ในยุคที่น้ำมันแพงแบบนี้ การเลือกซื้อรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน กลายเป็นทางออกของผู้ที่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์เป็นประจำ ยิ่งในหลายปีมานี้ กระแสรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริดที่พัฒนาระบบเครื่องยนต์เพื่อให้ลดการใช้น้ำมันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้รถยนต์รุ่นใหม่จึงสามารถประหยัดน้ำมันได้มากกว่าเดิม หากใครกำลังวางแผน มองหารถยนต์ประหยัดน้ำมันมาแรงแห่งปี 2025 KTC รวบรวมมาให้แล้ว
วิธีเลือกรถประหยัดน้ำมัน
แม้ว่าปัจจุบันรถยนต์จะถูกพัฒนาให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น แต่การเลือกรถยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้งานก็จะทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดได้มากขึ้น โดยมีเคล็ดลับในการเลือกดังนี้
- ประเภทรถยนต์
ควรเลือกขนาดของรถยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น เน้นการขับไปทำงาน เดินทางคนเดียวเป็นหลัก ก็ควรเลือกรถขนาดเล็ก อย่างอีโคคาร์ที่มีน้ำหนักเบา เดินทางสะดวก และประหยัดน้ำมันกว่ารถยนต์ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่
- ขนาดเครื่องยนต์
ขนาดเครื่องยนต์ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญเรื่องการประหยัดน้ำมัน ควรเลือกขนาดเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน หากใช้งานในเมือง ไม่ได้ขับทางไกลเป็นหลัก ก็ควรเลือกซื้อรถยนต์ขนาดเล็ก หรืออีโคคาร์ ซึ่งกินน้ำมันน้อยกว่ารถที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่
- ระบบเครื่องยนต์
ด้วยเทคโนโลยีที่ถูกนำมาพัฒนารถยนต์ในปัจจุบัน จึงทำให้มีระบบเครื่องยนต์ที่ให้สมรรถภาพที่ดีขึ้น และประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิม อย่างเครื่องยนต์ไฮบริดที่มีการนำระบบไฟฟ้ามาช่วยลดการใช้น้ำมัน หากใครมีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์ขนาดกลางขึ้นไป ให้เลือกซื้อเป็นรถยนต์ไฮบริด ก็จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า
วิธีประหยัดน้ำมันรถยนต์
นอกจากการเลือกซื้อรถยนต์ให้เหมาะสมแล้ว พฤติกรรมการใช้รถยนต์ก็สามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
- ตรวจสอบสภาพรถอยู่เสมอ
สมรรถภาพรถยนต์ ถือเป็นสิ่งที่ต้องคอยตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ บางครั้งอาจมีการเสียหายของระบบเครื่องยนต์เล็กๆ น้อยๆ ที่อาจส่งผลต่อการใช้น้ำมันโดยรวม
- ไม่ออกตัวกระชาก
การออกตัวแบบกระชาก หรือรีบเหยียบคันเร่งพุ่งออกตัวอย่างรวดเร็วเป็นการสิ้นเปลืองน้ำมัน เพราะเมื่อเราเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งความเร็ว เท่ากับการเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังทำให้เครื่องยนต์เสียหายอีกด้วย
- ขับรถด้วยความเร็วคงที่
การขับรถด้วยความเร็วคงที่ และไม่ขับเร็วมากจนเกินไป โดยอยู่ที่ 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นอีกวิธีในการช่วยประหยัดน้ำมันที่ได้ผล และทำให้เครื่องยนต์มีการทำงาน และเผาผลาญเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หมั่นเช็กลมยาง
อีกสิ่งที่หลายคนมองข้ามในการขับรถก็คือเรื่องของลมยาง ควรหมั่นตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ เพราะลมยางที่อ่อนจนเกินไปทำให้ต้องใช้กำลังเครื่องยนต์มากกว่าปกติ และจะทำให้มีการใช้น้ำมันมากกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรหมั่นตรวจสอบลมยางให้เหมาะสมกับประเภทของรถยนต์ รวมไปถึงควรหมั่นเปลี่ยนยางรถยนต์ทุกๆ 2-5 ปี หรือทุก 30,000-40,000 กิโลเมตร เพื่อให้สามารถยึดเกาะถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดการใช้พลังงานจากเครื่องยนต์
สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC รับสิทธิพิเศษเปลี่ยนยาง และทุกงานบริการ รับโปรแรง จากศูนย์บริการยางยนต์ชั้นนำ ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนได้สูงสุด 16% โดยรับเครดิตเงินคืน 3% เมื่อผ่อน โดยไม่ต้องเเลกคะเเนน และแลกคะเเนน KTC FOREVER รับเครดิตเงินคืน หรือ ส่วนลด 13% เมื่อระยะเวลาโปรโมชั่น: 1 ก.ย. 67 – 28 ก.พ. 68
- หลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหัน
เมื่อเบรกกะทันหัน จะทำให้ต้องลดความเร็วอย่างรวดเร็ว และเมื่อมีการขับต่อก็จะต้องทำการเร่งเครื่องยนต์ใหม่อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นเหตุให้รถยนต์ใช้น้ำมันมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงควรสังเกตผู้ร่วมเดินทาง และระมัดระวังอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดการเบรกกะทันหันมากเกินไป
รถยนต์ประหยัดน้ำมันยอดฮิต ปี 2025
รถยนต์ประหยัดน้ำมันยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย ทั้งยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รถยนต์รุ่นต่างๆ ได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์และปรับปรุงให้มีการประหยัดน้ำมันมากขึ้น ไปดูรถยนต์ประหยัดน้ำมันยอดนิยมที่ควรพิจารณาในปี 2025 พร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.nissan.co.th
1.Nissan Almera
ราคาเริ่มต้น |
549,000 บาท |
ขนาดเครื่องยนต์ |
1.0 ลิตร Turbo |
รถยนต์ประเภทอีโคคาร์จากค่ายนิสสัน ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1,000 ซีซี แบบเทอร์โบ แม้เครื่องจะเล็ก แต่ยังคงความแรงด้วยระบบเทอร์โบ และห้องโดยสารกว้าง นั่งสบายและระบบเสริมครบครัน ไม่ว่าจะเป็นกล้องมองหลัง เซ็นเซอร์รอบคัน ขับง่ายเดินทางได้คล่องตัว
ไฮไลต์
- เครื่องยนต์เทอร์โบ
- ระบบกล้อง 360 องศา BSM
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.honda.co.th
2.Honda City
ราคาเริ่มต้น |
599,000 |
ขนาดเครื่องยนต์ |
1.0 ลิตร Turbo |
รถยนต์อีโคคาร์เรือธงจากค่ายฮอนด้า แบรนด์รถยนต์สุดฮิตของคนไทย ซึ่ง Honda City รุ่นนี้ มีให้เลือกทั้งแบบ Sedan 4 ประตู และ Hatchback 5 ประตู สำหรับสายลุยที่ต้องการการเดินทางที่คล่องตัว ดีไซน์สปอร์ตคงเอกลักษณ์ความเป็นฮอนด้า
ไฮไลต์
- เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมันแบบเทอร์โบ
- ดีไซน์สปอร์ต ล้ำสมัย
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.suzuki.co.th
3.Suzuki Swift
ราคาเริ่มต้น |
567,000 บาท |
ขนาดเครื่องยนต์ |
1.2 ลิตร |
อีกหนึ่งรถยนต์ประหยัดน้ำมันที่ฮิตมาอย่างยาวนานจากซูซูกิ อย่าง Suzuki Swift ที่พร้อมเปิดโฉมใหม่รับปี 2024 ด้วยดีไซน์สปอร์ตมากกว่าเดิม และระบบเครื่องยนต์แบบหัวฉีดคู่ หรือ DUALJET ขนาด 1.2 แรงไม่แพ้ใคร ขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะกับการใช้เดินทางในเมืองเป็นหลัก ขับง่าย และจอดสะดวก
ไฮไลต์
- ช่วงล่างแข็งแรง เข้าโค้งได้ดี
- ขนาดเครื่องยนต์ 1.2 ประหยัดน้ำมันได้ดี
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.mazda.co.th
4.Mazda 2
ราคาเริ่มต้น |
491,000 บาท |
ขนาดเครื่องยนต์ |
1.3 และ 1.5 ลิตร |
รถยนต์ขนาดเล็ก กะทัดรัด ประหยัดน้ำมันจากมาสด้า ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 4 ประตู และ Hatchback 5 ประตู และเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งเบนซิน และดีเซล พร้อมระบบเซ็นเซอร์รอบคัน กล้องมองหลัง ขับง่าย เดินทางได้คล่องตัว และช่วงล่างแข็งแกร่งด้วยโครงสร้าง Skyactive ลิขสิทธิ์เฉพาะของมาสด้า
ไฮไลต์
- มีระบบเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งเบนซิล และดีเซล
