามแบ่งออกเป็น 3 ภูมิภาค ได้แก่ เวียดนามเหนือ เวียดนามกลาง เวียดนามใต้ และหากต้องการท่องเที่ยวเวียดนามด้วยฤดูที่ชื่นชอบจำเป็นต้องไปให้ตรงเดือนเพื่อไม่ให้พลาดโอกาส ดังนี้
- ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม - พฤษภาคม ในช่วงนี้จะมีอากาศที่เย็นสบายแต่มีฝนตกบ้างเล็กน้อย จึงทำให้อากาศส่วนใหญ่ค่อนข้างชื้น แต่หากใครที่ชื่นชอบธรรมชาติช่วงนี้เหมาะสมที่สุด เพราะมีความเขียวขจีของต้นใบไม้หญ้ารอต้อนรับอย่างเต็มที่ สำหรับโซนที่เหมาะสำหรับการทองเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิคือเวียดนามเหนือ
- ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน - สิงหาคมจะเป็นช่วงที่เวียดนามเข้าสู่ฤดูร้อนแบบเป็นทางการ โดยอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 27 – 34 องศา แต่บางปีอาจมีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้อาจมีฝนตกบ้างประปรายแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวมากเท่าไหร่ ใครชื่นชอบหาดทรายและทะเลสวย ๆ ฤดูร้อนถือว่าเหมาะที่สุดแล้ว
ฤดูร้อนเวียดนามอุณหภูมิสูงและฝนตกเล็กน้อย
- ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายน เป็นฤดูใบไม้ร่วงของเวียดนาม ในช่วงนี้อากาศมีความเย็นสบายและน่าเที่ยวมากที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 24 – 27 องศา มีฝนตกน้อยมาก ท้องฟ้าปลอดโปร่งไม่รบกวนการท่องเที่ยว
- ฤดูหนาว เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์จะมีอากาศที่หนาวเย็นในรอบปี และหากถามว่าเวียดนามมีหิมะไหมและเวียดนามหิมะตกเดือนไหน คำตอบคือเวียดนามมีหิมะตกทางตอนเหนือ โดยอุณหภูมิฤดูหนาวอยู่ที่ประมาณ 8 – 20 องศาตามแต่สภาพพื้นที่ ใครอยากสัมผัสอากาศหนาวในเอเชียรับรองว่าเวียดนามตอบโจทย์ได้ดีไม่แพ้ที่ไหน ๆ
- ฤดูฝน เวียดนามจะมีฝนตกในช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม และแม้ว่าฤดูฝนอาจสร้างความเฉอะแฉะให้กับการท่องเที่ยว แต่กลับเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดสำหรับการชมความงามและความเขียวชอุ่มของไร่นาขั้นบันไดอันเป็นจุดเด่นของเวียดนามเหนือ
- ฤดูแล้ง ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนของทุกปี เวียดนามกลางและเวียดนามใต้จะเข้าสู่ช่วงฤดูแล้ง โดย 2 โซนนี้เหมาะมากสำหรับการท่องเที่ยว เพราะนอกจากจะไม่มีสายฝนตกลงมากวนใจแล้ว อุณหภูมิยังอยู่ที่ประมาณ 21 – 25 องศาเท่านั้น ใครวางแผนเที่ยวเวียดนามแบบชิลล์ ๆ ช่วงเดือนดังกล่าวตอบโจทย์ได้ไม่น้อย
เที่ยวเมืองหิมะที่เวียดนามต้องไปที่ไหน?
นักท่องเที่ยวชาวไทยหลายคน ต้องการออกเดินทางไปยังประเทศที่มีหิมะสีขาวโพลนรอต้อนรับ เพื่อสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นและบรรยากาศที่สวยงาม ซึ่งบางคนอาจเดินทางกับครอบครัว กับเพื่อน หรือบางคนอาจต้องการถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกับแฟน หรือพาแฟนไปฮันนีมูนในเมืองที่มีหิมะตกแต่ไม่อยากเดินทางไกล “เมืองซาปา” ถือเป็นจุดเช็คอินที่ควรค่าแก่การเต็มเติมโมเมนต์หวานเกินลิมิตของคู่รัก เพราะทุก ๆ ฤดูหนาวของซาปาที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม จะมีหิมะสีขาวตกลงมาให้นักท่องเที่ยวได้เชยชม จนหลายคนยกให้ที่แห่งนี้เป็นสวิสเซอร์แลนด์แห่งเวียดนาม แต่หากถามว่าซาปาหิมะตกช่วงไหน? คำตอบคือหิมะในซาปาตกในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ แต่ทั้งนี้ในช่วงเดือนมกราคมนักท่องเที่ยวมีโอกาสได้ชมหิมะเวียดนามได้ง่ายกว่าช่วงอื่น ๆ
ชมหิมะสีขาวโพลนที่ซาปาประเทศเวียดนาม / ภาพจาก : www.mgronline.com
ทำความรู้จัก “ซาปา” เมืองหมอกในเวียดนาม
ซาปาเป็นเมืองเล็ก ๆ ในหุบเขา มีพื้นที่บางส่วนติดกับประเทศจีน ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดลาวไค ประเทศเวียดนาม มีภูเขาน้อยใหญ่วางสลับซับซ้อนอย่างสวยงาม โดยเมืองซาปาเป็นพื้นที่ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,650 เมตร ส่งผลทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ซึ่งเมืองซาปาในเวียดนามเป็นเมืองที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี หากต้องการสัมผัสอากาศเย็นสบายแบบชิลล์ ๆ คือช่วงเดือนมีนาคม - มิถุนายน และช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน เป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีฝนตก กลางวันมีแสงแดดอ่อน ๆ และอากาศเย็นสบายในตอนกลางคืน ส่วนช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม จะเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเพื่อชมนาขั้นบันไดสีเขียวขจี ที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ท่องเที่ยวสวย ๆ ของเวียดนามตอนเหนือ
สำหรับช่วงท่องเที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะที่สุดคือเดือนธันวาคมถึงปลายมกราคม มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ -3 องศา แต่ถึงอย่างไรใช่ว่านักท่องเที่ยวทุกคนจะมีโอกาสสัมผัสกับหิมะทุกปี เพราะต้องรอช่วงที่ซาปามีอากาศเย็นจัดเท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้สัมผัสกับหิมะที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ สำหรับการเดินทางไปที่ซาปา ต้องเริ่มจากการนั่งเครื่องบินมาลงที่ฮานอย (ซาปาไม่มีสนามบินรองรับ) จากนั้นเดินทางต่อไปซาปาด้วยรถบัส รถโค้ช หรือรถไฟ โดยใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 9 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรถโดยสารที่เลือกใช้บริการ หากต้องการความสะดวกรวดเร็วแนะนำให้เดินทางด้วยรถบัสหรือรถโค้ช แต่หากต้องการเดินทางแบบชิลล์ ๆ ตอนกลางคืนและตื่นมารับชมวิวสวย ๆ ของเมืองลาวไคในตอนเช้า แนะนำให้โดยสารด้วยรถไฟที่มีผู้ให้บริการหลายเจ้าหลายราคา รับรองว่าตอบโจทย์ผู้ที่หลงใหลในความสวยงามของธรรมชาติแน่นอน
ที่เที่ยวเมืองซาปา จุดเช็คอินยอดฮิตที่ต้องไปเยือน
นอกจากการเที่ยวชมหิมะที่ซาปาแล้ว ซาปายังมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มีการทำนาขั้นบันไดตามไหล่เขา อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีคนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่มากที่สุดในเวียดนาม ที่สำคัญยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ รอต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น
ยอดเขาฟานซิปัน (Fansipan)
พิชิตฟานซิปัน ยอดเขาที่สูงที่สุดในเวียดนาม
ยอดเขาฟานซิปันเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเวียดนาม ด้วยความสูง 3,143 เมตรจนได้รับการขนานนามว่าเป็น “หลังคาแห่งอินโดจีน” โดยการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาสามารถนั่งรถกระเช้าไฟฟ้าที่เป็นระบบสลิง ระหว่างการเดินทางจะมองเห็นวิวธรรมชาติสวย ๆ ของเมืองซาปา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิชิตยอดเขาด้วยการเดินเท้า 3 วัน ให้ท้าทายความกล้าและความสามารถอีกด้วย
ภูเขาฮามรอง (Ham Rong Mountain)
ภูเขาฮามรองในเวียดนาม
ภูเขาฮามรองเป็นภูเขาที่อยู่ใกล้เมืองซาปา โดยจุดไฮไลท์ของที่นี่เป็นสวนดอกไม้ที่คนในท้องถิ่นนำมาปลูกไว้ ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถมองเห็นเมืองซาปาได้แบบพาโนรามา และบางวันหากมีสายหมอกลงมามาก ๆ คุณจะได้เห็นกับหมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในสายหมอก ที่มองแล้วสวยงามราวกับภาพวาด
โบสถ์ซาปา (Sapa Stone Church)
Sapa Stone Church โบสถ์หินของชาวคาทอลิกในซาปา
นอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้ว สถาปัตยกรรมของที่นี่ยังสวยงามไม่แพ้ที่ไหน ๆ ตัวอย่าง โบสถ์หินแห่งเมืองซาปา The Ancient Stone Church ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1895 โดยชาวฝรั่งเศส (สมัยนั้นซาปามีชาวฝรั่งเศสอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก) และปัจจุบันทางเมืองก็ยังคงอนุรักษ์ที่แห่งนี้เอาไว้ เพราะนอกจากจะเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปเช็คอินแล้ว ยังเป็นสถานที่สำคัญของชาวคริสต์ที่อาศัยอยู่ในเมืองอีกด้วย
จุดชมวิวตรามตอนพาส (Tram Ton Pass)
จุดชมวิวตรามตอนพาส
ตรามตอนพาสเป็นจุดชมวิวสูงสุดของเมืองซาปา ตั้งอยู่ริมถนนทางไปไลโจวที่เป็นเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดลาวไคกับจังหวัดไลโจวบนยอดเขาฟานซิปัน มีความสูงอยู่ที่ 1,900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ตรงบริเวณนี้คุณจะได้มองเห็นวิวภูเขาแบบกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ทั้งยังมองเห็นเส้นถนนที่คดเคี้ยวตัดผ่านภูเขาสีเขียวสด เป็นมุมที่มองแล้วสวยงามแปลกตาจนอยากหยิบกล้องมาถ่ายรูปเก็บไว้รัว ๆ
หากใครต้องการชมความสวยงามและความหนาวเย็นของหิมะสักครั้ง แนะนำให้เดินทางเที่ยวเวียดนามด้วยตัวเองและมุ่งหน้าไปที่ซาปา รับรองว่าเติมเต็มความโรแมนติกและไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน ที่สำคัญซาปายังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายรอให้ทุกคนได้ไปสัมผัส อีกทั้งยังเดินทางง่าย ไม่ไกลจากประเทศไทยอีกด้วย และแม้ค่าครองชีพที่เวียดนามจะไม่สูงมากนัก แต่คงดีกว่าหากคุณมีตัวช่วยดี ๆ อย่างบัตรเครดิต KTC ที่ช่วยให้คุณสะดวกสบายทุกการใช้จ่าย ทั้งยังมาพร้อมโปรโมชั่นท่องเที่ยวแสนคุ้มค่า หรือเลือกปรึกษาข้อมูลการท่องเที่ยวผ่าน KTC World Travel Service ที่พร้อมให้บริการข้อมูล วางแผนการเดินทางทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมมอบโปรโมชั่นสุดคุ้มทั้งจองตั๋วเครื่องบิน รถเช่า ประกันการเดินทาง สนใจสอบถามข้อมูลได้ผ่านทาง LINE : KTC WORLD และ Facebook : KTC WORLD Community หรือโทร.02 123 5050
จองโรงแรม/ตั๋วเครื่องบิน เที่ยวเวียดนามแบบคุ้มค่าผ่าน KTC WORLD …ที่นี่