- ขนาดเล็ก ขับในเมืองสะดวก
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.nissan.co.th
5.Nissan Kicks e-POWER
ราคาเริ่มต้น |
779,900 บาท |
ขนาดเครื่องยนต์ |
1.2 ลิตร |
รถยนต์นั่งอเนกประสงค์สไตล์ Crossover 5 ประตู แบบสปอร์ต โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี e-Power ที่แตกต่างจากระบบไฮบริดทั่วไป เพราะจะใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปในการสร้างพลังงานไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ ทำให้ประหยัดพลังงานมากกว่ารถยนต์ไฮบริดทั่วไป พร้อมด้วยระบบอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องโดยสารกว้าง นั่งสบายตลอดการเดินทาง
ไฮไลต์
- ระบบเครื่องยนต์ e-POWER ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถยนต์ไฟฟ้า
- ดีไซน์แบบสปอร์ต ขับสบาย ทัศนวิสัยกว้างไกล
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.suzuki.co.th
6.Suzuki Celerio
ราคาเริ่มต้น |
319,900 บาท |
ขนาดเครื่องยนต์ |
1.0 ลิตร |
รถยนต์ขนาดจิ๋ว กะทัดรัด เดินทางสะดวกสบาย เหมาะกับการใช้งานในเมือง ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร ทำให้ประหยัดน้ำมันสุดๆ ตลอดการเดินทาง พร้อมดีไซน์ 5 ประตู ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน
ไฮไลต์
- ราคาประหยัด ดูแลรักษาง่าย
- ดีไซน์ 5 ประตู ตอบโจทย์การใช้งาน
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.toyota.co.th
7.Toyota Corolla Cross
ราคาเริ่มต้น |
999,000 บาท |
ขนาดเครื่องยนต์ |
1.8 ลิตร |
รถประหยัดน้ำมันที่ดีไซน์ออกมาสำหรับครอบครัว ด้วยห้องโดยสารกว้าง นั่งสบาย และเบาะแบบพับเก็บได้ จึงทำให้สามารถบรรจุสัมภาระได้เยอะ เป็นรถสไตล์อเนกประสงค์ที่พร้อมตอบโจทย์การเดินทางที่สะดวกสบาย และประหยัดน้ำมัน
ไฮไลต์
- ห้องโดยสารกว้าง นั่งสบาย
- เบาะพับเก็บได้ บรรจุสัมภาระได้มากขึ้น
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.toyota.co.th
8.Toyota Yaris ATIV
ราคาเริ่มต้น |
549,000 บาท |
ขนาดเครื่องยนต์ |
1.2 ลิตร |
ปิดท้ายด้วยรถยนต์ประหยัดน้ำมันตัวฮิตจากโตโยต้า ด้วยขนาดเครื่องยนต์เพียง 1.2 ลิตร ที่เน้นการขับในเมือง เคลื่อนที่ง่าย พร้อมด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง เมื่อเทียบกับรถอีโคคาร์แบรนด์อื่นๆ นั่งสบายตลอดเส้นทาง
ไฮไลต์
- ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย
- ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense
เรียกได้ว่าแต่ละคันต่างก็ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานที่แตกต่างกันไป หากใครสนใจรุ่นไหน แนะนำให้ไปลองขับด้วยตนเองที่ศูนย์บริการ เพื่อจะได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานจริง และเลือกรถยนต์ประหยัดน้ำมันได้ถูกใจ เหมาะสมกับการใช้งาน และอย่าลืมหมั่นดูแล บำรุงรักษาคุณภาพของรถยนต์ให้ดีอยู่เสมอ จะยิ่งช่วยให้รถยนต์ประหยัดน้ำมัน และใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น
- ชำระเงินจอง หรือเงินดาวน์สำหรับออกรถใหม่ ใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืน 13% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ KTC ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป + ใช้คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน แลกรับเครดิตเงินคืน 130 บาท
- ระยะเวลาโปรโมชั่น: 1 พ.ย. 67 – 30 เม.ย. 68
อยากรับโปรโมชั่นดูแลรถยนต์ที่ตอบโจทย์ พร้อมสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่า เพียงสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านช่องทางออนไลน์ อยู่ที่ไหนก็สมัครได้ ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC